บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1683

สรุปบท บทที่ 1683 เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1683 เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1683 เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1683 เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย

………………..

บทที่ 1683 เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย

เฉินซีตกใจจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก

ถ้าเซวียนเป็นผู้บรรลุแผนภาพวารีหลากคนที่เจ็ด แล้วข้า… คือคนที่เท่าใด?

หลังจากนั้น เฉินซีก็หัวเราะเยาะตัวเองอย่างไม่รู้จบ แผนภาพวารีหลากที่เขาได้รับยังคงเป็นเศษเล็กเศษน้อย และยังไม่ได้รวบรวมเป็นแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจะกล้าจัดอันดับตัวเองได้อย่างไร?

ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากคำว่า ‘ปรมาจารย์แห่งดินแดนเร้นลับหม่านกู่’ ทำให้เฉินซีสามารถยืนยันความคิดของตนได้ว่า เซวียนผู้นี้เป็น ‘เทพโดยกำเนิด’ องค์แรกที่ถือกำเนิดจากความโกลาหลแห่งยุคหม่านกู่ และจะต้องเป็นเทพที่เคยอาศัยอยู่ที่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ตามตำนานอย่างแน่นอน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ที่ตั้งอยู่ด้านนอกมหาสมุทรสุสานเทวะ และแดนรากบรรพกาลที่มีโชคลาภมายมายนั่น คือบ้านเกิดของเซวียน!

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยอารมณ์ ไม่น่าแปลกใจที่ตัวอักษรลึกลับคำว่า ‘ซากโบราณสถาน’ และ ‘รกร้าง’ จะปรากฏบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และได้รับมรดกของกระบี่เปื้อนเลือดเล่มนั้นทันทีที่มาถึงซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่…

ปรากฏว่าทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเซวียน ผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากคนที่เจ็ด!

พวกเขาคือผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากอีกหกคนก่อนเซวียนผู้นี้หรือไม่?

หรือบางทีอาจมีความลับอื่น ๆ ซ่อนอยู่ในแผนภาพวารีหลาก?

“สหายเต๋าเจ้ามาแล้ว” เมื่อความคิดเหล่านี้พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เซวียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าก็กล่าวขึ้นทันที น้ำเสียงอ่อนโยน กระจ่างราวกับน้ำพุใสที่ทำให้หัวใจสงบ

เฉินซีตะลึงลาน จากนั้นก็ประสานมือคำนับเงียบ ๆ

เขารู้ว่านี่คือส่วนหนึ่งของเจตจำนงที่เซวียนทิ้งไว้เบื้องหลัง มันไม่มีสติปัญญาหรือจิตสำนึกใด ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องฟัง

“น่าเสียดาย เพื่อไล่ตามวิถีสู่จุดสูงสุดของเต๋า ข้าจึงไม่สามารถพบกับสหายเต๋าด้วยตนเองได้ และข้าได้ทิ้งทุกอย่างที่ข้าได้เรียนรู้ ทุกสิ่งที่ข้าคิด และทุกสิ่งที่ข้าเข้าใจไว้ที่นี่แล้ว”

“นี่คือภารกิจของผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากทุกคน เมื่อเราได้เห็นความหมายที่แท้จริงผ่านวิถีสู่จุดสูงสุดของเต๋า ก็ถึงเวลาที่เราต้องจากไปเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เรียนรู้จักต้องถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เพื่อที่จะชี้นำผู้ที่มาภายหลัง เพื่อส่งต่อมรดกของเรา”

“หากสหายเต๋า สามารถก้าวเข้าสู่วิถีสูงสุดของเต๋าได้สักวันหนึ่ง สหายเต๋าย่อมจะต้องทำตามสิ่งที่ข้าทำเช่นกัน เจ้าจะต้องละทิ้งเคล็ดวิชาขั้นสุดยอดทั้งหมด ส่งต่อผลแห่งเต๋าของเจ้า และป้องกันไม่ให้มรดกสืบทอดสิ้นสุดลง”

ร่างกายของเซวียนเต็มไปด้วยแสงที่ไร้ตัวตน ในขณะที่เสียงอันอบอุ่นและชัดเจน ดังก้องไปทั่วจักรวาลอันมืดมิดนี้ประหนึ่งน้ำพุใสที่ไหลริน

ก่อนจะทันตอบสนองใด ๆ จู่ ๆ เซวียนก็ลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายเต๋า ถนอมตัวด้วย”

ขณะที่กล่าว เซวียนก็เหยียดนิ้วออกแล้วชี้ไปที่กึ่งกลางหน้าผากของเฉินซี

โอม!

เฉินซีรู้สึกว่ามีเสียงหึ่ง ๆ ในหัว และรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า มันทำให้วิสัยทัศน์มืดดับลง สิ้นสติทันที

ในช่วงเวลาถัดมา เฉินซีรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน

ความฝันนี้ ปราณกระบี่หลายสายส่งเสียงหวีดหวิวไปในอากาศ บางครั้งพวกมันดูเหมือนจะถาโถมดุจมหาสมุทรที่บดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้า บางครั้งพวกมันก็เคลื่อนคล้อยไปอย่างไร้ร่องรอยดุจแสง และไม่อาจถูกตรวจจับได้ บางครั้งพวกมันสร้างความสมดุลระหว่างหยินและหยาง ทำให้พวกมันกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจสั่นคลอน…

ปราณกระบี่ทั้งหมดนี้น่ากลัวยิ่ง พวกมันเปี่ยมด้วยอานุภาพของจักรพรรดิ และควบคุมเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาล ส่งเสียงหวีดหวิวและพุ่งทะยานไปเป็นมวลหนาแน่นที่ไร้ขอบเขต ทั้งยังท่วมท้นวิสัยทัศน์ของเขา ทำให้ไม่สามารถละสายตาจากพวกมันได้

