เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1700

บทที่ 1,700 หลั่งเลือดชโลมปฐพี

………………..

บทที่ 1,700 หลั่งเลือดชโลมปฐพี

เป่ยเหวิน จินชิงหยาง และคุนอู๋ชิงล้วนถูกสังหารสิ้น ในขณะที่กงเหย่เจ๋อฟูได้รับบาดเจ็บสาหัส

ยามนี้เมื่อลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ มารวมตัวกัน กลับพบว่าเหลือเพียงสามคนที่ยังสามารถต่อสู้ได้!

เหตุนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจ ทั้งยังหวาดกลัวต่อวิธีการอันโหดเหี้ยมไร้ความปรานีของเฉินซี เนื่องจากไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะกระทำการอย่างไม่เกรงกลัวและประมาทเลินเล่อเพียงนี้

“หรือเขา… มิได้กริ่งเกรงต่อการล้างแค้นจากเหล่ามหาอำนาจต่าง ๆ ของเอกภพจักรวรรดิ?

ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ที่ดูลวงตา ทั้งยังเยือกเย็น ปกคลุมยอดเขา ในขณะที่ยันต์เทวะลึกลับจำนวนมากก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่ในบริเวณโดยรอบ และปิดกั้นเส้นทางล่าถอยของพวกเขาอย่างสมบูรณ์

ณ บัดนี้ ดูเหมือนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนจะแปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิที่แยกตัวออกจากโลก ทั้งยังมีกลิ่นเลือดอบอวลและพลุ่งพล่านด้วยจิตสังหารแรงกล้า

ตุบ! ตุบ!

เฉินซีแบกเจิ้นหลิวชิงไว้บนแผ่นหลังขณะทะยานผ่านห้วงอวกาศ ดวงตาสีแดงเลือดทอประกายเฉยเมย โหดเหี้ยม และปราศจากอารมณ์เหมือนเมื่อกาลก่อน

ร่างสูงใหญ่พลุ่งพล่านด้วยจิตสังหารที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และมันปกคลุมฟ้าดินประหนึ่งกลิ่นอายของแดนนรก ยิ่งไปกว่านั้น คราบเลือดบนใบกระบี่ราชาเซวียนในมือได้ตื่นขึ้น และเปล่งแสงสีเลือดที่น่าขนพองสยองเกล้า

ตั้งแต่พริบตาที่ตัดสินใจสังหารพวกมัน เฉินซีก็มิกล่าววาจาอื่นใด!

เพราะไม่มีถ้อยคำใดที่จะสามารถบรรเทาความโศกเศร้า ความโกรธเกรี้ยว และความชิงชังในใจเขาได้ มีเพียงความตายและโลหิตเท่านั้นที่สามารถระบายทั้งหมดนี้!

“ฆ่า!” ใบหน้าของลั่วฉ่าวหนงดูเคร่งขรึมถึงขีดสุด พลางตะโกนดังลั่นด้วยเสียงที่น่าพรั่นพรึง

ยามนี้เขาไม่กล้าคำนึงถึงความหวังเสี้ยวเล็ก ๆ ในหัวใจ ดังนั้นจึงใช้กำลังเต็มพิกัดทันทีที่จู่โจม!

หรือบางทีอาจต้องเริ่มต่อสู้เสี่ยงตายภายใต้ช่วงเวลาคับขันนี้แล้ว!

เพราะเขาตระหนักดีว่า หากไม่ทุ่มสุดกำลัง เขาอาจจะเสียชีวิตเป็นแน่

ลั่วฉ่าวหนงไม่อยากทอดกายตายอยู่ที่นี่เช่นนี้ !

เขาเป็นใคร?

เขาไม่เต็มใจ!

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณทมิฬที่ดำสนิทและมืดมิดทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับนำพาโลกสายฟ้าดำไปด้วย และมันระเบิดอานุภาพที่ทรงพลังอย่างไร้ที่เปรียบเมื่อฟาดฟันใส่เฉินซี

เพลงกระบี่นี้ได้บดขยี้ทุกสิ่งเป็นผุยผง และทำให้ค่ายกลใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไม่รู้จบ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าลั่วฉ่าวหนงหาได้ประมาทเมื่อทุ่มพลังต่อสู้โดยเอาชีวิตแขวนบนเส้นด้าย

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ในขณะเดียวกัน ตี้จวินและเยว่หรูฮวาก็จู่โจมจากอีกด้านหนึ่ง มิหน้ำซ้ำ ทั้งสองไม่ได้ยั้งมือแต่อย่างใด!

