บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1660

สรุปบท บทที่ 1660 ไม่ทนอีกต่อไป: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1660 ไม่ทนอีกต่อไป จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1660 ไม่ทนอีกต่อไป คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1660 ไม่ทนอีกต่อไป

………………..

บทที่ 1660 ไม่ทนอีกต่อไป

เฉินซีนั่งขัดสมาธิ ส่วนทารกดวงใจก็นั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ภายในดวงจิตแห่งเต๋า

กระแสพลังดวงใจสีโปร่งแสงโคจรอยู่ภายในทารกดวงใจตลอดเวลา มันดูลึกลับซับซ้อน เกิดเป็นเงาร่างของจักรวาลขึ้นมา

พร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านไป การโคจรนี้ก็เริ่มสมบูรณ์จนไร้ข้อผิดพลาดขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งพลังดวงใจที่อยู่ในทารกดวงใจยังหนาแน่นและแข็งแกร่งขึ้นอีก

เฉินซีสังเกตได้เลยว่าร่างของทารกดวงใจเปลี่ยนผันอยู่ตลอด มันใสกระจ่างขึ้น แขนขาก็เหมือนต้นไผ่ที่งอกรวดเร็วหลังได้ฝน…

เจ็ดวันให้หลัง ทารกดวงใจที่กลายมาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ก็ยืดแขนออกมา ก่อนจะสร้างผนึกอันลึกลับหนึ่งซึ่งส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมา

ตู้ม!

ในพริบตานั้น เสียงตู้มก็ดังก้องขึ้นจากทารกดวงใจ ราวกับว่าความวิบัติเพิ่งทลาย โลกเพิ่งถือกำเนิด พลังดวงใจเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง

มันแปรเปลี่ยนเป็นโลก เป็นชีวิต เป็นภูเขา เป็นธารน้ำ เป็นวิวทิวทัศน์ เป็นอวกาศ เป็นดวงดารา…

ขยับขยายออกไปอย่างไรที่สิ้นสุด…

นี่คือจักรวาลภายในดวงจิตแห่งเต๋า ซึ่งกลั่นจากพลังดวงใจบริสุทธิ์ มันใสกระจ่างมองผ่านได้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายสะอาดบริสุทธิ์!

พลังประเภทนี้ต่างจากพลังอื่น ๆ อย่างพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังวิญญาณ พลังแห่งกฎ มันเป็นพลังที่มาจากดวงจิตแห่งเต๋า ลึกล้ำเกินหยั่งยิ่ง

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

พลังดวงใจเริ่มโคจรไปอย่างรวดเร็ว สร้างความมั่นคงให้จักรวาลผืนใหม่ ทำให้ทุกอย่างเริ่มสงบลงในที่สุด

ทว่าทารกดวงใจที่กลายเป็นเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ต้องการคำชี้แนะจากเฉินซี ก็สามารถควบคุมจักรวาลภายในดวงจิตแห่งเต๋าเพื่อบ่มเพาะสัจหฤทัยสูตรได้แล้ว

นี่คือการขึ้นสัจหฤทัยสูตรในขั้นแรก ถือกำเนิดเกิดเป็นจักรวาลภายในดวงจิตแห่งเต๋าขึ้นมา อีกทั้งยังมีอำนาจมากมายเกิดอธิบายได้

ทว่าเฉินซีใช้เวลาทำทั้งหมดนี้ได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้น!

