บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1642

สรุปบท บทที่ 1642 เงื่อนไขสองข้อ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1642 เงื่อนไขสองข้อ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1642 เงื่อนไขสองข้อ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1642 เงื่อนไขสองข้อ

…………….

บทที่ 1642 เงื่อนไขสองข้อ

ระหว่างผสานชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก อักขระโบราณดูคลุมเครือแลลึกลับปรากฏขึ้นบนผิวมันมากกว่าหนึ่งครั้ง

ที่มากไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของเฉินซี เขายังจำอักษรโบราณทั้งเก้าได้จนถึงตอนนี้ ซึ่งก็คือ ‘荒’ ‘神’ ‘墟’ ‘古’ ‘帝’ ‘域’ ‘纪’ ‘主’ และตัว ‘极’

ระหว่างการชุมนุมล่าดารา เขาเคยได้ยินชื่อเอกภพจักรวรรดิมัชฌิม รู้สึกได้ราง ๆ ว่าอักษรโบราณ ที่ปรากฏบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอาจเกี่ยวข้องกัน เพราะตัวอักษร ‘帝’ และ ‘域’ หมายถึงคำว่า ‘จักรวรรดิ’ และ ‘เอกภพ’

หากแต่พอเขารู้เรื่องซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่จากจักรพรรดินีอวี้เชอขึ้นมา ก็รู้สึกว่าเบาะแสจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมีส่วนเกี่ยวข้องกับซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เป็นแน่

ซึ่งไม่ใช่การเดาสุ่มทั่วไป แต่เพราะลางสังหรณ์บอกเช่นนั้น

หากลองวิเคราะห์ดูให้ดี ก็เห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็นเอกภพจักรวรรดิมัชฌิมหรือซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ทั้งคู่ล้วนเป็นพื้นที่พิเศษในแดนเทพโบราณทั้งสิ้น

โดยสถานที่หลังเป็นพื้นที่ใจกลางที่มีกว่าพันเอกภพภายในแดนเทพโบราณ มีขุมกำลังและนิกายโบราณมากมายจนจินตนาการไม่ถูกอยู่ที่นั่น ผู้บ่มเพาะธรรมดาไม่อาจเดินทางไปถึงที่นั่นได้เลย

แม้ว่าเฉินซีจะไม่รู้จักที่นี่ แต่ก็เคยได้ยินมาจากจักรพรรดินีอวี้เชอ พอเข้าใจได้ว่ามันคงไม่โด่งดังเท่าเอกภพจักรวรรดิมัชฌิม แต่ก็เป็นสถานที่ไม่ธรรมดาอยู่ดี

เพราะอย่างไรมันก็กำเนิดรากเต๋าบรรพชนมาได้ ทั้งยังดึงดูดมหาเทวาวิญญาณจากเอกภพจักรวรรดิไปเป็นจำนวนมาก ย่อมไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อคาดเดาได้เช่นนี้ เฉินซีจึงเชื่อมปริศนาอักษรโบราณที่ปรากฏอยู่บนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเข้าด้วยกันดู

หรือทั้งหมดนี้จะมีบางส่วนที่เชื่อมต่อกัน?

สมองเฉินซีหมุนไปไวนัก

“ตัดสินใจอย่างไร?” จักรพรรดินีอวี้เชออดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นเฉินซีคิดนาน เท่าที่นางรู้ ถึงเขาคิดปฏิเสธก็ไม่จำเป็นต้องคิดนานเช่นนี้

เฉินซีจึงได้สติกลับมาจากภวังค์ความคิด หลังจัดการความคิดเล็กน้อยก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้เลย จึงได้แต่ยิ้มขื่นแล้วถามออกไป “เหตุใดท่านจึงเลือกข้า?”

