เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1726

บทที่ 1726 เทศกาลหลินหลางเป่า

………………..

บทที่ 1726 เทศกาลหลินหลางเป่า

พูดให้ถูกก็คือเป็นกลุ่มผู้บ่มเพาะอสูร

ผู้นำกลุ่มคือชายหนุ่มผมสีส้มที่มีดวงตาเหมือนหยก ผิวกายเขาเต็มไปด้วยเส้นสายต่าง ๆ เต็มไปด้วยรอยสักและอักขระลึกลับ

ข้างกายยังมีปีศาจบุปผายืนอยู่ กิ่งก้านสาขาของมันแผ่ขยาย ออกดอกผลิบานสะพรั่ง ดูงดงามตายิ่ง

นอกจากสองคนนั้นแล้ว ยังมีชายสวมเกราะอีกคนที่มีหัวเป็นวัวสองเขา และคนแคระที่สูงเพียงสองฉื่อ มีผมสีขาวและหูแหลมอยู่ด้วย

เป็นกลุ่มผู้บ่มเพาะอสูรที่แปลกตายิ่ง เฉินซีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามาจากเผ่าพันธุ์ไหน แต่ดูจากกลิ่นอายแล้ว นอกจากชายผมส้มที่เป็นผู้นำ ซึ่งมีพลังอยู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว คนอื่น ๆ นั้นอยู่ ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณกันทั้งสิ้น

พวกเขาเห็นเฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอแล้ว พอมาถึงชายผมสีส้มก็กล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้ากำลังจะเดินหน้าไปดาวผู่ถัวเพื่อเข้าร่วมเทศกาลหลินหลางเป่าที่จะจัดขึ้นทุกสามพันปีงั้นหรือ?”

เทศกาลหลินหลางเป่า? เฉินซีชะงักไป จากนั้นส่ายหน้ากล่าวว่า “ขออภัยด้วย เราไม่ได้จะไปเข้าร่วมเทศกาลหลินหลางเป่าหรอก”

“เห พวกเจ้าสองคนไม่ได้มาเทศกาลหลินหลางเป่าหรือ?” ปีศาจบุปผาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อ่อนหวาน และมีเสน่ห์

“ช่างเถอะ เราก็ไปกันเองนี่แหละ พอไปถึงแล้วเดี๋ยวก็หาทางเข้าเทศกาลหลินหลางเป่าเจอเอง” ชายหนุ่มผมสีส้มถอนหายใจ จากนั้นโบกมือลาเฉินซีแล้วเดินไปอีกทาง

ไม่ทันไรกลุ่มพวกเขาก็เดินหายลับไป

“น่าสนใจนะ ยอดฝีมือหนุ่มจากเผ่ากิเลนเพลิงเป็นคนนำกลุ่มผู้บ่มเพาะอสูรอีกสามคนจากเผ่าบุปผาเริงระบำ เผ่ากระทิงวิญญาณคลั่ง และเผ่าคนแคระศึกปฐพี พวกเขาเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมเทศกาลหลินหลางเป่านี่เอง” จักรพรรดินีอวี้เชอพูดขึ้นด้านข้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เฉินซีถึงเพิ่งได้รู้เผ่าพันธุ์ของพวกเขา รู้สึกตกใจขึ้นมาบ้าง เพราะแต่ละเผ่าพันธุ์ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์โบราณและหาได้ยากยิ่ง

แสดงให้เห็นว่าเอกภพสมุทรทักษิณาสมกับที่เป็นสวรรค์ของทุกข์เผ่าพันธุ์จริง ๆ

เฉินซีถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ เทศกาลหลินหลางเป่าคืออะไรเหรอ?”

