บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1661

สรุปบท บทที่ 1661 ดาบเก้าสะท้านฟ้า: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 1661 ดาบเก้าสะท้านฟ้า – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1661 ดาบเก้าสะท้านฟ้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1661 ดาบเก้าสะท้านฟ้า

………………..

บทที่ 1661 ดาบเก้าสะท้านฟ้า

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเฉินซีกระโดดขึ้นไปบนแท่น พวกเขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยสีหน้าตื่นเต้น

“นี่สิวิถีลูกผู้ชาย!”

“ฮ่า ๆ ไม่เลวเลย ถึงในคราวนี้เจ้าจะพ่ายแพ้ให้กับพี่อวี๋ชิว แต่ความชื่นชมที่มีต่อเจ้าจะประทับลงไปในใจของข้าแล้ว”

“อย่างน้อยเขาก็กล้ารับคำท้า นับเป็นคนที่หาได้ยากจริง ๆ”

คนเหล่านั้นส่งเสียงชื่นชมเฉินซีด้วยนึกยินดีในคราวซวยของเขาทั้งถอนใจเอื่อย หากไม่ฟังให้ลึกถึงความคิดแล้ว ก็คงคิดว่าพวกเขากำลังให้กำลังใจอยู่จริง ๆ

เล่ออู๋เหินเพียงแต่ยิ้มให้กับสถานการณ์เบื้องหน้า พลางมองยังเฉินซีที่ยืนอยู่บนลานประลองพร้อมกับพึมพำในใจ อย่าทำให้ข้าผิดหวังเชียวเล่า

เหตุใดสหายเต๋าผู้นี้จึงไม่อดทนอีกสักหน่อยเล่า? จู่ ๆ เชินถูเยียนหรานก็เดินออกมาจากห้องของตน และเมื่อนางเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันก็สายเกินกว่าที่จะห้ามปรามไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้นางจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น

นางค่อนข้างไม่พอใจต่อการกระทำของอวี๋ชิวจิง และในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวังที่เฉินซีไม่สามารถรักษาความสุขุมของตนไว้ได้

ทันใดนั้น หญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าจวนอวี๋สุ่ยก็มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน คนผู้นั้นกำลังยืนเฉยราวก้อนหินที่มีเพียงความเงียบงัน

น่าสนใจ! ดูเหมือนว่าสหายเต๋าผู้นี้จะให้ความสนใจกับความแข็งแกร่งของเฉินซีเป็นอย่างมากเช่นกัน ยากจะเห็นว่าอีกฝ่ายใส่ใจกับอะไรเช่นนี้ ตอนนั้นเอง เชินถูเยียนหรานคล้ายจมลงสู่ความคิด

บนลานขนาดยักษ์ อวี๋ชิวจิงและเฉินซียืนประจันหน้ากันจากระยะไกล

“ไม่เลวนี่ แค่การที่เจ้ากล้ายอมรับคำท้าอย่างผ่าเผยเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้ายอมถอนคำพูดนั่น” มุมปากของอวี๋ชิวจิงแสยะยิ้มเล็ก ๆ

แต่หลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความจริงจัง ท่าทางดุดันปรากฏขึ้นผ่านดวงตาที่คล้ายอาบไปด้วยหมอกมัว “สหายเต๋าเฉินซี ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าถ้าหากทนไม่ไหว ก็ขอให้พูดออกมาตามตรง เพราะถ้าหากเจ้าฝืนตัวเองมากเกินไป มันจะกลายเป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ราวกับตนช่างเป็นชายผู้ตรงไปตรงมาและมีเมตตาอย่างยิ่ง

เฉินซีไม่ได้แยแสต่อคำพูดที่ดูโอ้อวดนั่น เขาเพียงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “สหายเต๋าอวี๋ชิว เจ้าเองก็อย่าได้ประมาทเสียเล่า เพราะตอนที่สหายเต๋าเฉาเจินพ่ายแพ้ให้ข้า เขาเองก็มีความคิดเช่นนี้”

ใบหน้าของเฉาเจินมืดมนลงเมื่อถูกเอ่ยถึง ความโกรธเข้าประทับในใจจนเกือบจะเลือดขึ้นหน้า ไอ้สารเลวนั่น ลิ้นช่างอยู่ไม่สุขเสียจริง!

บังอาจนัก!

