บทที่ 1724 มหาปุโรหิตอำนาจเทวะ
………………..
บทที่ 1724 มหาปุโรหิตอำนาจเทวะ
ฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยภาพฉากรกร้าง
นอกเมืองเฟิงฉีและบนชายฝั่งของมหาสมุทรสุสานเทวะ ไม่ว่าก้อนหิน หน้าผา พืชพรรณต้นไม้ หรือแม้แต่ผืนดิน…. ทุกสิ่งในรัศมีสองแสนห้าหมื่นลี้ ล้วนแต่กลายเป็นผุยผง
วู~ วู~ วู~
สายลมพัดพาความโศกเศร้า
อู๋เซวี่ยฉานจากไปกะทันหัน และการกระทำที่เร่งรีบของเขาทำให้หลายคนสับสน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่อู๋เซวี่ยฉานจากไปพร้อมกับเฉินซีและจักรพรรดินีอวี้เชอ
ทว่าหลังจากนั้น เมื่อเหลือบมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า และหวนคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ซับซ้อนสุดเปรียบปานทันที
ไม่มีใครกล่าวกระไร และบริเวณโดยรอบก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบอันกว้างใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มที่พวกเขารู้สึกว่าไร้ชื่อเสียง และมีดีเพียงพลังฝีมือกล้าแกร่งจนท้าทายสวรรค์เท่านั้น แท้จริงแล้วเป็นศิษย์น้องเล็กของอู๋เซวี่ยฉาน นายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์
ยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าอู๋เซวี่ยฉานที่ห่างหายจนไร้ร่องรอยแรมปี กลับปรากฏกายอย่างอหังการเช่นนี้จริง ๆ และเขาเพียงกล่าวไม่กี่คำ ก่อนจะสยบตัวตนทรงอำนาจทั้งหมดจนคุกเข่าลง มิหนำซ้ำ ยังรวมถึงสยบจักรพรรดิอีกเช่นกัน!
ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ หวาดกลัว สับสน และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
…
โฮกกก!
มิทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นมังกรฟ้าแบกจักรพรรดิชงโตว ซึ่งมีสีหน้าซีดเซียวสุดเปรียบปานขณะที่ตัวมังกรฉีกผ่านท้องฟ้าเพื่อจากไป
วันนี้เขาถูกบังคับให้คุกเข่าในที่สาธารณะ เรียกได้ว่าเสียหน้าจนด้านชา ยามนี้เจ้าตัวจึงได้แต่จากไปอย่างคับแค้น ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
ตั้งแต่เมื่อใดที่จักรพรรดิซึ่งควบคุมเต๋าและครอบครองพลังที่สามารถพลิกฟ้าคว่ำดินจะถูกกดขี่ถึงขนาดนี้?
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียวเช่นกัน
คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ต่างถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ ตระกูลกงเหย่จากเอกภพจักรวรรดิเป็นมหาอำนาจชั้นยอดที่มีอำนาจมหาศาล แต่ใครจะจินตนาการได้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่จากตระกูลกงเหย่เช่นกงเหย่หนานลี่จะกลับกลายมีสภาพดังกล่าวในวันหนึ่ง?
นอกเหนือจากการจากไปของกงเหย่หนานลี่แล้ว ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ทั้งหมดที่ถูกบังคับให้คุกเข่าก็จากไปอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าเศร้าหมองบนใบหน้าของพวกเขาเช่นกัน
ไม่นานนัก ก็มีเพียงกลุ่มของเล่ออู๋เหินที่เหลืออยู่
เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ อารมณ์ของพวกเขากลับยิ่งซับซ้อนกว่า และใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตกใจจนถึงยามนี้
พวกเขาได้เห็นทั้งหมดด้วยสองตาของพวกเขาเอง
พวกเขาเฝ้าดูเฉินซีเอาชนะตี้อวิ๋นชิวด้วยตัวเอง
เฝ้าดูเฉินซีต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นเพียงลำพังบนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรสุสานเทวะ และพลังฝีมือของชายหนุ่มก็ยอดเยี่ยมราวกับสุริยันที่แผดจ้าบนท้องฟ้ายามเที่ยงวัน
เฝ้าดูจักรพรรดิชงโตวควบคุมเฉินซีด้วยคำกล่าวเพียงไม่กี่คำ และคิดหมายบังคับให้เฉินซีคุกเข่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่ได้น่าตกใจเท่ากับการมาถึงของอู๋เซวี่ยฉาน นายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์!