คนทั้งสองตระหนักดีเช่นกันว่า หากลั่วฉ่าวหนงประสบภัยแพ้พ่าย พวกเขาก็จะต้องพินาศไปพร้อมกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาใด ๆ พร้อมเสี่ยงชีวิตต่อสู้เช่นกัน

ครืน!

เยว่หรูฮวาโบกกระจกกร่อนวิญญาณในมือ มันแผ่พุ่งเปลวไฟปฐพีศักดิ์สิทธิ์ออกมานับไม่ถ้วน เปลวไฟก่อตัวเป็นทะเลเพลิง ขณะกวาดพัดออกไป

เฉินซีเงยหน้าขึ้นมอง แววตายังคงเฉยเมยไร้คลื่นอารมณ์

โอม!

วงล้อแห่งแสงเจิดจ้าและงดงามที่กลมสนิทลอยขึ้นมาปรากฏอยู่ด้านหลัง มีแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดอยู่ภายในนั้น ซึ่งแผ่พุ่งพลังที่ไม่ธรรมดาออกมาอย่างไร้ขอบเขต

หลังจากนั้น ปราณกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับลำแสง!

ฟ้าดินทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที ทุกสรรพสิ่งล้วนสั่นเทาอยู่ในความเงียบงัน ขณะที่ปรากฏการณ์อันน่าสยองขวัญปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ลั่วฉ่าวหนงได้แพ้พ่ายต่อพลังศักดิ์สิทธิ์นี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้เข้า แม้เขาจะทุ่มพลังเต็มพิกัดและต่อสู้โดยแลกชีวิต ทว่าคลื่นความเย็นเสี้ยวเล็ก ๆ ได้แล่นกระจายไปทั่วหัวใจอยู่ดี

โครม!

ตามที่คาดไว้ ลั่วฉ่าวหนงถูกซัดจนปลิวว่อนอีกครั้ง เลือดไหลรินจากฝ่ามือและข้อมือ กระดูกแทบแตกหักออกจากกัน มิหนำซ้ำ มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก แม้แต่ใบหน้าก็ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด!

ระดับการบ่มเพาะนี้น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง มันครองตำแหน่งสูงสุดในบรรดามหาเทวาวิญญาณ และบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนในขอบเขตเดียวกัน อานุภาพของมันมากมายเกินคณานับ

ฟิ่ว!

ในเวลาเดียวกับที่เขาตีโต้ลั่วฉ่าวหนงกลับ ประกายกระบี่อันแววาวอีกสายหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือเฉินซี ทะลวงผ่านท้องฟ้าราวกับแสงที่หมายมั่นจะเจาะทะลุสุริยัน มันทั้งเจิดจ้าและทรงพลังทำลายล้าง

“ไม่!!” รูม่านตาของเยว่หรูฮวาเบิกขยายออก และหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าลั่วฉ่าวหนงจะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเพียงนี้

ทว่ามันสายเกินไปแล้ว

โครม!

ทะเลเพลิงที่ก่อตัวจากเปลวไฟปฐพีศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกบดขยี้เป็นเสี่ยง ๆ เหมือนแผ่นกระดาษ และไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฉินซีได้เลย

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ตี้จวินก็ตื่นตระหนกจนร้องโหยหวน ใบหน้าบิดเบี้ยว พลันหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นแหวกแยกห้วงอวกาศ หลบหนีไปอย่างราบคนเสียสติ

ยอดอัจฉริยะที่รับได้ขนานฉายาว่า ‘วิปลาส’ ยามนี้กำลังหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ!

หากข่าวเหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกไป คงทำเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งเอกภพจักรวรรดิแน่

แล้วมันน่าหัวร่อหรือไม่?

โดยไม่คาดคิด ลั่วฉ่าวหนงไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เขายังคงนิ่งเงียบราวกับยอมจำนนต่อชะตาของตน พร้อมกับศีรษะที่หลุดกระเด็นจากการเหวี่ยงกระบี่ครั้งนี้!

