บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1678

สรุปบท บทที่ 1678 ซากสังขารบรรพเทวา: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1678 ซากสังขารบรรพเทวา – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1678 ซากสังขารบรรพเทวา ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1678 ซากสังขารบรรพเทวา

………………..

บทที่ 1678 ซากสังขารบรรพเทวา

เมื่อเขามุ่งหน้าไปทางเหนือ ปราณหมานกู่วิเวกก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น

ตอนแรกก็เป็นเหมือนแค่มองลอยคว้างอยู่เท่านั้น แต่ยิ่งเข้าไปทางเหนือมากเท่าไหร่ ปราณหมานกู่วิเวกก็ยิ่งหนาและปกคลุมทั่วทุกแห่งเหมือนหมอกพิษ การเข้าไปในนั้นก็เหมือนกับการเข้าไปในห้วงสมุทรสุดกว้างใหญ่

ปราณนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันมีกลิ่นอายเต๋าแห่งสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา กดดันจิตวิญญาณให้รู้สึกเหมือนถูกดูดลงในบ่อโคลน

เฉินซีและคนอื่น ๆ เคยมาถึงที่นี่เมื่อหลายวันก่อน หากแต่ไม่ได้เดินทางเข้าไปลึก เพราะปราณหมานกู่วิเวกที่นี่หนาเกินไป เต็มไปด้วยอันตรายมากหลาย อาจเกิดเรื่องขึ้นได้ทุกเมื่อ

ทว่าตอนนี้ สิ่งที่โผล่ขึ้นมาในเฉินซีนั้นเหมือนชี้ไปยังส่วนลึกของพื้นที่นี้ ซึ่งเต็มไปด้วยปราณหมานกู่วิเวก

เขาจึงมุ่งหน้าต่อ หากแต่ก็ระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

ฟึบ!

กระแสปราณหมานกู่วิเวกที่หนาเหมือนหยดน้ำกระจายออกยามมุ่งหน้าไป เหมือนกำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆาสีเทาที่ไม่อาจมองอะไรเห็น กระทั่งเฉินซีที่มีสัมผัสเป็นเลิศก็ยังไม่อาจมองเห็นพื้นที่ตรงหน้าไกลกว่าพันลี้ได้เลย

หลังเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว นัยน์ตาเผยแววประหลาดใจขึ้นมา

ภายในระยะที่จับสัมผัสได้ มีกลิ่นอายกล้าแข็งดูลึกลับเผยขึ้นมาภายในระยะพันลี้ด้านหน้า เห็นได้ชัดว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนเข้ามาถึงที่นี่แล้ว

จึงทำให้เฉินซีใช้อักขระผนึกเต๋าปกปิดกลิ่นอายตนทันที พร้อมกันนั้นเขาก็จับกระแสปราณได้

“เราเดินทางมากกว่าหมื่นลี้แล้ว แต่ก็ยังมือเปล่า เป็นข้อมูลปลอมหรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้หรอก! ท่านปู่ข้าบอกว่ามีคนเคยได้รากเต๋าบรรพชนขั้นราชันระดับแปดมาจากที่นี่จริง ๆ ”

“หึ! งั้นก็บอกมาสิว่าเป็นใคร!”

“ข้าบอกไม่ได้ เพราะเขาเป็นยอดฝีมืออยู่ในเอกภพจักรวรรดิ แต่ข้ากล้าสาบานว่าข้าพูดจริง!”

“ช่างมันเถอะ หาต่อไปอีกสักหน่อย หากยังไม่ได้อะไรก็กลับเลยดีกว่า ไม่รู้ทำไมยิ่งเข้าไปข้ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ”

“ข้าก็เหมือนกัน มีความรู้สึกว่าที่นี่แปลก ๆ อยู่ตลอด ทุกคนระวังตัวด้วยนะ หากมีอะไรแปลก ๆ ก็ให้ถอยทันที”

……

รากเต๋าบรรพชนขั้นราชันระดับแปด? เฉินซีตกอยู่ในภวังค์ความคิด

นับตั้งแต่ที่เข้าแดนรากบรรพกาลมา เฉินซีก็เจอรากเต๋าบรรพชนมาแล้วมากมาย ถึงกับเคยเห็นคนอื่นเก็บรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดมาแล้วด้วยซ้ำ หากแต่ยังไม่เคยเห็นรากเต๋าบรรพชนขั้นราชันระดับแปดมาก่อน

ตอนนั้นเฉินซีสงสัยว่าไม่น่ามีรากเต๋าบรรพชนระดับแปดในแดนรากบรรพกาลหรอก แต่ดูท่าจะไม่ใช่เสียแล้ว

ว่ากันว่าระดับเจ็ดคือขั้นราชวงศ์ ระดับแปดคือขั้นราชัน และระดับเก้าคือขั้นจักรพรรดิ รากเต๋าบรรพชนระดับนั้นคงหายากไม่น้อยไปกว่ารากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า

หากรากเต๋าบรรพชนที่สามารถสร้างรากเต๋าบรรพชนระดับแปดมีอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็คงนับว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่ง

คิดถึงจุดนี้แล้ว เฉินซีก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เขามาที่นี่ก็เพราะสัญชาตญาณในใจ สังเกตเห็นว่าพลังงานเมื่อก่อนหน้านี้มาจากที่นี่

ทว่าตอนนี้กลับมาได้ยินข้อมูลเช่นนี้อีก หรือสองเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกัน?