กลิ่นอายที่ครอบงำอย่างยิ่งใหญ่ และการบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนอย่างสง่างาม ส่งผลให้หัวใจของพวกเขาไม่อาจสงบลงได้จนถึงตอนนี้
“อู๋เหิน ไฉนเจ้าถึงไม่บอกว่าเด็กคนนี้มาจากเขาเทพพยากรณ์? หากข้ารู้ว่าเขาคือศิษย์น้องเล็กของอู๋เสวี่ยชานละก็….” เล่อเป่ยโหยวมีสีหน้าที่ซับซ้อน ในขณะที่สุ้มเสียงเต็มไปด้วยความตกใจและเศร้าสลด ดูเหมือนเขาจะเสียใจจริงที่เย็นชาและไม่แยแสต่อเฉินซีในยามนี้
“ลุงเก้า ข้าไม่เหมือนท่าน ยามข้าเป็นสหายกับเขา ข้าหาได้สนใจต้นกำเนิดของเขาไม่!” เล่ออู๋เหินขมวดคิ้วและกล่าวเยาะเย้ยเล็กน้อย ด้วยยังคงไม่พอใจเล่อเป่ยโหยว
ใบหน้าของเล่อเป่ยโหยวแข็งทื่อ และรู้สึกละอายเล็กน้อย ทว่าในไม่ช้าก็คืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวว่า “ที่ข้าทำทั้งหมดนั้น ก็เพื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลเรา แม้ข้าจะรู้ถึงต้นกำเนิดของเด็กคนนั้น แต่ข้าก็จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตระกูลเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน”
เล่ออู๋เหินฮึดฮัดอย่างเย็นชา และไม่กล่าววาจาสืบต่อ
“คราครั้งนี้เป็นเพราะเฉินซี เขาเทพพยากรณ์จึงล่วงเกินตระกูลลั่ว ตระกูลกงเหย่ ตระกูลเยว ตระกูลจิน ตระกูลคุนอู๋ และตระกูลเป่ย ตระกูลทั้งหมดล้วนเป็นมหาอำนาจชั้นนำในเอกภพจักรวรรดิ และนี่เป็นผลร้ายมากกว่าเป็นคุณ มันไม่คุ้มเลยสักนิด” เล่อเป่ยโหยวถอนหายใจ
“แล้วจะทำไม? ไม่ว่ามหาอำนาจเหล่านี้จะเดือดดาลปานใด เกรงว่าพวกมันคงไม่กล้ายกทัพไปยังเขาเทพพยากรณ์เพื่อทวงถามความเป็นธรรมอย่างแน่นอน” เชินถูเยียนหรานกล่าวทันทีจากด้านข้าง “ท้ายที่สุดแล้ว ในเอกภพจักรวรรดิทั้งหมด มีเพียงไม่กี่มหาอำนาจที่สามารถเทียบเคียงกับเขาเทพพยากรณ์ได้ และมหาอำนาจเหล่านี้ไม่ร่วมถึงกองกำลังเช่นตระกูลลั่ว”
“ถูกแล้ว เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ข้ารู้สึกชื่นชมต่อนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ อู๋เสวี่ยชานจริง ๆ เพียงเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับศิษย์น้องเล็กของเขา เขาจึงเพิกเฉยต่อตัวตนของพวกมันโดยสิ้นเชิง และบังคับให้พวกมันคุกเข่าชดใช้ความผิดของตน ช่างน่าพึงพอใจจริง ๆ!” อวี๋ชิวจิงกล่าวสนับสนุนเช่นกัน และน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพต่ออู๋เซวี่ยฉานอย่างที่สุด
“ฮ่า ฮ่า! พวกเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นเหรอ? การกระทำสิ่งต่าง ๆ ของเฉินซีนั้น แท้จริงจริงแล้วคล้ายกับใต้เท้าอู๋เซวี่ยฉาน อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขาเทพพยากรณ์เพื่อข่มเห่งผู้อื่น แต่เป็นพวกลั่วฉ่าวหนงที่หยิ่งผยองอย่างมาก ทั้งยังยั่วยุและโจมตีเฉินซีอย่างไม่หยุดยั้ง ท้ายที่สุด พวกมันก็ทำให้เฉินซีเดือดดาลจนนำไปสู่ความพินาศ พวกมันชักนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเองจริง ๆ”
เล่ออู๋เหินก็เห็นด้วยอย่างยิ่งเช่นกัน และถอนหายใจออกมา “ข้ามั่นใจว่า คงไม่ถึงหนึ่งวันก่อนที่แดนเทพโบราณทั้งหมดจะรู้เรื่องเหตุการณ์นี้ และมันจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อของเฉินซียังทำให้โลกตะลึงอย่างแน่นอน!”