“อธิบายยาก เอาเป็นว่ามันเป็นงานแลกเปลี่ยนของที่ยิ่งใหญ่มาก จัดขึ้นทุก ๆ สามพันปี ถึงตอนนั้นผู้บ่มเพาะทั่วทั้งเอกภพสมุทรทักษิณาก็จะเดินทางมาถึงที่นี่” จักรพรรดินีอวี้เชอเอ่ยเชื่องช้า “จนถึงตอนนี้ เทศกาลหลินหลางเป่าก็จัดงานขึ้นกว่าร้อยครั้งแล้ว หากเป็นเรื่องความเก่าแก่เรียกได้ว่ามีมาแต่โบราณเลยดีกว่า”

นางหยุดไปเล็กน้อยก่อนว่าต่อ “พูดง่าย ๆ คือ วัตถุเทวะ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ ของใช้บ่มเพาะพลังแปลกประหลาดพิสดารทั้งหลายในแดนเทพโบราณล้วนมีอยู่ในเทศกาลหลินหลางเป่า มันจึงดึงดูดคนเข้ามาได้มากทีเดียว”

เฉินซีถึงได้เข้าใจ เทศกาลหลินหลางเป่าก็เป็นเหมือนสถานที่ให้ได้แลกเปลี่ยนสมบัติสินค้ากัน เพื่อให้ ‘แลกเปลี่ยนในสิ่งที่ต้องการ’ กันได้

“หากเจ้าสนใจ เราไปดูกันก็ได้ สมบัติล้ำค่าหายากมากมายปรากฏขึ้นทุกครั้งที่จัดเทศกาลหลินหลางเป่าขึ้นนั่นแหละ อีกทั้งยังไม่ใช่เพียงผู้บ่มเพาะพลังในเอกภพสมุทรทักษิณาเท่านั้นที่มา แต่จากเอกภพอื่นก็มีมาเหมือนกัน” จักรพรรดินีอวี้เชอยิ้มบาง “จำได้ว่าครั้งนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งได้สมบัติวิญญาณธรรมชาติโดยใช้เพียงหนึ่งร้อยผลึกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เป็นเรื่องตื่นตะลึงไปทั่วทั้งเอกภพสมุทรทักษิณาเลยทีเดียว”

เฉินซีเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นับว่าพบโชคด้วยความบังเอิญจริง”

จักรพรรดินีอวี้เชอกล่าว “เรื่องเช่นนี้พบได้บ่อยในเทศกาลหลินหลางเป่าทีเดียว”

เฉินซีเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หากกลับจากอารามไท่ชูแล้วยังเหลือเวลา ค่อยไปดูเทศกาลหลินหลางเป่าก็ได้”

ทั้งสองจึงไม่รั้งอยู่อีก เคลื่อนมิติเดินทางไปยังดาวผู่ถัวที่อยู่ห่างไกลออกไปทันที

ดาวผู่ถัวเป็นดาวดวงสีน้ำเงินเหมือนน้ำในมหาสมุทร

มันไม่เหมือนดาวดวงอื่น และมีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทอดตัวยาวไปในจักรวาลเหมือนตะวันสีน้ำเงิน ทำให้ดาวดวงอื่น ๆ หม่นแสงไปตามกัน

ที่แปลกที่สุดคือมีดินแดนมากมายลอยละล่องอยู่รอบดาวผู่ถัว แต่ละดินแดนนับได้ว่ากว้างขวางยิ่ง เต็มไปด้วยหุบเขาแม่น้ำมากมาย อีกทั้งยังมีเรือนพักอาศัย และมีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่บนนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอก็มุ่งหน้ามาถึงดินแดนแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะเรียกว่าดินแดน แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าแดนภวังค์ทมิฬเสียอีก

มีเมืองตั้งอยู่บนนั้นจำนวนมาก เต็มไปด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขาและแม่น้ำงดงามมากมาย เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์

พวกเขาไม่รอช้ามุ่งหน้าเดินทางต่อ หลังจากใช้เวลาเกือบเค่อหนึ่ง ก็มาถึงเบื้องหน้ามหาสมุทรสุดกว้างใหญ่

ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจัด น้ำทะเลสีเขียวอมน้ำเงินกว้างใหญ่ไพศาล นกทะเลพากันเหินบินสะบัดปีกอยู่เหนือเกาะที่เห็นอยู่ไกล ๆ ทรายบนชายหาดส่องแสงเป็นสีทองตระการตา

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจากในห้วงท้องทะเลกำลังแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าบนฝั่ง ดูคึกคักครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง

“ที่นี่เรียกว่ามหาสมุทรดาราหล่น ภูเขาลั่วเจียตั้งอยู่ที่สุดปลายขอบมหาสมุทรแห่งนี้ ดูจากความเร็วของเราแล้ว น่าจะไปถึงได้ภายในสี่ชั่วยาม” จักรพรรดินีอวี้เชอชี้ไปทางพูด

เฉินซีพยักหน้า “เช่นนั้นก็ออกเดินทางเถอะ”

“ถึงในชีวิตนี้ข้าจะประสบความสำเร็จไม่มาก แต่ก็ได้เห็นยอดฝีมือมามาก ข้ามั่นใจเลยว่าผู้อาวุโสสองคนนั้นไม่ธรรมดา” ชายชราสูดลมหายใจเข้าแล้วเอ่ยขึ้นเสียงฟ้า

ถึงจะเป็นพริบตาเดียว แต่กลิ่นอายดุดันที่เฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอเผยออกมาโดยไม่ตั้งใจก็ทำให้เขาถึงกับหายใจไม่ออก แทบเข่าทรุดลงกับพื้นเลยด้วยซ้ำ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าสองคนนั้นไม่ใช่ธรรมดา!

วิ้ง~ วิ้ง~ วิ้ง~

พวกเฉินซีเดินทางผ่านห้วงอากาศอยู่บนฟ้าเหนือมหาสมุทรดาราหล่น มุ่งหน้าตรงเข้าไปยังใจกลางมหาสมุทร

“อวี้เชอ ท่านรู้จักนิกายศักดิ์สิทธิ์ล้อมวิญญาณด้วยหรือ?” เฉินซีถาม

“รู้จัก นับได้ว่าเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในเอกภพสมุทรทักษิณาได้เลย เมื่อหลายปีก่อนข้าเคยพบผู้อาวุโสระดับสูงนิกายศักดิ์สิทธิ์ล้อมวิญญาณอยู่หลายครั้ง จึงรู้จักสถานที่ตั้งของภูเขาลั่วเจียดี แต่ก็ไม่เคยได้ยินชื่ออารามไท่ชูบนภูเขาลั่วเจียมาก่อน” อวี้เชอเอ่ยเสียงสบาย

ชายหนุ่มร่างผอมที่เงียบมาโดยตลอดเกร็งขึ้นมาเมื่อได้ยิน เขาเหลือบมองจักรพรรดินีอวี้เชอด้วยความไม่อยากเชื่อ เหมือนไม่คิดว่านางจะรู้จักผู้อาวุโสระดับสูงนิกายศักดิ์สิทธิ์ล้อมวิญญาณด้วย สำหรับคนที่มีฐานะต่ำต้อยเช่นเขา มันเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริง ๆ

เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและยิ่งเงียบกว่าเดิม ถึงขั้นที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีเลย แทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

จักรพรรดินีอวี้เชอเอ่ยเสียงเบา “เรามุ่งหน้าไปถามเรื่องนี้กับนิกายศักดิ์สิทธิ์ล้อมวิญญาณกันก่อนเถอะ ในโลกนี้ยังมีนิกายอีกมากที่เร้นกายไม่เผยตน ไม่แน่ว่าอารามไท่ชูอาจซ่อนอยู่บนภูเขาลั่วเจียก็เป็นได้”

เฉินซีพยักหน้า

มหาสมุทรดาราหล่นนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างทางนั้นมีทั้งพลังผันผวน คลื่นสมุทรสาดซัด ทั้งยังมีพายุซัดกระหน่ำ หากผู้บ่มเพาะพลังธรรมดาเดินทางมาที่นี่ก็คงผ่านไปไม่ได้แน่

แต่อันตรายทั้งหลายก็ดูจะทำอะไรเฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอไม่ได้เลย ทั้งสองเดินทางผ่านไปโดยไร้อุปสรรค ส่วนในที่สุดก็มาถึงปลายสุดของมหาสมุทรดาราหล่น

มีแนวเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งที่สูงเสียดฟ้า เรียงรายยาวไปสุดสายตา สูงชันจนทะลวงชั้นเมฆ ทั้งยังปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงออกมาจนย้อมฟ้าเป็นสีม่วงไปด้วย ดูเป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ใจยิ่ง

นั่นคือภูเขาลั่วเจียนั่นเอง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]