“ฮ่า ๆ ๆ! ขอบคุณสหายเต๋าเฉินซีที่เตือน พูดเล่นกันมามากเกินพอแล้ว อีกไม่นานเราก็จะไปถึงแดนรากบรรพกาล เพราะฉะนั้นอย่าได้เสียเวลาต่อไปเลย” อวี๋ชิวจิงหัวเราะลั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

“ข้าเองก็ชอบให้การต่อสู้จบลงไว ๆ เช่นกัน” เฉินซีตอบ

ใบหน้าของอวี๋ชิวจิงแข็งทื่อ ความโกรธก่อตัวขึ้นภายในใจ อยากจะจบข้าไว ๆ อย่างนั้นหรือ? จองหองเกินไปแล้ว!

“สหายเต๋าเฉินซี ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” สีหน้าของอวี๋ชิวจิงมีเพียงความเฉยชา หากน้ำเสียงนั้นกลับทรงพลังและเอ่อล้นไปด้วยจิตสังหาร

คำพูดนั้นฟังอย่างไรก็เป็นการท้าทาย นั่นทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น พวกเขารู้ดี ตอนนี้อวี๋ชิวจิงกำลังโกรธจัด ดังนั้นการต่อสู้นี่คงจะไม่ใช่เพียงการฆ่าเวลาแก้เบื่อ แต่คงจะกลายเป็นสุดยอดการห้ำหั่นที่น่าประทับใจ!

เชินถูเยียนหรานอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ นางมองไปที่เล่ออู๋เหินที่ยังคงมีใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะส่งกระแสปราณออกไป “อู๋เหิน หากเฉินซีไม่สามารถต่อสู้ได้ไหว ก็ลงมือเพื่อยุติการต่อสู้นี้เถอะ เราไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์อันดีของหลาย ๆ ฝ่ายต้องพังลงเพราะเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ฝ่ายเราก็คงต้องเสียเปรียบในภายหลังเป็นแน่”

“เข้าใจแล้ว” เล่ออู๋เหินพยักหน้าเห็นด้วยแต่โดยดี

“เชิญเข้ามาก่อนได้เลย” เฉินซีตอบรับด้วยความสุภาพและสงบนิ่ง

การกระทำนี้ทำให้ดวงตาของอวี๋ชิวจิงหรี่แคบลงด้วยรู้สึกถึงการดูถูก เดิมทีเขาต้องการให้เฉินซีเป็นฝ่ายเปิดการโจมตี เพื่อที่ตนจะได้แสดงการตั้งรับอันสง่างาม คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้เช่นนี้

“ฮ่า ๆ! ก็ย่อมได้!” อวี๋ชิวจิงไม่ลังเลอีกต่อไป เสียงคำรามหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับชายผ้าสีขาวที่สะบัดไหว ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือออกมาก่อนจะกำเอาไว้ ส่งผลให้ปราณกระบี่พุ่งออกมา

ขวับ!

มันฉีกกระชากอากาศขณะที่โจมตีเฉินซีอย่างดุเดือด

การโจมตีนี้ปกคลุมไปด้วยกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ พลังของมันน่าประทับใจอย่างยิ่ง ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ท่วงทำนองแห่งการภาวนาก็พลันก้องกังวานภายในหัวใจของผู้คนโดยรอบ

เต๋าแห่งกระบี่นี้ชวนให้ตกตะลึงยิ่งนัก!

สหายเต๋าผู้นี้เริ่มการโจมตีขั้นสูงในทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น สายฟ้าคมกริบที่แปลบปลาบในดวงตาของเล่ออู๋เหินบอกเขาว่าการต่อสู้นี้คงจะกินเวลาเพียงไม่นานอย่างแน่นอน

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้แสดงท่าทีอวดดีถึงเพียงนั้น ที่แท้ก็มีความสามารถอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิกระบี่นี่เอง… เฉินซีรู้ได้อย่างชัดเจนว่าการโจมตีนี้น่ากลัวเพียงใด

เขาไม่มีทางอื่นนอกจากต้องยอมรับว่าในฐานะมหาเทวาวิญญาณอันดับที่สิบห้าของเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ อวี๋ชิวจิงมีความสามารถเพียงพอที่จะทระนงตัว

ทันใดนั้น ความผันผวนอันกว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัวก็บังเกิดขึ้นกลางลานประลอง เขตแดนที่ถูกสร้างขึ้นจากปราณกระบี่ซึ่งอาบไล้ด้วยแสงแห่งจิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ!