อู๋เสวี่ยชานยิ้มพลางจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็หรี่ลง และหยุดกะทันหันทันที
“ศิษย์น้อง ดูเหมือนว่าเจ้ากับอวี้เชอต้องล่วงหน้าไปก่อนแล้ว” อู๋เซวี่ยฉานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างทำอะไรไม่ถูก
เฉินซีและจักรพรรดินีอวี้เชอตกตะลึง “หรือว่าศัตรูจะตามทันแล้ว?”
“ไม่นึกเลยว่าข้าจะชักนำปุโรหิตอำนาจเทวะออกมา หลังจากที่ข้าฆ่าปุโรหิตชุดแดงสามคนนั้น” อู๋เซวี่ยฉานถอนหายใจเบา ๆ แม้นเขาจะไม่เกรงกลัว แต่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกอย่างมากแทน
“มหาปุโรหิตอำนาจเทวะ!” จักรพรรดินีอวี้เชอตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินชื่อนี้ และดูเหมือนจะรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย
“มหาปุโรหิตอำนาจเทวะ? เขาน่าพรั่นพรึงปานนั้นเชียวหรือ?” เฉินซีไม่รู้สึกเกรงกลัวเพราะไม่รู้ที่ตื้นหนาบาง และขมวดคิ้วขณะถามคำถามนี้
“ข้าบอกได้แค่ว่า มันยากที่จะฆ่าเขาได้” อู๋เซวี่ยฉานขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ไม่ได้การแล้ว ไอ้เฒ่านั่นจะตามทันในไม่ช้า ข้าจะส่งเจ้าสองคนออกไปก่อน แล้วข้าพาเจ้ากลับไปยังนิกายภายในห้าถึงสิบปี”
บัดนี้เฉินซีตระหนักดีว่าสถานการณ์ร้ายแรง
ท้ายที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้อู๋เซวี่ยฉานได้ฟาดจักรพรรดิชงโตวล้มลงด้วยฝ่ามือท่าเดียว แต่ครั้งนี้เขาต้องใช้เวลาห้าถึงสิบปีในการจัดการกับมหาปุโรหิตอำนาจเทวะเพียงคนเดียว จึงเป็นที่ประจักษ์ว่ามันยากเข็ญเพียงใดในการจัดการกับมหาปุโรหิตอำนาจเทวะผู้นี้
ฟิ่ว!
อู๋เซวี่ยฉานสะบัดแขนเสื้อวูบหนึ่ง และจู่ ๆ ทางเดินลึกก็ถูกฉีกออกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“ศิษย์น้องเล็ก เวลาสิบปีนั่นยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา แม้ว่าแม่นางเจิ้นจะมีสมบัติปราชญ์ทั้งห้าของนิกายพุทธคอยปกป้องนาง แต่มันก็เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น”
อู๋เซวี่ยฉานหยิบชิ้นไผ่ม่วงที่เปล่งประกายราวกับหยกออกมา และส่งต่อให้เฉินซี “รับสิ่งนี้ไปและจงมุ่งหน้าไปยังอารามไท่ชูบนภูเขาลั่วเจียในเอกภพสมุทรทักษิณา เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น มอบสิ่งนี้ให้ปรมาจารย์อาราม แล้วเขาจะบอกเจ้าถึงวิธีจัดการกับกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา”
อู๋เสวี่ยชานหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่มีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าจะมุ่งหน้าไปยังเอกภพสมุทรทักษิณาเพื่อตามหาเจ้า หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว”
“ศิษย์พี่ใหญ่….” เฉินซีไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแยกจากศิษย์พี่ใหญ่ของเขา หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับมาพบกันอีกครั้ง และเขาก็รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางมาที่นี่ เฉินซีนึกไม่ถึงว่าแม้เขาจะกล่าวถึงสถานการณ์ของเจิ้นหลิวชิงโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาก็ตระหนักถึงเรื่องนี้แล้ว
“ไปเถิด” อู๋เซวี่ยฉานยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวกับจักรพรรดินีอวี้เชอว่า “ข้าขอฝากเขาไว้กับเจ้าด้วย”
จักรพรรดินีอวี้เชอพยักหน้ารับ
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...