บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1659

สรุปบท บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปตอน บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร – จากเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

ตอน บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร

………………..

บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร

เมื่อเหลือบเห็นเจียหนานเป็นครั้งแรก เฉินซีก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง บางที เล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ อาจไม่กลัวเจียหนาน แต่ไม่ใช่กับเฉินซี

นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณล้วน ๆ

แน่นอนว่า โดยปกติแล้ว เฉินซีไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเจียหนาน ในระหว่างการมาซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ในครั้ง

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วธูป น้ำเต้าสะบั้นวิญญาณก็หยุดสั่น มันค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบและเงียบงัน

แต่กระนั้น เมื่อสายตาของเฉินซีจับจ้องไปที่โลกภายนอก ก็พบว่ามันเป็นสีเทาสนิท และไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเข้าผ่านแดนปีศาจโกลาหลแล้ว มันช้าลงมากจนแทบหยุดนิ่ง

“ทุกคน เราได้มาถึงภายในปราณหมานกู่วิเวกแล้ว และอย่างเร็วที่สุดหนึ่งเดือน ก่อนที่เราจะไปแดนรากบรรพกาล ท้ายที่สุดแล้ว ปราณหมานกู่วิเวกก็ไม่ธรรมดาเลย ไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติวิญญาณธรรมชาติ แม้เราจะพึ่งพาความแข็งแกร่งของเราเพื่อเหาะเหิน แต่เราต้องทนทุกข์จากการยับยั้งอย่างมาก”

เล่ออู๋เหินอธิบาย “อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ไม่มีอันตรายใด ๆ ภายในพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยปราณหมานกู่วิเวก ดังนั้นทุกคนจึงสามารถถือโอกาสนี้นั่งสมาธิได้สักระยะหนึ่ง เพราะเมื่อเราไปถึงแดนรากบรรพกาล เราจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกต่อไป”

หนึ่งเดือนเหรอ? ข้าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อทำความเข้าใจมรดกจากกระบี่เหล็กนั่น… เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจและลุกขึ้นยืนทันที

“สหายเต๋าเฉินซี เจ้าจะไปไหนหรือ?” อวี๋ชิวจิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ข้าจะไปบ่มเพาะ” เฉินซีกล่าวอย่างสบาย ๆ

“บ่มเพาะ?” อวี๋ชิวจิงรู้สึกขบขัน “เวลาแค่หนึ่งเดือน หากนั่งสมาธิอยู่ที่นี่ก็เหมือนผ่านไปในพริบตา ข้าเกรงว่าเวลาคงไม่เพียงพอที่เจ้าจะบ่มเพาะได้กระมัง?”

คนอื่น ๆ ก็รู้สึกขบขันเช่นกัน เวลาเพียงเดือนเดียว จะบรรลุความสำเร็จอันใดได้? หรือคนผู้นี้คิดว่าจะสามารถทะลวงขอบเขตได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน?

เฉินซีเพียงยิ้มและไม่สนใจอีก จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไป

“คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง” มีคนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะเมื่อเห็นเฉินซีจากไป

“แม่นางเยียนหราน เจ้ารู้จักเฉินซีคนนี้ได้อย่างไร? ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับภูมิหลังของคนผู้นี้” มีคนอาศัยโอกาสนี้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินซี

ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยตั้งข้อสงสัยและปฏิเสธเฉินซี เพราะพวกเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่เพียงพอ ทั้งยังขาดชื่อเสียง แต่หลังจากที่เฉินซีเอาชนะเฉาเจิน และได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เฉินซีข่มขวัญกำลังใจ ดังนั้นแม้จะไม่ได้กล่าวถึงมันอย่างเปิดเผย แต่ทัศนคติที่มีต่อเฉินซีก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก

เชินถูเยียนหรานย่อมสังเกตเห็นสิ่งนี้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว และความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจทันที พวกจองหองเหล่านี้ ล้วนคิดว่าตัวเองสูงส่งมาก ดังนั้นจึงดูถูกผู้บ่มเพาะในเอกภพอื่น ๆ ข้าสงสัยว่าพวกเขาไปเอาความรู้สึกเหนือกว่าเช่นนี้มาจากใด

หากคนเหล่านี้มันไม่ได้รับการปกป้องจากกองกำลังที่หนุนหลังอยู่ ยามนี้พวกมันคงถูกสั่งสอนไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วกระมัง?