ฟึ่บ!

เลือดสาดกระเซ็นปกคลุมท้องฟ้า

เหตุนี้ทำให้ดวงตาของเฉินซีหรี่เล็กลง และรู้สึกประหลาดใจ

ในเวลาเดียวกัน หนังสัตว์ที่แวววาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างฉับพลัน จากนั้นก็เผยให้เห็นฉากที่ยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่กำลังบูชาและปราชญ์กำลังอ่านคัมภีร์

ภาพเหมือนของปราชญ์!

ทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น บังเกิดแสงสว่างวาบและปกคลุมศพของลั่วฉ่าวหนง จากนั้นเสียงหึ่ง ๆ ก็ดังขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงที่ลุกโชติช่วงที่สาดส่องผ่านห้วงอวกาศ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และเกินความคาดหมายของเฉินซี เขาแน่ใจว่าตนไม่ได้เพียงแค่ตัดคอของลั่วฉ่าวหนงเท่านั้น แม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ ดังนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ้นชีพอย่างสมบูรณ์ แต่ไยเหตุนี้ถึงเกิดขึ้น?

มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับหนังสัตว์นี้!

เฉินซีไม่รู้จักภาพเหมือนของปราชญ์ แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้มันหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน

ฟิ่ว!

เฉินซีโบกมือซ้ายโดยสัญชาตญาณ และเหรียญที่มีสีทองสดใสสามเหรียญก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือดุจระเบิด พวกมันก่อตัวเป็นอักษร ‘品’ จากนั้นก็ฟาดอย่างแรงไปยังภาพเหมือนของปราชญ์ที่กำลังหลบหนีไปไกล

เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ

สุดยอดสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยปรมาจารย์แห่งนิกายอำนาจเทวะ ว่ากันว่ามันสามารถทำให้สมบัติทั้งหมดพังทลายลงต่อหน้า

โครม!

ทันใดนั้น เหรียญทองแดงโปรยสมบัติก็ระเบิดแสงสีทองเจิดจ้า และปลดปล่อยกระแสอักขระเต๋าที่ตรึงภาพเหมือนของปราชญ์ไว้กับที่ ยิ่งกว่านั้น การปะทะระหว่างพวกมัน ทำให้ปะทุแสงศักดิ์สิทธิ์อันสุกใสซึ่งพัดกวาดไปทั่วฟ้าดิน

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็ฉีกห้วงอวกาศด้วยกระบี่ และตั้งใจที่จะสยบภาพเหมือนของปราชญ์ด้วยเหรียญทองแดงโปรยสมบัติ

“เจ้าหนู อย่าประเมินความสามารถของเจ้าสูงไป!” ทันใดนั้น เสียงสูงวัยและสง่างามก็ดังออกมาจากภายในภาพเหมือนของปราชญ์

ด้วยเสียงนี้ สมบัติของบรรพบุรุษของตระกูลลั่วก็เปล่งแสงเจิดจ้า ไม่เพียงแต่มันกระแทกเหรียญทองแดงโปรยสมบัติจนกระเด็นออกมา แม้แต่เพลงกระบี่ของเฉินซีก็สลายหายไปสู่ความว่างเปล่า

ครืน!

เวลาต่อมา ภาพเหมือนของปราชญ์ก็หายไปจากห้วงอวกาศอย่างไร้ร่องรอย

ดูเหมือนว่าสมบัตินั้นมีความสำคัญยิ่งต่อตระกูลลั่ว…

ดวงตาสีแดงเลือดทอประกายเย็นเยียบ เขาตระหนักได้อย่างราง ๆ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะตระกูลลั่วไม่เต็มใจที่ปล่อยให้หนังสัตว์ร้ายนั้นตกอยู่ในมือของผู้อื่น

ส่วนลั่วฉ่าวหนงจะสามารถฟื้นคืนชีพได้หรือไม่นั่น ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจของเฉินซี ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปที่กงเหย่เจ๋อฟูที่นอนอยู่บนพื้นในระยะไกล และยังคงไม่สามารถดิ้นรนลุกขึ้นยืนได้จนถึงตอนนี้!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]