“มีอยู่หลายเหตุผล ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้าอยากขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล อย่างไรก็ต้องเดินทางไปซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ อีกเหตุผลคือหากเจ้าอยากหาที่ตั้งของเขาเทพพยากรณ์ เช่นนั้นก็ต้องฉวยโอกาสนี้เดินทางเข้าเอกภพจักรวรรดิมัชฌิม” จักรพรรดินีอวี้เชอเอ่ยขึ้นเชื่องช้า “อีกทั้งการได้จัดการกับสหายน้อยตระกูลกงเหย่นั่นยังส่งผลดีต่อเจ้าด้วย”

เฉินซีเลิกคิ้วทันที “คนตระกูลกงเหย่ผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”

เหตุผลสองข้อแรกเขาเห็นด้วย อย่างไรเขาก็รู้ดีว่าหากเขามีคุณสมบัติแห่งมหาเทวาวิญญาณ และอยากขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เช่นนั้นก็ต้องเดินทางไปซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่จริง

เพราะมีแต่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เท่านั้นที่จะสามารถสร้างรากเต๋าบรรพชนซึ่งเหมาะสมกับมหาเทวาวิญญาณขึ้นมาได้

อีกทั้งหากเฉินซีอยากรู้คำตอบว่าจะเดินทางไปเขาเทพพยากรณ์อย่างไรจากจักรพรรดินีอวี้เชอ เขาก็มีแต่ต้องตอบตกลง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้เฉินซีจึงเริ่มยอมรับไป ไม่เช่นนั้นคงได้แต่สงสัยว่าคนตระกูลกงเหย่ผู้นั้นเป็นใครกันแน่

“กงเหย่เจ๋อฟู” จักรพรรดินีอวี้เชอเอ่ยเสียงเรียบ “คนผู้นี้เป็นยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลกงเหย่ เขาขึ้นอันดับที่เก้า ในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ เป็นตัวตนเลื่องชื่อไปทั่วเอกภพจักรวรรดิ”

นางหยุดเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “กงเหย่เจ๋อฟูมีจุดประสงค์คือซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ก็เหมือนกับมหาเทวาวิญญาณคนอื่น ๆ ซึ่งก็คือเพื่อชิงรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าที่เพิ่งถือกำเนิด อีกทั้งจากความสามารถในปัจจุบันของเขาก็มีโอกาสสำเร็จสูงมาก”

กงเหย่เจ๋อฟู!

ยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลกงเหย่รุ่นเยาว์ รั้งอันดับเก้า ในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ!

แค่เท่านี้ก็ทำให้เฉินซีรู้ดีแล้วว่าคนผู้นี้มีฝีมือสูงส่งเพียงไหน

หากเทียบกับเขาแล้ว โอรสองค์ที่สิบสามของจักรพรรดิโกวเฉิน สวินหยางผิง ยังเอามาเทียบไม่ได้เลย

เพราะคนหนึ่งอยู่อันดับที่เก้าบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ อีกคนอยู่อันดับที่เจ็ดสิบหกมีความต่างพลังมากเกินไป

เฉินซียิ้มแห้งยามได้ยิน จักรพรรดินีอวี้เชอประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว อยากให้ข้าไปรับมือกับตัวประหลาดเช่นนั้นหรือ

แม้สิ่งที่เขาต้องทำคือหยุดกงเหย่เจ๋อฟูไม่ให้เอารากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าไปได้ แต่เฉินซีก็รู้ดีว่านั่นแทบไม่ต่างกับการสังหารกงเหย่เจ๋อฟูเลย

“ไม่ไหว เงื่อนไขนี้อันตรายเกินไป เว้นเสียแต่ว่าจักรพรรดินีจะยอมรับเงื่อนไขของข้าได้” เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ครุ่นคิดลุ่มลึกอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่สิ เงื่อนไขสองข้อของข้า”

“ว่ามา” จักรพรรดินีอวี้เชอไม่ลังเล “ไม่ต้องแค่สองข้อหรอก หากเป็นอะไรที่ข้าทำได้ ข้าตกลงได้ทุกอย่าง”

เฉินซีถึงกับชะงักไป สุดท้ายก็เข้าใจว่ายังไงเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของนางสินะ

เขารีบเค้นสมองอย่างรวดเร็ว “ข้าต้องการวัตถุเทวะจำนวนมากเพื่อกลั่นสมบัติ นั่นเป็นเงื่อนไขข้อแรก”

ทว่าตอนนี้ เหมือนนางรู้สึกว่าตนตื่นจากฝันอย่างไรก็อย่างนั้น….

