บทที่ 1701 กู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา
………………..
บทที่ 1701 กู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา
กงเหย่เจ๋อฟูเป็นบุคคลแรกที่พ่ายแพ้ระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ และยังเป็นคนแรกที่บาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ที่หน้าอกบังเกิดบาดแผลพาดยาว เนื้อหนังฉีกขาดจนมองเห็นกระดูกที่อยู่ใต้ล่างได้ราง ๆ ปรากฏภาพที่น่าสยดสยอง ทั้งยังไม่อาจฟื้นฟูได้จนถึงบัดนี้
เพราะพลังปราณกระบี่ยังคงหลงเหลืออยู่รอบ ๆ บาดแผล และมันฉีกกระชากบาดแผลอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทุ่มเทพยายามเพียงใด ก็ไม่อาจรักษามันได้อย่างเต็มที่
แต่นี่ไม่เพียงพอที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับมหาเทวาวิญญาณผู้เป็นยอดอัจฉริยะที่ไร้ผู้เปรียบ
สาเหตุที่แท้จริงที่ไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้ คืออาการบาดเจ็บภายใน
มันหนักหนาสาหัสสุดเปรียบปาน
เส้นเอ็นและเส้นลมปราณในร่างฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่กระดูกแตกหัก ยิ่งไปกว่านั้น จักรวาลภายในร่างยังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายและใกล้จะพังทลาย หากรากฐานไม่ลึกล้ำมากพอ เขาคงทุกข์ทรมานจากการปราณหักเหไปนานแล้ว
ในระหว่างที่ทอดกายอยู่บนพื้น เขาพยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืนมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
สิ่งที่น่าสิ้นหวังที่สุดคือ การที่ได้เห็นเฉินซีบดขยี้ลั่วฉ่าวหนง ตี้จวิน เยว่หรูฮวา จินชิงหยาง และเป่ยเหวินด้วยสองตาของตนเอง
เขาเฝ้าดูสหายถูกสังหารอย่างไร้ปรานี ทั้งยังต้องมองสีหน้าที่ไม่ยินยอมและความเจ็บปวดรวดร้าวก่อนตาย…
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่หลอกหลอน ทำให้ใบหน้าของกงเหย่เจ๋อฟูเคียดแค้นและเศร้าสลด ทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังจนขีดสุด
ตลอดชีวิต เขาไม่เคยเห็นคนเย็นชา ไร้ความปรานี และปราศจากความกลัวเช่นเฉินซีมาก่อน!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เฉินซีกลับกล้าสังหารพวกเขาทั้งหมดที่เป็นถึงมหาเทวาวิญญาณ ซึ่งมาจากมหาอำนาจต่าง ๆ ในเอกภพพจักรวรรดิอย่างไร้ความปรานี!
จะมีคนเช่นนี้อยู่ในโลกได้อย่างไร? กงเหย่เจ๋อฟูรู้สึกสำนึกเสียใจ หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากพบปะกับคนเช่นเฉินซีเลย ยอมละทิ้งโชคภลาภในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ เขา… จะไม่ข่มขู่เฉินซีด้วยชีวิตของเจิ้นหลิวชิง
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
บัดนี้เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังอยู่ และเฉินซีกำลังสืบเท้าก้าวเข้ามาทีละก้าว ประหนึ่งยมทูตที่เดินออกมาจากภูเขาซากศพและทะเลเลือด ดวงตาสีแดงเย็นชาและไร้อารมณ์ สร้างแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
กงเหย่เจ๋อฟูตัวสั่นระริก และรู้สึกเหมือนกำลังเฝ้าดูความตายคืบคลานเข้ามา
ยังไม่ทันกล่าวจบ เฉินซีก็เหวี่ยงกระบี่และฟันแขนขาของกงเหย่เจ๋อฟูทันที เลือดสด ๆ ก็ไหลทะลักออกมาเหมือนกระแสน้ำ และสาดกระเซ็นเจิ่งนองพื้นทันที
ความเจ็บปวดอย่างฉับพลันและรุนแรง ทำให้กงเหย่เจ๋อฟูกรีดร้องสุดเสียง ก้องไปทั่วฟ้า และน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าบิดเบี้ยว ในขณะที่ผมสีเงินถูกย้อมด้วยเลือด ร่างกายที่สูญเสียแขนขาสั่นเทาอย่างรุนแรง
หากเป็นผู้อื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็คงไม่สามารถทนดูได้