“ข้าก็จะไปบ่มเพาะเช่นกัน” ก่อนที่เชินถูเยียนหรานจะกล่าว จวนอวี๋สุ่ยซึ่งปกติจะนิ่งเงียบก็กล่าวขึ้นกะหันทัน จากนั้นลุกขึ้นยืนและจากไปทันที

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดสำหรับการกระทำของจวนอวี๋สุ่ยได้

บางทีเขาอาจจะทนเห็นคนเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน

เชินถูเยียนหรานครุ่นคิด ขณะเดียวกันนางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าก็จะบ่มเพาะเช่นกัน ดังนั้นเชิญพวกเจ้าตามสบาย”

ทันทีที่สิ้นคำ นางก็เดินจากไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็คาดเดาเหตุผลเบื้องหลังทั้งหมดได้คร่าว ๆ ทำให้สีหน้าของทุกคนก็ดูมืดมนเล็กน้อย

แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของอวี๋ชิวจิง ความรู้สึกโกรธแค้นถาโถมเข้าสู่หัวใจ แต่เขาก็ยังคงยิ้มพลางกล่าวว่า “เอาละ มาดื่มต่อกันเถอะ”

“ใช่แล้ว มา! มา! มา! มาดื่มกันเถอะ!” ดูเหมือนเล่ออู๋เหินจะไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเลย เขาแผดเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ จากนั้นจึงยกเหยือกสุราขึ้น แล้วดื่มหมดในคราวเดียว

คนผู้นี้แสร้งเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกแล้ว อวี๋ชิวจิงเหลือบมองเล่ออู๋เหิน สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขายกจอกสุราขึ้นและจิบเบา ๆ

ภายในห้อง

เฉินซีนั่งสมาธิและไม่สนใจโลกภายนอกอีกต่อไป ชายหนุ่มสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านไปจากใจ จากนั้นเริ่มตรวจสอบและพินิจตนเองทันที

ฟึ่บ!

ในห้วงจิตสำนึก ความคิดเหมือนมหาสมุทรที่พลุ่งพล่านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ท่ามกลางมหาสมุทรที่พลุ่งพล่านนี้ มีความทรงจำ ภูมิปัญญา ความเข้าใจ และประสบการณ์ของเฉินซี พวกมันมีลักษณะเป็นผลึกโปร่งแสง และเปี่ยมด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์

แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นจากประทีปวิญญาณทั้งเก้าดวง กำลังอาศัยอยู่ในจิตวิญญาณของเขา คล้ายคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ซึ่งลุกโชติช่วงด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณ

ในไม่ช้า ขณะที่เฉินซีพินิจมันอย่างจดจ่อ ตราประทับมรดกที่มีอยู่มากมายมหาศาลก็ลอยขึ้นมาปรากฏในทะเลแห่งจิตสำนึก เฉินซีไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย เขาคว้าพวกมันไว้ทันที

โครม!

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา มรดกที่ล้ำลึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ และส่งเสียงดังกึกก้องขณะไหลทะลักเข้าสู่จิตใจเฉินซี

ในที่สุดเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวพึมพำ ไม่แปลกใจเลย ที่เต๋าแห่งกระบี่ของเจ้าของกระบี่เหล็กเล่มนี้จะน่าทึ่งขนาดนั้น ปรากฏว่าถ้าใครตั้งใจที่จะพัฒนาในขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ก็ต้องเริ่มจากพลังดวงใจเสียก่อน…

เคล็ดวิชาในการควบคุมเต๋าแห่งกระบี่ด้วยพลังดวงใจนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นกระบี่ดวงใจลี้ลับ