รากเต๋าบรรพชนระดับแปดและเสียงเพรียกแปลกประหลาด…. เฉินซีคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก จึงได้แต่ส่ายหน้าเลิกคิดไป

เขาไม่เสียเวลาแล้วเหินร่างเดินทางต่อ

ก็เหมือนที่ผู้เยี่ยมยุทธ์พวกนั้นว่าไว้ ไม่นานเฉินซีก็เริ่มสัมผัสความกลัวในใจขึ้นมาได้ เหมือนกับมีจิตสังหารกำลังรออยู่ท่ามกลางปราณหมานกู่วิเวกที่กระจายตัวอยู่ทั่ว กำลังรอเอาชีวิตเขาอยู่

ชิ้ง!

ยันต์ศัสตราส่งเสียงร้องขึ้นมา ก่อนจะปรากฏขึ้นในฝ่ามือ เขากวาดสายตาไปทั่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน

พอมุ่งหน้าเข้าไปอีก เฉินซีก็ต้องหรี่ตาลง ในตอนนี้ เขาได้ยินเสียงร้องโหย ๆ ดังมาจากภายในหมอกหนาเบื้องหน้า

“เวร!”

“ซากสังขารบรรพเทวา!”

“หนีเร็ว!”

เสียงกรีดร้องแหลมดังต่อไปอีกหลายชั่วอึดใจ จากนั้นมันก็หยุดชะงักลง กลายเป็นความเงียบสนิท มันดูแปลกประหลาดจริง ใครเห็นเป็นต้องขนลุก

เหมือนมันสังเกตเห็นบางอย่างจึงกวาดสายตามองรอบข้าง แต่ก็ไม่เจออะไร จากนั้นมันก็สะบัดผ้าคลุม ทำให้เกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกันก็ดังออกจากลำคอ เป็นเสียงที่แสบแก้วหูยิ่ง

ดูท่านี้จะเป็นซากสังขารบรรพเทวา กลิ่นอายมันน่าเกรงขามจริง ๆ หากข้าไม่ได้ใช้อักขระผนึกเต๋า ก็คงถูกมันเห็นไปแล้ว…. ผ่านไปไม่นาน ร่างเฉินซีก็ปรากฏขึ้น ดวงตาเย็นยะเยือก ก่อนหน้านี้เขาหลบดูสถานการณ์อยู่ด้านข้าง จับสังเกตได้ว่ากลิ่นอายซากสังขารบรรพเทวานั้นเทียบได้กับมหาเทวาวิญญาณเลยทีเดียว!

ส่วนอำนาจมันมีแค่ไหนนั้น ต้องสู้กันก่อนถึงจะรู้ได้

หลังคิดอยู่นาน เฉินซีก็ใช้มือซ้ายคีบเหรียญทองแดงโปรยสมบัติออกมา จากนั้นก็ถือยันต์ศัสตราไว้ในมือขวาแล้วมุ่งหน้าต่อ

เขามีอักขระผนึกเต๋า จึงไม่ต้องกลัวซากสังขารบรรพเทวาสังเกตเห็น ทำให้ไม่ต้องกลัวถูกโจมตีโดยไม่ทันระวังตัว

หากแต่เฉินซีก็ยังไม่กล้าประมาท แดนรากบรรพกาลเต็มไปด้วยสิ่งผิดปกติ เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาจึงต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

แล้วก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เขาเห็นร่องรอยของซากสังขารบรรพเทวาอยู่หลายครั้ง หากไม่มาตัวเดียวก็มากันเป็นกลุ่มสามถึงห้าตัว พากันล่องลอยผ่านหมอกเหมือนภูตผี กลิ่นอายดูลึกลับและแทบจะผสานไปกับปราณหมานกู่วิเวกแล้ว ดังนั้นหากไม่ระวังให้ดีก็จะไม่สังเกตเห็นเลย

ที่นี่มีอะไรอยู่กันแน่? เหตุใดจึงมีซากสังขารบรรพเทวาอยู่มากมายนัก?

ยิ่งมุ่งหน้าต่อ เขาก็ยิ่งสงสัย ลึก ๆ รู้สึกว่าที่นี่ไม่ปกติอย่างไรชอบกล

ราวหนึ่งเค่อผ่านไป

นั่นมัน….

เฉินซีใจสะท้านรุนแรง รากบรรพชนระดับแปด!

รากเต๋าบรรพชนถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมาจะแบ่งออกเป็นสีดำ สีขาว สีเลือด สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีกรมท่า สีน้ำเงิน และสีม่วง ดังนั้นแสงสีน้ำเงินที่ออกมาจากรากบรรพชนจะต้องรากเต๋าบรรพชนระดับแปดแน่!

ฟ่าว!

หากแต่เฉินซียังไม่ทันตื่นเต้น พลังเฉียบคมหนึ่งก็แล่นมาทางด้านหลังอย่าเงียบเชียบ

เฉินซีหรี่ตาลง ยันต์ศัสตราในมือราวกับมีดวงตา มันเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนดาราที่โคจรย้อนกลับ

ตู้ม!

ก่อนจะสกัดการโจมตีนั้นไว้ได้ เกิดเป็นประกายแสงระเบิดออก!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]