ทว่าเฉินซีไม่ได้แสดงท่าทีเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน และดวงตาสีแดงเลือดยังคงไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง เฉินซีเพียงมองลงไปที่กงเหย่เจ๋อฟูที่นอนอยู่บนพื้น และเฝ้าดูอีกฝ่ายร้องโหยหวน เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไม่ขาดสาย ประหนึ่งว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถระบายความเศร้าโศก ความโกรธแค้น ความรันทด และความเกลียดชังในใจของเขาได้
ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะมาจนถึงบัดนี้ เขาไม่เคยเกลียดชังผู้ใดมากจนถึงเพียงนี้ หรือแม้แต่การทรมานศัตรูก็ยังไม่เคยทำ
แต่ยามนี้ เขากลับกระทำทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพราะเจิ้นหลิวชิง!
“เฉินซี…. เจ้า… เจ้ากล้าทรมานข้าเช่นนี้เหรอ? ประเสริฐ! ฮ่า ๆ ๆ! ประเสริฐยิ่ง! สักวันหนึ่ง เจ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำวันนี้เป็นสิบเท่า!” กงเหย่เจ๋อฟูดูเหมือนเสียสติฟั่นเฟือน ใบหน้าดุร้ายบิดเบี้ยว และยังกู่คำรามอย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่มีผู้ใดในโลกหล้านี้ที่สามารถรอดชีวิตไปได้ หลังจากทำให้ตระกูลกงเหย่ของข้าขุ่นเคือง ไม่มีผู้ใด!”
“เจ้า…. เจ้าคิดทำอันใด? ฆ่าข้าซะถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอ! เจ้าไม่อยากล้างแค้นให้นังสารเลวนั่นเหรอ? เข้ามา!” กงเหย่เจ๋อฟูทั้งเดือดดาลและหวาดกลัวสุดขีด จากนั้นคำรามอย่างไม่รู้จบด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
โครม!
ในเวลาต่อมา เสียงของเขาก็หยุดลงบัดดล ในเวลาเดียวกัน วิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูถูกกระชากออกจากร่าง และถูกนำไปไว้ภายในดวงแสงศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่ยังคงส่งเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งยังก่นด่าและคำสาปต่อไป
น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้เฉินซีขมวดคิ้วแม้แต่นิดเดียว สีหน้ายังคงเฉยเมย จากนั้นก็ดึงขวดหยกออกมา ก่อนที่จะใส่วิญญาณของกงเย่เจ๋อฟู่ลงไป
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า นั่นง่ายเกินไปสำหรับคนอย่างเจ้า” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนจะปิดผนึกขวดหยกด้วยเคล็ดวิชาลับ และเก็บมันไป
ครืน!
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็สะบัดแขนเสื้อ เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่านก็ลุกโชนและเผาศพของกงเหย่เจ๋อฟูให้เป็นเถ้าถ่าน ลอยหายไปในอากาศทันที
เมื่อมาถึงจุดนี้ มหาเทวาวิญญาณทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ได้ถูกทำลายล้างหมดสิ้น!
อีกาทองคำทั้งสิบตัวที่อยู่บนท้องฟ้า พร้อมกันเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ย้อมทะเลเมฆ ยอดเขา และวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยแสงสีทองที่พิเศษและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
แต่ถึงกระนั้น ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเลือดและฉากแห่งความรกร้าง ศพจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ และอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นฉุนของเลือด
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านมานานจนเกินนับและเป็นสรวงสวรรค์ที่ไม่มีใครเหยียบย่ำมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงขณะนี้ เพิ่งต้อนรับผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มแรกในวันนี้ จากนั้นก็กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือด และเปลี่ยนเป็นที่ฝังศพของมหาเทวาวิญญาณจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความโลภและความเกลียดชัง!
เส้นแสงที่มีกลิ่นหอมยังคงลอยล่องออกมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไกล แต่พวกมันกลับมีกลิ่นอายที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว เมื่อผสมกับกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลในบริเวณโดยรอบ
สายลมพัดผ่านยอดเขา
จิตสังหารฉายวาบในดวงตาเฉินซีทันที “เจ้าหมายถึงอะไร?”
เจียหนานตกตะลึงแล้วรีบส่ายศีรษะ “ประสกเฉินซี เจ้าเข้าใจผิดแล้ว จากการคาดเดาของอาตมา แม่นางเจิ้นผู้นี้น่าจะได้รับผลกระทบจากกู่*[1]ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราของตระกูลกงเหย่ หากเป็นไปตามที่ข้าคาดเดาจริง ๆ บางทีนางอาจยังรอดได้”
หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าสามารถรักษานางได้ เจ้าก็จะได้รากเต๋าวิภูจักรวรรดินั้น!”
“ประสกเฉินซีอย่าได้วู่วามผลีผลาม และอนุญาตให้อาตมาตรวจดูเถิด” เจียหนานกล่าวอย่างใจเย็น แม้เขาจะได้ยินคำสัญญาจากเฉินซี แต่ท่าทางที่สงบและมั่นคงก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เชิญท่าน”
…
ในขณะเดียวกัน
ณ เอกภพจักรวรรดิ
ท้องฟ้าเหนือแท่นบูชาโบราณที่เต็มไปด้วยปราณโกลาหล ถูกปกคลุมไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย ดูเหมือนว่าเต๋าสวรรค์เพิ่งก่อตัวขึ้น และเทียบอันดับอันยิ่งใหญ่ ซึ่งสุกใส ทั้งยังงดงามก็ลอยอยู่ที่นั่น
มันคือเทียบอันดับเทวา!
ในขณะนี้ เหล่าร่างโบราณที่ทรงพลังจำนวนมากต่างนั่งขัดสมาธิอยู่รอบแท่นบูชาโดยหลับตาแน่น ซึ่งดูเหมือนรูปปั้นที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่มานานจนไม่อาจนับ
โอม!
ทันใดนั้น เทียบอันดับเทวาที่แต่เดิมลอยอยู่อย่างเงียบ ๆ ก็ปล่อยคลื่นพลังผันผวนแปลก ๆ ออกมาอย่างรุนแรง ทั้งยังเปล่งประกายเจิดจ้าจนส่องสว่างไปทั่วทั้งฟ้าดิน และมันก็ตื่นตาตื่นใจจนถึงขีดสุด
“อืม?”
“เกิดอันใดขึ้น?”
“ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในเทียบอันดับเทวานั่นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่เรื่องอันดีเลย รีบดูเถิด”
ร่างอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นที่เป็นเหมือนรูปปั้นต่างตื่นตระหนกกับสิ่งนี้ และพวกเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน
ในเวลานี้ มันเหมือนกับจ้าวแห่งฟ้าดินได้ตื่นขึ้นจากหลับใหล และปลดปล่อยพลังอันน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง ซึ่งพัดกวาดไปยังทุกทิศทุกทาง และพุ่งทะยานขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า!
สายตาของทั้งหมดจ้องมองไปยังเทียบอันดับเทวาบนท้องฟ้า ซึ่งเปล่งประกายสีทองอย่างไม่หยุดยั้ง
[1] กู่ คือพิษซึ่งได้มาจากสัตว์พิษตามความเชื่อของประเทศจีน มักนำมาใช้ในกิจกรรมทางไสยศาสตร์ ว่ากันว่าวิญญาณของกู่สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้หลายชนิด เช่น หนอน บุ้ง ตะขาบ งู กบ หรือสุนัข
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...