หลังจากนั้น ปราณกระบี่ทั้งหมดนี้ก็เปลี่ยนทิศทาง เข้าโจมตีเขาพร้อม ๆ กัน ดั่งพายุกระบี่กำลังร่อนลงมา และเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีใจสั่นสะท้าน เคลื่อนไหวหมายหลบหนี แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ในช่วงเวลาถัดมา ร่างกายของเขาจมอยู่ภายใต้ปราณกระบี่เหล่านั้น

จู่ ๆ เฉินซีก็ได้สติและลืมตาขึ้น

ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น ทำให้เฉินซีอดระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ ในขณะที่ดวงตายังทอประกายหวาดกลัว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝันเมื่อครู่นั้น น่าพรั่นพรึงสยองขวัญเกินไปจริง ๆ และถ้ามันเกิดขึ้นจริง เฉินซีก็ไม่กล้ารับประกันว่าเขาจะสามารถอยู่รอดได้

วู~ วู~ วู~

เฉินซียังคงยืนอยู่บนลานโล่งนั้น สายลมเหน็บหนาวพัดผ่าน ส่งเสียงหวีดหวิดอันเยือกเย็น

ทว่ามวลซากสังขารบรรพเทวาและกระบี่เปื้อนเลือดที่ปลายสุดลานโล่งนั้นได้หายไปแล้ว

ขณะที่จ้องมองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เฉินซีก็มึนงงอยู่ในใจ หากจิตใจไม่กระจ่างแจ่มชัดในยามนี้ ก็เกือบคิดว่าทุกสิ่งที่ประสบเมื่อครู่ไม่มีอยู่จริง

หืม? ทันใดนั้น เฉินซีก็สังเกตเห็นว่า กระบี่เปื้อนเลือดได้ปรากฏในห้วงจิตสำนึกของเขา และมันลอยอยู่ที่นั่น พลางปล่อยคลื่นพลังผันผวนที่คลุมเครือ

โครม!

มันเป็นรูปแบบหนึ่งของเจตจำนงกระบี่ แตกต่างจากกระบี่ดวงใจลี้ลับ แต่ดูเหมือนจะถูกตัดออกจากผ้าผืนเดียวกัน ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมันมีกระบวนท่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เมื่อปราณกระบี่ปรากฏขึ้น มันกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร แข็งกร้าวเหมือนหินผา และเปี่ยมด้วยพลังอันกล้าแกร่งที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่ง!

ความเข้าใจพลุ่งพล่านอยู่ในใจ ชายหนุ่มตระหนักดีว่ากระบวนท่าที่ลึกล้ำนี้ คล้ายกับ ‘สงัดก่อนพายุโถม’ ที่เขาบัญญัติขึ้นเองอย่างน่าตกใจ แต่กระบวนท่านี้ กลับถูกขัดเกลาและเปี่ยมพลังอันแข็งกล้ากว่า

เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ผาสมุทร!

“เป็นเขาจริง ๆ ท่านอาจารย์ ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง….” ที่ด้านของแดนรากบรรพกาล และหน้าวิหารรากบรรพชน จู่ ๆ ทวารบาลของวิหารซึ่งนั่งขัดสมาธิบนแท่นบูชาก็ลืมตาขึ้นฉับพลัน ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน คล้ายพึงพอใจระคนตื่นเต้น แล้วจึงทอดถอนใจ

หลังจากนั้น ชายชราก็ลุกขึ้นยืน และมองไปที่วิหารที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นทอประกายแวววาว

“ถึงเวลาแล้วที่แดนรากบรรพกาลจะปรากฏตัวเช่นกัน….” เสียงแก่ชราล่องลอยไปทั่วทั้งฟ้าดิน ประดุจคำทำนาย

โครม!

แดนรากบรรพกาล

ณ จุดที่แสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และผู้เยี่ยมยุทธ์ที่รออย่างใจจดใจจ่อก็สังเกตเห็นว่าพื้นดินใต้เท้าของพวกเขาเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ในรัศมีสองหมื่นห้าพันลี้ ซากโบราณได้พังทลายลง เศษหินปลิวว่อนไปทั่วบริเวณโดยรอบ บังเกิดรอยแยกที่น่าสะพรึงกลัวแตกออกบนพื้นและทอดยาวไปไกล

ในทางกลับกัน ในขณะนี้ สายฟ้าที่เฝ้าคอยรอบ ๆ แสงสีม่วงก็ฉายแสงเจิดจ้าออกมา จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นกระแสวังวนขนาดใหญ่ที่หมุนอย่างบ้าคลั่ง

แสงสีม่วงนั่นราวกับกำลังยืนตระหง่านอยู่ที่ใจกลางของกระแสวังวนนี้ ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีแสงสาดส่องลงมาจากบริเวณโดยรอบ เจิดจ้าและกว้างใหญ่

“นั่นอะไร?”

“หรือว่า… แดนรากบรรพกาลกำลังจะปรากฏ?”

“เป็นอย่างนั้นแน่นอน!”

“ทุกคน รีบเตรียมตัวให้พร้อม เราจะเคลื่อนตัวทันทีที่แดนรากบรรพกาลปรากฏขึ้น!”

เมื่อเห็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์นี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข

พวกเขามีความรู้สึกว่า แดนรากบรรพกาลกำลังจะปรากฏขึ้นแล้วจริง ๆ!

ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่แรงกดดันได้แผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน

หลังจากนั้น โดยมีแสงสีม่วงเป็นศูนย์กลาง แสงที่สาดส่องออกมาจากมันได้บรรจบกันเป็นหนึ่ง แล้ว ๆ ค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างของตำหนักที่พร่ามัวในอากาศ!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]