บทที่ 172 ฮวาหง
บทที่ 172 ฮวาหง
เมื่อเฉินซีคิดถึงจุดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้ที่มีพร้อมทั้งทรัพย์สินและอำนาจมักเป็นกลุ่มคนที่เหยียบย่ำกฎเกณฑ์ ในขณะที่ผู้ไร้ความมั่งคั่งและอำนาจ มักจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากกฎเกณฑ์นั้นอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากลับถูกกดขี่และข่มเหงแทน ในท้ายที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้เสียสละ และเป็นหินให้ผู้อื่นคอยเหยียบข้ามไป
นี่คือกฎที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ก็เป็นที่รู้กันทุกหนทุกแห่งในโลก ดังนั้นจึงมีวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงมัน นั้นคือต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
ในขณะนี้ ภายใต้สายตาที่จ้องมองด้วยความสมเพชระคนเยาะเย้ยจากสิ่งรอบข้าง จูซวิ่นผู้มีใบหน้าดำคล้ำกลับกลายเป็นแดงก่ำ และบิดเบี้ยวจากการข่มเหงที่เขาสัมผัสได้
เปลวไฟแห่งความโกรธได้ลุกโชนในแววตาของเขา หน้าอกที่ผ่าเผยและหนาแน่นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำหมัดแน่น เล็บที่แหลมคมของเขาจิกเข้าไปในเนื้อ จนเกิดรอยเลือดออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ทันได้สังเกตถึงมันเลยแม้แต่น้อย
เขาเป็นเพียงบุตรชายที่เถรตรงของนักล่าบนภูเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่า ผู้คนในโลกนี้เปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาโดยพลการ หรือว่าพวกเขาล้วนไร้ยางอาย จึงกล้าดูหมิ่นการทุ่มเทฝึกฝนของเขาโดยไม่ได้แยแสใด ๆ?
ต่อให้เค้นสมอง เขาก็คิดไม่ออกจริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโกรธเกรี้ยวและดื้อรั้นเหมือนวัวป่า ในขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังศิษย์สายในที่อยู่ด้านหลังโต๊ะ และต้องการคำอธิบายจากคนผู้นั้น
ศิษย์สายในคนนั้นมีนามว่า ‘ฝูเจิ้ง’ ซึ่งเดิมทีเขาก็รู้สึกสงสารจูซวิ่นอยู่ในใจเช่นกัน แต่เมื่อเขาสัมผัสกับความโกรธในดวงตาของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขาหงุดหงิดในทันที และตะคอกอย่างเย็นชาก่อนที่จะเบือนหน้ากลับไป เขาไม่อาจใส่ใจกับไอ้หน้าโง่คนนี้ได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น เด็กสาวอีกคนหนึ่งซึ่งสวมชุดกระโปรงสีสันฉูดฉาดเป็นประกาย นางมีรูปร่างบอบบางและมีผิวอ่อนนุ่มที่ขาวราวกับหิมะเดินเข้ามา ใบหน้าที่งดงามของนางก็เผยให้เห็นถึงความเย่อหยิ่ง จนเหมือนหงส์ตัวน้อยที่เย่อหยิ่ง นางไม่ได้แลทางซ้ายหรือขวา แต่ก้าวไปยังโต๊ะอย่างสง่างาม
เฉินซีจำได้ว่าเด็กสาวคนนี้มีนามว่า ‘เซี่ยชีเฉี่ยว’ และนางก็ถูกตัดสิทธิ์ตั้งแต่มหาค่ายกลมารพสุธามนต์ลวงตาเปิดใช้งานเช่นกัน ทว่าในตอนนี้ การกระทำของนางที่เดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะนั้นก็แสดงความชัดเจนในตัวเอง
ตามที่คาดไว้ เมื่อพวกเขาเห็นเซี่ยชีเฉี่ยว เด็กสาวผู้จองหองมาถึง นอกจากจูซวิ่นแล้ว ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสิบสองคนที่ผ่านการทดสอบก็รู้สึกกังวลทันที พวกเขาต่างก็สามารถแยกแยะได้ว่า เด็กสาวคนนี้น่าจะเหมือนกันกับหลิวเฉิน และนางกำลังจะแทนที่ตำแหน่งในหมู่ผู้ผ่านการทดสอบ อย่างไรก็ตาม หากนางได้รับตำแหน่งมา หนึ่งในนั้นจะต้องถูกตัดสิทธิ์อย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ใดจะเต็มใจมอบตำแหน่งให้?
