บทที่ 1615 การเผชิญหน้าอันไม่อาจเลี่ยง
…………….
บทที่ 1615 การเผชิญหน้าอันไม่อาจเลี่ยง
ดาววารีทศทมิฬ
ดวงดาวนี้แตกต่างจากหมู่ดารารายล้อม มันกว้างใหญ่อย่างยิ่ง มีขนาดใหญ่กว่าดาวดวงอื่นกว่าพันเท่า และเมื่อมองจากไกล ๆ มันก็ดูประหนึ่งตะวันผลาญลอยกลางจักรวาลดารา เจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง
หากผู้ใดคิดจะไปยังดาววิญญาณมลทิน ณ ส่วนลึกสุดของกลุ่มดาวถาวอู้ เช่นนั้น ก็ต้องผ่านดาววารีทศทมิฬอย่างเลี่ยงไม่ได้
วูบ!
บนอวกาศมีหนึ่งคลื่นอำนาจวูบไหว แล้วร่างของเฉินซีกับเถี่ยอวิ๋นผิงก็ปรากฏขึ้น
เฉินซีร่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คว้าหินก้อนหนึ่ง ออกแรงนิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจป่นมันเป็นผงได้ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ “ที่นี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ปราณมลทินอเวจีซึมเข้าไปในพื้นทุกตารางชุ่นของดาวดวงนี้แล้ว ทำให้ทั้งดินหินและสรรพสิ่งที่นี่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง”
“ผู้อาวุโส….” ร่างของเถี่ยอวิ๋นผิงพลันเริ่มสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาว พรั่นพรึงอย่างยิ่ง
เฉินซีเลิกคิ้ว ก่อนจะนำต้นอ่อนเงาทมิฬออกมาอย่างรวดเร็ว สร้างม่านแสงกระจ่างใสครอบร่างเถี่ยอวิ๋นผิงไว้
“นั่นคืออำนาจปราณมลทินอเวจีที่บุกรุกสู่ร่างเจ้า ต้องจำไว้ว่าอย่าได้ว่อกแว่ก เปิดช่องให้โอกาสมันสั่นคลอนรากฐานเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้” เฉินซีเอ่ยแนะ
“น่ากลัวจังเจ้าค่ะ” เถี่ยอวิ๋นผิงยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจไม่หาย
“ติดตามข้างกายข้าก็พอ ข้าว่าพื้นที่จากนี้ไปไม่ใช่สถานที่ที่เทวารู้แจ้งโลกาจะเหยียบเท้ามาได้ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่กฎชุมนุมล่าดาราบังคับว่าผู้เข้าร่วมทุกคนต้องมีผู้นำในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณมาด้วยก็ได้” เฉินซีพูดเนิบ ๆ สายตาประเมินทั่วทิศอยู่
เพราะดาววารีทศทมิฬปกคลุมด้วยปราณมลทินอเวจี ทั่วทิศจึงแร้นแค้นไร้ชีวิต แม้จะเป็นยามกลางวัน แต่ก็ยังให้ความรู้สึกวังเวงชวนขนลุก
สิ่งที่ทำให้เฉินซีตกใจที่สุดก็คือ บนพื้นมีซากกระดูกให้สังเกตได้อยู่ประปราย บ้างสวมเกราะสำริดผุกร่อนเสียหาย บ้างกระทั่งแหลกเละจนไม่มีทางมองออกว่าเป็นเทพหรืออสูรร้าย
ยามสายลมพัดผ่านผืนทราย สายตากระทั่งสังเกตเห็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันเสียหายจำนวนมหาศาลได้ พวกมันส่วนใหญ่ผุพังจากการแปดเปื้อนของปราณมลทินอเวจีอย่างยิ่ง ไร้จิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่ามีศึกสังหารมากมายเกิดขึ้นบนดาววารีทศทมิฬตราบกาลนาน ชีวิตมากมายตกตายอยู่ที่นี่
ทว่าทั้งหมดนี้กลับสูญหายไปตามสายลม เหลือเพียงซากกระดูกเศษสมบัติเกลื่อนพื้น
ดูเหมือนเจ้าของซากกระดูกเหล่านี้จะมาสู้กันแย่งกระบี่มลทินอเวจีเมื่อกาลก่อน น่าเสียดายที่พวกเขาตกตายไปก่อนสมประสงค์ กลายเป็นเพียงกองดินกองเถ้า เฉินซีเคยได้ยินว่าในอดีตนานมา ณ เอกภพมสิหิม ทวยเทพมากมายยอมเสี่ยงมาที่นี่เพื่อกระบี่มลทินอเวจี น่าเสียดายที่จนบัดนี้ยังไร้ผู้สัมฤทธิผล
