บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1669

สรุปบท บทที่ 1669 รูปลักษณ์แท้จริงของรากเต๋า: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปตอน บทที่ 1669 รูปลักษณ์แท้จริงของรากเต๋า – จากเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

ตอน บทที่ 1669 รูปลักษณ์แท้จริงของรากเต๋า ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 1669 รูปลักษณ์แท้จริงของรากเต๋า

………………..

บทที่ 1669 รูปลักษณ์แท้จริงของรากเต๋า

ขณะพูดคุย กลุ่มของพวกเขาก็มาอยู่ตรงหน้ารากเต๋าบรรพชนแห่งนั้น

มันเป็นหุบผาอันเว้าตัวยุบ ที่กลางหุบผาปกคลุมด้วยศิลา ขณะเดียวกัน ลำแสงสีเขียวมรกตนั้นก็พุ่งออกมาจากท่ามกลางศิลา

รัศมีสาดส่องพลุ่งพล่าน เจือด้วยปราณเก่าแก่บรรพกาล

ปราณบรรพกาลนั้นมีสีสันสดใสดุจใบหญ้า เต็มไปด้วยอำนาจเกินธรรมดา แม้จะเบาบาง แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายที่นี่ก็ตระหนักชัดเจนว่าปราณบรรพกาลเพียงเสี้ยวนี้ก็ทำลายเทือกเขาได้มากมาย!

แดนรากบรรพกาลสร้างปราณบรรพกาลได้มากมายเช่นนี้ และรากเต๋าบรรพชนก็ก่อเกิดภายในนั้น

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น ซากศิลาในหุบผาก็สั่นสะท้านระเบิดจากกัน แล้วหนึ่งสัตว์ร้ายอันมีสีดำสนิท หนึ่งเขา สามขา และขนาดใหญ่ราวคชสารก็พุ่งออกมาจากภายใน

โฮก!

ขณะเดียวกัน อีกาสามขาก็กู่ร้องก้องสนั่น พุ่งทะลวงมิติเข้ามาใส่พวกเขา ยิ่งกว่านั้น รัศมีศักดิ์สิทธิ์ก็เรืองขึ้นที่เขาเดี่ยวบนศีรษะมัน เป็นสีดำสนิทน่าสะพรึงกลัว

“สัตว์ร้ายเอ๋ย! จำนนเสีย!” เล่ออู๋เหินระเบิดหัวเราะ

เคร้ง!

เขายื่นมือออกไปขยุ้มคว้า แล้วหอกสั้นสำริดเล่มหนึ่งบนหลังก็พุ่งมาอยู่ในมือ ฟาดฟันออกไปเบา ๆ

ตู้ม!

หอกสั้นพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งขยี้สุญตาเป็นคลื่นพลังปั่นป่วน

เปรี้ยง!

การโจมตีทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่เพียงบดขยี้รัศมีสีดำนั้นลง การโจมตีนี้กระทั่งทำให้ร่างของอีกาสามขาแหลกเป็นเสี่ยง ทำให้เลือดเนื้อกระเซ็นสายสู่เวหา โดยที่มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะแผดร้อง

เคร้ง!

นับแต่ต้นจนบัดนี้ เขาดูเหมือนทำเรื่องสุดแสนธรรมดา ลอยชายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง

อำนาจต่อสู้ของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเอาการ ไม่ใช่เพียงแข็งแกร่งกว่าอวี๋ชิวจิงนิดหน่อย เฉินซีดุจจมในความคิด

เท่าที่รู้ ในหมู่สมาชิกกลุ่ม เล่ออู๋เหินและเชินถูเยียนหรานมีความแข็งแกร่งประมาณเดียวกัน อวี๋ชิวจิงด้อยกว่าเล็กน้อย และผู้ที่มองออกยากที่สุดก็คือจวนอวี๋สุ่ย คนผู้นี้เก็บตัวเงียบอย่างยิ่ง และยังเป็นยอดฝีมือผู้ฝึกทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร อำนาจต่อสู้ไม่มีทางประเมินต่ำได้เลย

ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายในกลุ่มต่างลังเล เพราะนี่เป็นเพียงรากเต๋าบรรพชนระดับหกชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาดูถูกมัน แต่กลับเป็นเพราะในใจพวกเขาหวังว่าภายหลัง ตนอาจจะสามารถหารากเต๋าบรรพชนที่ดีกว่านี้ได้ ดังนั้นจึงลังเลเล็กน้อย

จากข้อตกลงการแบ่งแจกจ่าย เมื่อผู้ใดได้รับรากเต๋าบรรพชนไปแล้ว ก็จะเป็นตาของคนถัดไปเวียนกัน เว้นแต่ว่าทุกผู้จะได้รากเต๋าบรรพชนไปคนละชิ้นแล้ว ตนจึงอาจมีโอกาสที่สอง ทว่าโอกาสนั้นริบหรี่อย่างยิ่ง

นอกจากนั้น พวกเขาคงไม่มีเวลาพอทำเช่นนั้นได้

เดิมที ความคิดเช่นนี้เข้าใจได้ไม่ยาก หากในแดนรากบรรพกาลมีเพียงรากเต๋าบรรพชนหนึ่งเดียวชิ้นนี้ พวกเขาก็คงสู้แย่งกันอย่างไม่ลังเล

ทว่ายามนี้ พวกเขามีตัวเลือกมากมายเกินไป ทำให้ความคิดมากมายผุดพรายในใจพวกเขาเสียแทน คิดไปว่ารากเต๋าบรรพชนถัดไปที่พวกเขาพบอาจมีคุณภาพสูงกว่านี้ แต่ไร้ผู้ใดกล้ายืนยันว่านั่นจะเป็นผลลัพธ์แท้จริง

นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาลังเล กระทำตัวระแวดระวังยิ่งนัก

คนผู้นี้สวมชุดดำ ท่าทางผ่าเผย วางตัวมั่นคงมากประสบการณ์ มีนามว่าเวยจื่อฝู

“จื่อฝู ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก เราล้วนแต่เป็นคนกันเอง รีบไปรับมันมาเถอะ” เล่ออู๋เหินแย้มยิ้มบาง นับถือในการเลือกของเวยจื่อฝูโดยแท้

แม้พวกเขาจะหารากเต๋าบรรพชนได้ง่ายดาย แต่เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ทยอยกันเข้ามายังแดนรากบรรพกาล การจะได้รากเต๋าบรรพชนคุณภาพเช่นนี้มาอีกก็จะไม่ง่ายแล้ว

แม้การตัดสินใจของเวยจื่อฝูในขณะนี้จะดูปลอดภัย แต่ก็ฉลาดยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

วูบ!

พริบตาต่อมา เวยจื่อฝูก็ไหวร่างเข้าสู่หุบผา มาอยู่ตรงหน้าบริเวณอันปกคลุมด้วยศิลาซึ่งเปี่ยมปราณบรรพกาล มีรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองรอง

เขาสูดหายใจลึก แล้วบรรจงก้มลงขยี้กองศิลาที่นั่นลง ทำให้ดวงแสงสีเขียวมรกตอันเจิดจ้าดุจดวงตะวันเผยออกมาทันที

พริบตานั้น กระทั่งเฉินซียังอดพินิจอย่างระวังไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรากเต๋าบรรพชนกับตา จึงย่อมสงสัยใคร่รู้

ดวงแสงสีเขียวมรกตนั้นมีขนาดราวกำปั้น เจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้น มันยังปกคลุมด้วยปราณบรรพกาลหนาแน่นบริสุทธิ์ ทำให้ดูยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา

ขณะเดียวกัน ‘แดนดิน’ ที่กล่าวถึงนี้ย่อมไม่พ้นรากฐานแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้เยี่ยมยุทธ์มี

ซึ่งแดนรากบรรพกาลก็อยู่ทางทิศเหนือในยามนั้นพอดี

ดังนั้นยามทวารบาลวิหารยกเว้นพวกเขาทั้งกลุ่มจากบททดสอบอย่างกะทันหัน เฉินซีจึงคิดทันทีว่าการเปลี่ยนท่าทีของทวารบาลวิหารน่าจะเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้

ทว่าเฉินซียังไม่อาจตัดสินได้ว่าเป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากหรือมรดกจากเจ้าของกระบี่เหล็ก!

ชายหนุ่มครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอดทาง แต่ก็ยังไม่อาจหาคำตอบที่แน่ชัดได้

“นั่นมัน… รากเต๋าขั้นกษัตริย์ระดับเจ็ด!” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงก็อุทานขึ้นอย่างประหลาดใจ ปลุกเฉินซีสะดุ้งจากภวังค์ความคิดอันลึกล้ำ

“รากเต๋าบรรพชนขั้นกษัตริย์!” ลมหายใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายหนักหน่วง ดวงตาเรืองประกาย ไม่ได้ซ่อนความปรารถนาร้อนเร่าที่จะช่วงชิงมันมาครองกันเลย

นี่คือสมบัติล้ำค่าซึ่งจะพบได้ต้องอาศัยเพียงวาสนา แม้จะสูงกว่ารากเต๋าบรรพชนระดับหกเพียงหนึ่งระดับ แต่คุณประโยชน์ที่มอบให้นั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

กระทั่งเล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน และคนอื่น ๆ ยังผงะประหลาดใจเล็กน้อย กลุ่มของพวกเขาไม่ดวงดีกันไปหน่อยหรือ?

กระทั่งพวกเขายังหวั่นไหวกับรากเต๋าบรรพชนคุณภาพเช่นนี้

ทั้งกลุ่มหาลังเลไม่ ทะยานผ่านเวหาแห่กันไปยังเสาแสงสีครามทันที

จุดกำเนิดเสาแสงสีครามนั้นเป็นบริเวณทิวเขาแห่งหนึ่ง

ทว่าเมื่อกลุ่มของเฉินซีมาถึง พวกเขาก็เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น ความหวังและความตื่นเต้นในใจหายวับไปทันตา

สัตว์ร้ายขนาดมหึมาตัวหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งตายไปได้ไม่นาน และร่องรอยการต่อสู้ก็ปกคลุมแดนดินพันลี้รอบข้าง

แล้วกลุ่มของเฉินซีจะไม่ทราบเชียวหรือ ว่ามีผู้อื่นมาถึงก่อนพวกเขาแล้ว?

ผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งไม่ยอมรามือ พุ่งเข้าใส่เสาแสงสีครามเพื่อค้นหาอย่างระวัง ทว่าสุดท้ายเขาก็กลับมามือเปล่า สีหน้าแปรเปลี่ยนมัวหมอง

“บ้าเอ๊ย! เรามาช้าไปก้าวหนึ่ง พลาดรากเต๋าขั้นกษัตริย์ระดับเจ็ดไปแล้ว!” ใครบางคนรำพึงอย่างไม่พอใจ

ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ก็ผิดหวังหดหู่อย่างยิ่งเช่นกัน

“ดูเหมือนเราต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เสียแล้ว” หลังครุ่นคิดลึกล้ำครู่หนึ่ง จู่ ๆ เล่ออู๋เหินก็โพล่งขึ้น

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]