รวดเร็วเช่นนี้คงใช้คำว่าน่าตกตะลึงไม่ได้เลย

แต่เฉินซีก็รู้ดีว่าพลังดวงใจของเขาอยู่ในขอบเขตทารกดวงใจมานานเกินไป มันสั่งสมพลังจำนวนมากเอาไว้ตั้งนานแล้ว ทว่าการปรากฏตัวของสัจหฤทัยสูตรทำให้เขามีวิชาในการฝึกและนำทางพลังดวงใจต่อไปได้ ดังนั้นจึงสามารถทำได้รวดเร็วเช่นนี้

ดังนั้นเฉินซีจึงไม่ได้ประหลาดใจอะไรมาก

ตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยกระแสศักดิ์สิทธิ์และกลิ่นอายแห่งเต๋า ส่องระยับไปด้วยแสงอันบริสุทธิ์ พลังภายในร่างเคลื่อนไปดั่งใจอยาก ดูเป็นธรรมชาติเหมือนเมฆาลอยเด่นบนฟากฟ้า

หลังจากได้พลังดวงใจในขั้นแรกมาแล้ว การเติบโตของพลังดวงใจก็ทำให้พลังบ่มเพาะเกิดการเปลี่ยนแปลง

จุดนี้ทำให้เฉินซีประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดอะไร ได้แต่ถอนหายใจก่อนบ่มเพาะพลังต่อ

พร้อมกันนั้น เขาก็แยกสมาธิออกเป็นสองส่วน แบ่งส่วนหนึ่งไปทำความเข้าใจกระบี่ดวงใจลี้ลับด้วย

อีกครึ่งเดือนผ่านไป

เฉินซีที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพลันลืมตาขึ้น มันเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เรากลับมีจักรวาลกำลังโคจรอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น คล้ายว่าสามารถมองผ่านทะลุทุกอย่างในใต้หล้า ล่วงรู้ความลับในใจคนได้!

แต่หลังจากนั้นมันก็หายวับไป สองตากลับคืนสู่ความสงบสุขลุ่มลึกดังเดิม อีกทั้งกลิ่นอายยังดูมีความลึกล้ำยิ่งกว่าเก่า

น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาน้อยเกินไป กว่าจะถึงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณขั้นสมบูรณ์คงต้องใช้เวลาอีกกว่าสามเดือน เฉินซีสัมผัสความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายพลังของตนเองได้ จากนั้นส่ายหน้าอย่างคนอบจนหนทาง

แต่ถึงจะพัฒนาขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ความก้าวหน้าของพลังดวงใจและความแกร่งที่ได้จากการทำความเข้าใจกระบี่ดวงใจลี้ลับก็ทำให้เขาพึงพอใจยิ่ง

ผลลัพธ์ทั้งหมดที่ได้มาทำให้ความแกร่งโดยรวมเพิ่มขึ้นสูงภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงเดือนเท่านั้น!

จากการประมาณการของเฉินซี แม้เป่ยเหวินและคุนอู๋ชิงจะร่วมมือกันก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว!

คุนอู๋ชิงอยู่อันดับที่สิบเก้าบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ส่วนเป่ยเหวินอยู่อันดับที่ห้าสิบสาม แต่ถึงร่วมมือกันก็ยังทำอะไรเฉินซีไม่ได้ พลังของเฉินซีสะท้านฟ้าแค่ไหนกัน?

กระทั่งตัวเฉินซีเองยังไม่รู้คำตอบเลย

แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เกรงกลัวการต่อสู้ในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่แล้ว รวมถึงผู้ที่อยู่สิบอันดับแรกบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณด้วย!

หลังจากทำสมาธิอีกหลายวัน เฉินซีก็ตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้ว

ตอนนี้ก็ผ่านไปยี่สิบเก้าวันนับตั้งแต่เข้ามาในบริเวณที่ปกคลุมไปด้วยปราณหมานกู่วิเวก จากที่เล่ออู๋เหินกล่าวไว้ พวกเขาคงใกล้ถึงแดนรากบรรพกาลแล้ว

ก่อนหน้านี้ได้ยินแล้วว่าอวี๋ชิวจิงอยากประลองกับเฉินซีก่อนมาถึงแดนรากบรรพกาล แต่เชินถูเยียนหรานห้ามไว้

ตอนนี้อวี๋ชิวจิงเสนอให้ทุกคนได้เห็นทั่วกันขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าอวี๋ชิวจิงคิดอยากเอาชนะเฉินซีอยู่ตลอด