เฉินซีไม่ได้ทอดถอนใจยามเผชิญสัจธรรมเช่นนี้ เพราะเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันมีให้เห็นทั่วไปตั้งแต่บรรพกาล
“หืม?” ทว่าขณะที่เฉินซีคิดลงมือตามปกติ จู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้ว สีหน้ากลายเป็นเฉยชาโดยพลัน แล้วจิตสังหารสายหนึ่งก็แผ่พล่านในดวงตาอย่างเบาบาง
เฮอะ มิคาดเลยว่าพวกเขาจะกระเหี้ยนกระหือรือ เป็นฝ่ายมาหาเราเอง เฉินซีแค่นเสียงเย้ยในใจ แล้วสั่งการเถี่ยอวิ๋นผิง “อยู่เฉย ๆ อย่าขยับนะ”
เถี่ยอวิ๋นผิงผงะไป นางตะลึงงุนงงเล็กน้อย
แต่พริบตาต่อมา นางก็ได้เข้าใจ เพราะคลื่นอำนาจสายหนึ่งพลันพุ่งมาจากแสนไกล แล้วบุคคลมากมายก็ปรากฏขึ้น
พวกเขาก็คือเสวียนท่าจื่อ เสี่ยวหลัวหลั่ว เสี่ยวเทียนหลง ลู่เยี่ยน และคณะ รวมแล้วยี่สิบกว่าคน
เห็นได้ชัดว่าบุคคลมากมายในคณะนั้นมาจากอารามเต๋าสัจวิญญาณ นิกายเดียวกับเสี่ยวหลัวหลั่วและเสวียนท่าจื่อ
“ศิษย์น้องหญิงเถี่ย ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีก” ทันทีที่นางเห็นเถี่ยอวิ๋นผิง หัวใจลู่เยี่ยนก็เดือดโทสะขึ้นอย่างควบคุมมิได้ แค่นเสียงแหลมเสียดอกทัก การที่ศิษย์หญิงสายนอกผู้โง่งมต้อยต่อมีความสำเร็จเช่นนี้เป็นสิ่งที่นางรับไม่ได้เลย
สีหน้าของเถี่ยอวิ๋นผิงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นั่นมิใช่เพราะคำล้อเลียนของลู่เยี่ยน แต่เป็นเพราะนางเห็นเสวียนท่าจื่อต่างหาก!
อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันโดดเด่นโด่งดังทั่วเอกภพมสิหิมนี้ก็มาด้วยตนเองเช่นกัน ทำให้นางอดรู้สึกกังวลเล็กน้อยไม่ได้
เฉินซีเห็นเช่นนี้ก็เริ่มแย้มยิ้มเสียแทน เจิดจรัสยิ่งนัก “ดูเหมือนพวกเจ้าจะเริ่มเป็นห่วงผลลัพธ์ยามอันดับถูกแซงกันแล้วสิ?”
ผลลัพธ์คือสิ่งใด?
ย่อมเป็นการคุกเข่าขอขมา ก่อนจะทำลายรากฐานเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง!
เสี่ยวเทียนหลงและลู่เยี่ยนต่างเข้าใจความนัยวาจาของเฉินซี แล้วสีหน้าของทั้งสองต่างบูดบึ้ง
“เฉินสวิน ป่านนี้แล้ว เจ้ายังยิ้มอยู่ได้อีก ไม่เลวจริง ๆ แต่จากวันนี้ไป เจ้าคงเป็นได้แต่สวะพิการแล้วล่ะ” เสี่ยวหลัวหลั่วกล่าวขึ้น ใบหน้างดงามเจือความภาคภูมิทะนงตน กระทั่งความเย็นชา
“โอ้?” เฉินซีถามนาง “เจ้าหมายความว่าข้าจะแพ้เดิมพันแน่ ๆ หรือ?”
“แน่นอน” เสี่ยวหลัวหลั่วตอบอย่างไม่ลังเล ดูมั่นใจอย่างยิ่ง
“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าแน่ใจนัก เช่นนั้นกล้าเดิมพันกับข้าอีกหนหรือไม่ สิ่งที่ข้าต้องการง่ายมาก คุกเข่าขอขมา แล้วทำลายรากฐานเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเอง เหมือนก่อนทุกอย่าง เจ้ากล้าหรือไม่?” เฉินซีมองนางด้วยสายตาสุขุม
“เจ้า….” เสี่ยวหลัวหลั่วสีหน้านิ่งค้าง มิคาดเลยว่าเฉินซีจะเอ่ยเสนอออกมาเช่นนี้
“น่าขันเสียจริง! เจ้าจะถูกคัดออกอยู่รอมร่อ มีคุณสมบัติอันใดมาเดิมพันกับพี่สาวข้า?” เสี่ยวเทียนหลงด่าทอมาจากด้านข้าง ใบหน้าเปี่ยมความเดียดฉันท์
“เช่นนั้น ก็หมายความว่าเจ้าไม่กล้าหรือ?” เฉินซีกล่าวยิ้ม ๆ “ข้ากะแล้วเชียวว่าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งหลายก็แค่พวกไร้ค่า ไม่มีความกล้าสักนิด น่าผิดหวังจริง ๆ”
หนึ่งคำพูดหยามเหยียดคนทั้งคณะ ทำให้สีหน้ามาดร้ายดุดันกันขึ้นมา
“บังอาจ!”
“วอนหาที่ตายแท้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...