โลหะเย็นเกล็ดมังกร สมุนไพรวิบัติหยกสีหมึก สมุนไพรผสานปราณ หินเปล่งแสงหยก….

ในคืนนั้นเอง จักรพรรดินีอวี้เชอก็ส่งลูกมือไปเตรียมวัตถุเทวะที่เฉินซีต้องการทั้งหมดมา โดยมีทั้งหมดสามร้อยเจ็ดสิบสองอย่าง ทุกชิ้นล้วนเป็นวัตถุเทวะล้ำค่าหายากที่มีมูลค่าสูงจนตาตั้ง

ถึงขั้นที่หากดูจากราคาในตลาด ราคาวัตถุเทวะทั้งหมดคงสูงกว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติคุณภาพดีสักชิ้นไปแล้ว!

แต่ในตอนนี้ วัตถุเทวะทั้งหมดกลับมากองอยู่ตรงหน้าเฉินซี เขาเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ นางเป็นจ้าวเอกภพของเอกภพมสิหิม จักรพรรดินีอวี้เชอช่างลงมือรวดเร็วน่ากลัวเสียจริง

หากเขาต้องออกเงินซื้อของพวกนี้เองคงไม่สามารถหามาทั้งหมดได้ภายในวันเดียวแน่

วิ้ง~

เฉินซีหยิบยันต์ศัสตราออกมาอย่างไร้ความลังเล และก็เหมือนเช่นเคย ชายหนุ่มเริ่มกลั่นวัตถุเทวะทันใด….

วิธีกลั่นยันต์ศัสตราเป็นวิชาลับพิเศษที่รู้กันเพียงในเขาเทพพยากรณ์เท่านั้น ซึ่งต่างจากสมบัติทั่วไปในใต้หล้า

เพราะมันไม่เพียงมีอำนาจมาก แต่ยังมีความสามารถในการพัฒนาอย่างไรที่สิ้นสุด แค่เท่านี้ก็เป็นสิ่งที่สมบัติชิ้นอื่นไม่สามารถเทียบได้แล้ว

แต่พร้อมกันนั้น การกลั่นยันต์ศัสตราและพัฒนาคุณภาพของมันก็ต้องใช้วัตถุเทวะจำนวนมาก นับว่ามากกว่าสมบัติชิ้นอื่นหลายเท่า

หากเอาวัตถุเทวะเหล่านี้ไปใช้กลั่นสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ ก็คงสามารถกลั่นออกมาเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางเจ็ดหรือแปดชิ้นได้ด้วยซ้ำ

หากแต่เมื่อเอามาใช้กลั่นยันต์ศัสตรา ของพวกนี้ก็ทำได้แค่พัฒนาอำนาจยันต์ศัสตราให้เหนือกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางระดับหกได้ ด้อยกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงระดับเจ็ดอยู่เพียงเล็กน้อย

หากแต่ผลลัพธ์ที่เฉินซีได้จากการทุ่มทรัพยากรไปขนาดนั้นก็น่าตื่นตามากเช่นกัน เพราะอย่างน้อยอำนาจของยันต์ศัสตราก็มีความได้เปรียบกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางส่วนมาก

อีกทั้งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางนั้นก็มีพลังที่เทวารู้แจ้งวิญญาณสามารถใช้ได้พอดิบพอดี หากอำนาจสูงกว่าเพียงนิดก็จะใช้ได้ยาก

แต่เฉินซีก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้มากมาย เขาเพียงคิดว่าหากกลั่นยันต์ศัสตราครั้งนี้สำเร็จเมื่อไหร่ ก็จะสามารถดึงพลังทั้งหมดของเขาออกมาได้ เขาจะแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยสามในสิบส่วน!

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]