ส่วนสาเหตุที่คิดทำเช่นนี้ เล่ออู๋เหินก็พอเดาออก แต่เขาไม่คิดห้ามปราม เพราะแค่ประมือกันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

อีกทั้งตัวเขาเองก็สงสัยเรื่องการต่อสู้ของเฉินซีอยู่พอดี อยากจะเห็นมันเป็นขวัญตา

เฉินซีมุ่นคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นส่ายหน้า “เรากำลังจะเดินทางถึงแดนรากบรรพกาลกันแล้ว ค่อยไปประลองกับสหายเต๋าอวี๋ชิวตอนมีโอกาสหลังจากนั้นก็ยังไม่สาย”

คนผู้นี้เลี่ยงอีกแล้ว หรือว่ากลัวจะแพ้แล้วเสียหน้ากันนะ?

คนอื่นได้ยินก็ได้แต่รู้สึกรังเกียจภายในใจ ดูถูกการกระทำของเฉินซีที่ไม่กล้ารับคำท้า เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นโดยอ้อมว่า ถึงพวกเขาจะยอมรับในฝีมือเฉินซี แต่ก็ยังคิดว่าไม่อาจเทียบอวี๋ชิวจิงได้

อย่างไรอวี๋ชิวจิงก็อยู่อันดับที่สิบห้าบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ คนที่มีพลังเช่นนี้เป็นดั่งตำนานสำหรับพวกเขา นอกจากเชินถูเยียนหรานกับเล่ออู๋เหินแล้ว อวี๋ชิวจิงก็เป็นผู้ที่แกร่งที่สุด

ทว่าอวี๋ชิวจิงกลับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเฉินซีปฏิเสธ จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลงในขณะที่รู้สึกกรุ่นโกรธอยู่ในใจ

“อะไรกัน? สหายเต๋าเฉินซีดูถูกข้าหรือ?” อวี๋ชิวจิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อย

คิ้วคมของเฉินซีเลิกขึ้นสูง “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก”

“อย่างนั้นก็ขึ้นมาสู้กัน เลิกหนีได้แล้ว ไม่เช่นนั้นไม่ใช่เพียงข้าจะดูถูกเจ้า ทุกคนเองก็จะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน” อวี๋ชิวจิงเอ่ยเสียงเรียบ

“เฉินซี พี่อวี๋ชิวพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว หรือว่าเจ้ายังคิดจะหนีอยู่อีก?”

“ใช่แล้ว หากเจ้าเป็นยอดฝีมือจริง เช่นนั้นก็กล้าหน่อยสิ เราอยู่กลุ่มเดียวกัน ถึงแพ้ก็ไม่ได้เสียหน้าอะไรมากนักหรอก!”

“หึ ดูท่าสหายเต๋าเฉินซีจะไม่ได้มองพวกเราเป็นมิตรเลยสินะ ไม่เช่นนั้นเขาจะทำเช่นนี้หรือ?”

ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ก็เอ่ยปากเช่นกัน เพราะอยากเห็นเฉินซีทำเรื่องน่าอาย ถึงขนาดวิจารณ์อย่างออกรสเพื่อบีบให้รับคำท้า

พอได้ยินแบบนี้เฉินซีก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเหมือนกัน คนพวกนี้ไม่รู้ดีชั่วเสียแล้ว! ที่ข้าอดกลั้นมาตลอดก็เพราะไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ที่มี แต่พวกนี้ได้คืบจะเอาศอก ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะอยากกดข้าให้ต่ำไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงต้องใช้วิธีน่ารังเกียจแบบนี้?

“เช่นนั้นก็ย่อมได้!” เฉินซีไม่เสียเวลา ร่างหายวับไป พริบตาต่อมาก็มาถึงบนสังเวียน นัยน์ตาสีดำลึกล้ำจ้องมองอวี๋ชิวจิงเขม็ง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]