บัดนี้ คล้ายอากาศได้ถูกแช่แข็งลงในพลัน ไม่อาจมีสิ่งใดจะผันแปรไปได้!

สิ่งนี้คือเขตแดนแห่งกระบี่ซึ่งก่อตัวขึ้นจากดาบเก้าสะท้านฟ้าหลังจากที่มันบรรลุพลังขั้นสูงสุด!

เล่ออู๋เหินถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ขณะที่เชินถูเยียนหรานอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ส่วนจวนอวี๋สุ่ยนั้นทำได้เพียงส่ายหน้าระวิงไม่คิดปริปาก อีกด้านหนึ่ง ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ต่างก็ตกอยู่ในความตื่นเต้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยกลัวจะพลาดฉากเด็ดสำคัญ นั่นคือสภาพของเฉินซีที่พ่ายแพ้อย่างยับเยิน

“สหายเต๋าเฉินซี คราวนี้เจ้าจะหลบอย่างไรได้?” ร่างกายของอวี๋ชิวจิงเปล่งประกายซึ่งปราณกระบี่เข้มข้น เขาทั้งองอาจและทรงพลังยิ่ง ใบหน้าเลิศล้ำแต้มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ ราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถควบคุมโลกทั้งใบไว้ใต้ฝ่ามือ

ปราณกระบี่ที่เจิดจรัสยิ่งกว่าสิ่งใดปรากฏขึ้นตรงหน้า มันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาไปถ้วนทั่ว รัศมีอันสง่างามน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงขีดสุด

ตอนนี้เอง ความหวาดประหวั่นพลันก่อตัวขึ้นในใจของทุกคนอย่างอดไม่ได้ แน่ล่ะ ปราณกระบี่ในครั้งนี้น่าเกรงขามเกินไปแล้ว

อย่างที่ทุกคนคาดเดาไว้ ในที่สุดเฉินซีก็ไม่อาจหลบเลี่ยงจากปราณกระบี่ที่พุ่งเป้ามายังเขาได้อีกต่อไป จึงทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็บังเกิดขึ้น สีหน้าของเฉินซียังคงสงบนิ่งไม่แยแสต่อสิ่งใด ราวกับไม่ได้กังวลหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หรือไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ และไม่คิดดิ้นรนดื้อรั้น

แต่ถึงจะเป็นอย่างที่สอง ก็แน่นอนว่าอวี๋ชิวจิงไม่มีทางปล่อยให้เฉินซีรอดเงื้อมมือของตนไปได้เป็นเด็ดขาด

หากให้กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่ยอมให้เฉินซียอมรับความพ่ายแพ้ ต่อให้จะก้มหน้ายกธงขาวแล้วก็ตาม!

โครม!

ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ปราณกระบี่ที่แวววาวกวาดประกายลุกโชนไปทั่วบริเวณ เสียงที่ดังปึงปังกึกก้องขึ้นขณะที่มันกระทบกับเฉินซีอย่างรุนแรง!

“ช้าก่อ…” เชินถูเยียนหรานตะโกนเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของอวี๋ชิวจิงอย่างเผลอตัว ทว่านางก็ตัดสินใจเงียบลงกะทันหันทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค

เล่ออู๋เหินถอนหายใจ ขณะกำลังจะลงมือเข้าไปช่วยเฉินซีนั้น ร่างกายพลันแข็งทื่อ รัศมีเทวะที่เปล่งประกายออกมาจากดวงตาก็มอดดับลงเช่นเดียวกัน

จวนอวี๋สุ่ยที่แต่เดิมตั้งใจว่าจะหันหลังจากไปก็คล้ายว่าร่างกายถูกแช่แข็งลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ขาทั้งสองข้างแข็งค้างไม่อาจขยับย่าง

ฉับพลันนั้น ความเยือกเย็นที่ไม่อาจรู้ที่มาก็คืบคลานเข้าไปในหัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ม่านตาของพวกเขาขยายขึ้นจนเห็นเป็นวงสีดำขนาดใหญ่

ทั้งหมดนี้ก็เพราะการเคลื่อนไหวที่ดูผ่อนคลายของเฉินซี เขาทำเพียงประสานนิ้วเข้าด้วยกันเป็นรูปกระบี่ ก่อนจะสะบัดมันเบา ๆ ในลักษณะที่แตกต่างจากปกติทั่วไป

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]