ผู้อาวุโสฮวาหงที่หลับตาครุ่นคิดอย่างสบาย ๆ พลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง และดวงตาของเขาก็เป็นประกายเมื่อเห็นเซี่ยชีเฉี่ยว เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่จะรอยยิ้มนั้นจะจางหายไป จากนั้นสายตาของเขาก็กวาดไปยังชายหนุ่มและหญิงสาวที่ผ่านการทดสอบทั้งสิบสองคน
“เจ้า เจ้าถูกตัดสิทธิ์จากการทดสอบ จงกลับไปซะ”
ฮวาหงกวาดสายตามองพวกเขาทั้งหมดก่อนจะหยุดที่มู่เหยา สายตาของเขาเฉียบแหลมอย่างมาก เพราะจากท่าทางและการกระทำนั้น เขาสามารถแยกแยะได้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องไม่มีภูมิหลังใด ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะถอดตำแหน่งของนางและมอบให้แก่เซี่ยชีเฉี่ยว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่เหยาก็ตกตะลึงไปทันที และโทสะพลันปรากฏบนใบหน้านางแทบจะทันที ในระหว่างที่นางเข้าร่วมการทดสอบเข้านิกายครั้งนี้ นางต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ และเดิมที นางคิดว่าหลังจากที่นางมีคุณสมบัติผ่านเข้าสู่นิกายแล้ว พี่ใหญ่เฉินจะมองนางในแง่มุมใหม่อีกครั้ง แต่นางจะคาดคิดได้อย่างไรว่า เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับนางจริง ๆ
หากเป็นก่อนที่นางจะมาถึงเมืองทะเลสาบมังกร มู่เหยาคงต้องกล้ำกลืนความอัปยศและจากไปอย่างเชื่อฟัง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความสัมพันธ์ของนางกับเฉินซี นางจึงได้เห็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่มีพลังมหาศาลมากมาย กระทั่งเมื่อวานเอง นางยังนั่งพูดคุยกับบรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิงและประมุขนิกายหลิงคงจื่ออยู่เลย ถึงแม้ว่านางจะทำได้เพียงรับฟังด้วยความเคารพ แต่จะมีผู้ใดกล้ามองข้ามนางอีก?
ดังนั้นด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานี้ จึงถือได้ว่ามู่เหยามีความมั่นใจอย่างมาก จากนั้นนางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนค่อย ๆ กล่าวว่า “ข้าไม่เห็นด้วย”
ทันทีที่นางกล่าวจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เหยาจะกล้าปฏิเสธผู้อาวุโสฮวาหงต่อหน้าเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่านางไม่กลัวที่จะไม่สามารถออกจากนิกายกระบี่เมฆาพเนจร?
“ฮึ่ม! หญิงสาวบ้านนอกคนนี้มาจากไหน? เจ้ารู้จักมารยาทบ้างไหม? เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังเผชิญหน้ากับใคร? ไสหัวไปซะ และอย่าทำตัวโง่เขลาอยู่ที่นี่” ก่อนที่ใครจะกล่าวอะไร เซี่ยชีเฉี่ยวเชิดคางขึ้นก่อนที่จะกล่าวอย่างเย่อหยิ่งและดูถูกเหยียดหยาม
“ช่างไร้ยางอายถึงขีดสุดอย่างแท้จริง เจ้าล้มเหลวทันทีที่การทดสอบเจตจำนงเริ่มขึ้น ไม่ต้องกล่าวถึงพรสวรรค์ของเจ้าที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก ตอนนี้เจ้ายังคิดแย่งตำแหน่งของข้าไปอย่างไร้ยางอาย มีสตรีคนไหนในโลกที่ไร้ยางอายเช่นเจ้าบ้างหรือไม่?” มู่เหยาไม่ได้โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย และสีหน้าของนางก็สงบนิ่งขณะที่นางตอกกลับอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ผู้หญิงต่ำต้อยเช่นเจ้าที่ไม่มีอำนาจหรือภูมิหลังใด ๆ กลับกล้าเรียกข้าว่าไร้ยางอายจริง ๆ หรือ?” เซี่ยชีเฉี่ยวโมโหอย่างสุดขีด จนกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่เสียดหู ใบหน้าที่สวยงามของนางในตอนนี้กลับบิดเบี้ยวจนไม่น่าดู จากนั้นนางก็หันกลับไปมองผู้อาวุโสฮวาหงและกล่าวว่า “ท่านลุงฮวา หรือว่าท่านจะไม่ทำสิ่งใดเลย?”
“เอาล่ะ ชีเฉี่ยว ใจเย็น ๆ ” ฮวาหงลุกขึ้นยืนและโบกมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมู่เหยาพร้อมกับกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “เด็กน้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงออกไปอย่างเชื่อฟังซะ มิฉะนั้น…”
“ท่านอาจารย์ฮวา ข้าคิดว่าท่านควรปล่อยเรื่องนี้ไป” ในขณะนี้ หญิงสาวในชุดสีฟ้าได้แยกฝูงชนออกมาขณะที่นางเดินผ่านอย่างช้า ๆ ผมยาวของนางเป็นสีดำสนิท มีคิ้วเป็นรูปทรงต้นหลิว ดวงตาใสกระจ่าง และผิวที่บอบบาง ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างหน้าตาของนางก็งดงามเป็นอย่างมาก
“พี่ใหญ่ชิงหนี่?” มู่เหยาร้องออกมา
หญิงสาวในชุดสีฟ้าคนนี้คือ เหยียนชิงหนี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสิบหกศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร นางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มให้มู่เหยาก่อนจะจ้องไปที่ฮวาหง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...