เฉินซีเดาะลิ้นด้วยความชื่นชม เพราะเคล็ดวิชากระบี่นี้ดูเหมือนจะส่งเสริมและสอดคล้องกับเก้าระดับของเคล็ดสัจหฤทัยสูตร

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อบรรลุการหล่อหลอมครั้งแรก เราจะสามารถใช้พลังระดับแรกของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้ หากบรรลุการหล่อหลอมครั้งที่สอง ก็จะสามารถใช้พลังระดับสองของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้

ดังนั้นเมื่อบรรลุการหล่อหลอมทั้งเก้าครั้งแล้ว เขาจะสามารถใช้พลังระดับเก้าของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้!

ขอบเขตที่อยู่เหนือระดับเก้าของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ถูกเรียกว่า มหาวิถีกระบี่ มันเป็นวิถีของกระบี่ที่แท้จริง ทั้งยังไร้ขอบเขตและเป็นนิรันดร์

เจ้าของกระบี่เหล็กเล่มนี้ได้ทะลวงผ่านเก้าระดับของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ และเหยียบย่างเข้าสู่มหาวิถีกระบี่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสังหารเทพและปีศาจทั้งหมดที่ขวางหน้าได้!

หลังจากนั้นเนิ่นนาน หัวใจของเฉินซีก็ค่อย ๆ สงบลง

สัจหฤทัยสูตร กระบี่ดวงใจลี้ลับ เก้าระดับของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่… ข้าติดอยู่ที่ขอบเขตทารกดวงใจมานานแล้ว ถ้าข้าสามารถทะลวงไปได้ บางทีพลังยุทธ์ของข้าอาจพัฒนาขึ้นตามไปด้วย

เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ไม่ลังเลที่จะลองบ่มเพาะมัน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทารกดวงใจที่กำลังนั่งขัดสมาธิโดยที่หลับตาอยู่ในดวงจิตแห่งเต๋าก็ลืมตาขึ้นมาทันที ดวงตากระจ่างชัด สีดำสนิท และหลั่งไหลไปพร้อมกับแสงอันลึกลับ

รูปร่างหน้าตาของทารกดวงใจนี้มีความคล้ายคลึงกับเฉินซีทุกประการ และมันมีขนาดเท่ากับเด็กทารกเท่านั้น ทว่าในขณะนี้ มันประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน และกลายเป็นผนึกลึกลับ

โอม!

พร้อมกับการก่อตัวของผนึกนี้ ทันใดนั้น ลำแสงที่ดูโปร่งใสเหมือนวัตถุได้สาดส่องออกมาจากทารกดวงใจ ลุกไหม้อยู่รอบ ๆ ดูอลังการและศักดิ์สิทธิ์

มันคือพลังดวงใจ ในขณะนี้ ทารกดวงใจกำลังบ่มเพาะเคล็ดวิชาสัจหฤทัยสูตรเพื่อหล่อหลอมครั้งแรกตามคำสั่งของเฉินซี

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ผลกระทบนั้นเกินความคาดหมาย และอาจกล่าวได้ว่าน่าทึ่งด้วยซ้ำ เพียงหนึ่งก้านธูป เฉินซีรับรู้ได้ชัดเจน พลังดวงใจที่เขาครอบครองอยู่นั่นกำลังถูกระดมและถูกชักนำเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในทารกดวงใจ และทำให้เกิดการโครจรที่สมบูรณ์

พลังงานนี้ลึกล้ำอย่างแท้จริง และมีอยู่ภายในดวงจิตแห่งเต๋า ไหลเวียนภายในทารกดวงใจ มันดูเหมือนว่าจะมีอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ภายในดวงจิตแห่งเต๋า แต่แท้จริงแล้วมันกลับกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต

บัดนี้พลังงานที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทรกำลังไหลเวียนอยู่ภายในดวงจิตแห่งเต๋าเล็ก ๆ ของเฉินซี และมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของจักรวาลอย่างแผ่วเบา!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]