เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1731

บทที่ 1731 พบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ

………………..

บทที่ 1731 พบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ

กวางสีขาวนั่นเปล่งประกายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันทั้งงดงามและพิสดาร เยื้องย่างไปตามถนนหินปูนด้วยท่าทางสุขุมและสง่างาม เสียงกีบเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะคล้ายกับเสียงของธรรมชาติ

จักรพรรดินีอวี้เชอกระซิบเสียงแผ่วเบา “นั่นดูเหมือนจะเป็นมฤควิญญาณขาวในตำนาน มันเป็นสัตว์มงคลโดยกำเนิดที่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง และสถานที่ที่มันอาศัยอยู่ล้วนเป็นสรวงสวรรค์ชั้นยอดในฟ้าดิน”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจ

เฉินซีตกใจเช่นกัน มฤควิญญาณขาว! นั่นเป็นสัตว์เทวะโดยกำเนิดที่แทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว!

เฉินซีไม่ลังเลที่จะเป็นผู้นำในการติดตามกวางขาว เนื่องจากมฤควิญญาณขาวตัวนี้มีท่าทางเป็นมิตรและดูเหมือนไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ

ตลอดทาง เฉินซีพยายามพูดคุยกับกวางขาว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะถามอะไร กวางขาวก็ทำเหมือนกับไม่ได้ยิน และนำทางต่อไป

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีต้องขมวดคิ้ว และระงับคำถามในใจเอาไว้ จากนั้นจึงติดตามกวางขาวต่อไป

ป่าอันเงียบสงบแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง ขณะที่เดินผ่าน พวกเขามักจะเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หายากจำนวนมากอยู่รอบ ๆ คาดคะเนคร่าว ๆ พวกมันต้องเติบโตมานานกว่าแสนปี เพราะพลังงานที่พรั่งพรูและเปล่งประกายอยู่รอบ ๆ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว

โดยที่ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าใดแล้ว จู่ ๆ เฉินซีก็สังเกตเห็นแสงสีม่วงจาง ๆ ส่องลงมาจากท้องฟ้าราวกับน้ำตก ปกคลุมป่าอันเงียบสงบ และทำให้แม้แต่อากาศก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ของเต๋าทิ่มแทงใบหน้า

เพียงแค่สูดลมหายใจเบา ๆ ก็ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในแหล่งกำเนิดของมหาเต๋า พลังชีวิตในร่างกายพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ต้องประหลาดใจที่พบว่ามีดาวสีม่วงจำนวนมากกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ห่างจากพื้นดินไม่ถึงลี้ครึ่ง อีกทั้งยังเปล่งประกายระยิบระยับและรัศมีสีม่วงเจิดจ้า

ดวงดาวเหล่านี้มีขนาดเท่ากำปั้น ดูโปร่งแสง และเป็นผลึก บริสุทธิ์เหมือนหยกสีม่วง อย่างไรก็ตาม พวกมันเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานของเต๋าที่บริสุทธิ์และกว้างใหญ่อย่างยิ่ง

“ดวงดาวเหล่านี้ได้รับการขัดเกลาให้กลายเป็นตัวหมากก่อนที่จะหลอมรวมเข้ากับพลังของแก่นเต๋า และกลายเป็นระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์ของที่นี่ ซึ่งจะคอยรักษาความเป็นไปของโลกนี้ มีเพียงการดำรงอยู่ในขอบเขตมหาเทพเต๋าเท่านั้นที่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้” เหล่าไป๋อุทานด้วยความตกใจ

เฉินซีและจักรพรรดินีอวี้เชอตกตะลึงเช่นกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็คงไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ดาวดวงแล้วดวงเล่าได้รับการขัดเกลาให้กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนตัวหมาก และถูกวางเรียงรายอยู่กลางอากาศ เพื่อที่จะแปรสภาพเป็นพลังบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เป็นการสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์เกินกว่าความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

“เจ้าหนู ไยต้องมาที่นี่ด้วย?” เหล่าไป๋อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หรือว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่ามนตราที่รอดมาจนถึงปัจจุบันจะอาศัยอยู่ที่นี่?” เหล่าไป๋กล่าวด้วยความประหลาดใจ

จู่ ๆ เฉินซีก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่ามนตราของยุคก่อนเหรอ? ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้?

“ดูนั่นสิ!” ทันใดนั้น จักรพรรดินีอวี้เชออุทานด้วยความประหลาดใจเล็กน้ออย

เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองโดยสัญชาตญาณ และหรี่ตาลง

ป่าไผ่ม่วงปรากฏขึ้นมาแต่ไกล หมอกม้วนตัวขึ้นมา เหมือนกับสรวงสวรรค์บนท้องฟ้า มีนกกระเรียนสีขาวโบยบิน วานรวิญญาณหยอกล้อกัน นกกระจอกศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงร้องเสนาะหู และสัตว์เทวะอีกมากมาย บังเกิดเป็นฉากอันเงียบสงบ

ในทางกลับกัน มีร่างมากมายอาศัยอยู่ในป่าไผ่ม่วง

มีเทพอสูรที่สวมหนังสัตว์ รูปร่างกำยำแข็งแกร่ง สะพายคันธนูยาวกระดูกสัตว์ไว้บนหลัง โดยควบคุมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์คู่หนึ่งที่ส่องแสงเจิดจ้า ขณะนั่งสมาธิ

มีปี้อ้านตนหนึ่งส่ายศีรษะอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่มันจะแปลงร่างเป็นหญิงชราสวมชุดสีเทาในบัดดล นางถือตำราเต๋าไว้ในมือ พลางเดินไปมาภายในป่าพร้อมกับส่ายศีรษะไม่รู้จบ

ในอีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งถือกระบี่ทองสัมฤทธิ์โบราณขณะที่ยืนอยู่บนก้อนหิน คนผู้นั้นตั้งท่ากระบี่อันเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่เจตจำนงกระบี่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย และดูเหมือนกำลังทำความเข้าใจในเต๋า

บางคนขมวดคิ้วขณะครุ่นคิด บางคนพึมพำกับตัวเอง บางคนเดินไปมา บางคนนิ่งเฉยเหมือนรูปปั้น

ทั้งหมดนี้ดูเงียบสงบ

“นี่… คือที่ไหนกัน?” เฉินซีรู้สึกตกตะลึงในใจ เขายังคิดว่านี่อาจเป็นดินแดนมายา อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกแยะมันอย่างระมัดระวัง เขาก็สังเกตเห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นความจริง

ในขณะนี้ แม้แต่จักรพรรดินีอวี้เชอก็ยังจนคำพูด ทั้งยังรู้สึกสับสนราวกับว่านางก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

“น่าสนใจ น่าสนใจ พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นเพราะพวกเขามีคำถามเกี่ยวกับเต๋าหรือไม่?” เหล่าไป๋ดูเหมือนเห็นบางอย่าง และครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

“คำถามเกี่ยวกับเต๋า?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะกล่าว “เหล่าไป๋ เจ้าสังเกตเห็นอะไรหรือ”

“พูดยาก คงต้องสังเกตอีกสักพัก” เหล่าไป๋ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ทว่าในท้ายที่สุด มันก็ส่ายศีรษะและไม่สามารถยืนยันความคิดของมันได้

เฉินซีขมวดคิ้วและสังเกตเห็นว่า เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ร่างเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในป่าไผ่ม่วงนั้นดูไม่ได้สนใจเลย

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกสับสน “ร่างเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน แล้วเหตุใดถึงมารวมตัวกันที่นี่?”

กล่าวจบมันก็ก้าวเท้าจากไป

“สหายเต๋า โปรดรอสักครู่” เฉินซีรีบเอ่ยรั้ง “ที่นี่คืออารามไท่ชูใช่หรือไม่”

มฤควิญญาณขาวพยักหน้า

จิตวิญญาณของเฉินซีรู้สึกสดชื่นเมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะกังวลว่าตนจะมาผิดที่ และคงจะเลวร้ายอย่างยิ่งหากเขามายังที่สถานที่ที่ไม่รู้จัก

“สหายเต๋า ข้าต้องการที่จะเยี่ยมเยียนนายท่านแห่งอารามไท่ชู โปรดแจ้งการมาเยือนของข้าด้วย” เฉินซีประสานมือกล่าว

“เจ้าก็ต้องรออยู่ที่นี่” มฤควิญญาณขาวกล่าวอีกครั้ง “เห็นสหายเต๋าเหล่านั้นในป่าหรือไม่? พวกเขาล้วนมาเยี่ยมอาจารย์ของข้าทั้งสิ้น บางคนรออยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว และบางคนก็รอมาหลายพันปี”

“มีอะไรหรือ?” จักรพรรดินีอวี้เชอเอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฉินซี

“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มส่ายศีรษะเพราะเขาไม่สามารถยืนยันความรู้สึกนี้ได้เล็กน้อย

แอด!

ไม่นานประตูกระท่อมก็ถูกผลักจากด้านใน จากนั้นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ่มที่สวมชุดกระโปรงสีขาว ก็ยื่นใบหน้างดงามและมีความสุขจากเบื้องหลังบานประตู นางทั้งสง่างามและน่ารัก เปล่งรัศมีแห่งความมีชีวิตชีวาออกมา

หลังจากที่นางเปิดประตู ดวงตาที่เหมือนกับอัญมณีสีดำสนิทก็กวาดไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดลงที่เฉินซี

เฉินซีก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย

“เป็นเจ้าได้อย่างไร?” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน

ในขณะนี้ จักรพรรดินีอวี้เชอและเหล่าไป๋ตกตะลึง “เฉินซีรู้จักหญิงสาวคนนี้ด้วยหรือ?”

ในทางกลับกัน หัวใจของเฉินซีค่อนข้างปั่นป่วน ถ้าจำไม่ผิด หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าย่อมเป็นฮุ่ยฉงไม่ผิดแน่!

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เพิ่งมาถึงแดนโลกาวินาศ เขาถูกไล่ล่าโดยกลุ่มของอี้เทียน นายน้อยสามของตระกูลอี้ โชคดีที่ได้พบกับฮุ่ยฉงและเทพธิดาลึกลับโดยบังเอิญ ทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายนั้นได้

ในเวลานั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยถามเถี่ยคุน ปู่ของเถี่ยอวิ๋นผิง เกี่ยวกับฮุ่ยฉงและต้นกำเนิดของเทพธิดาคนนั้น เพราะเขาตั้งใจที่จะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต

แต่เถี่ยคุนกลับไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว บอกเพียงว่าต้นกำเนิดของเทพธิดานั้นไม่ธรรมดา และนางอาศัยอยู่ในเอกภพสมุทรทักษิณา

แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับฮุ่ยฉงในสถานที่ลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ที่เรียกว่าอารามไท่ชู น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

หรือว่าเทพธิดาลึกลับคนนั้นคือนายท่านแห่งอารามไท่ชู?

“ที่แท้คุณหนูก็รู้จักสหายเต๋านี่เอง เช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนแล้ว” มฤควิญญาณขาวยิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้นมันก็ส่งชิ้นไผ่ม่วงให้ฮุ่ยฉง ก่อนจะจากไป

ในขณะเดียวกัน ฮุ่ยฉงก็หายจากอาการตกใจ หญิงสาวแย้มยิ้มมองเฉินซี ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย “น้องชาย ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะหาโลกใบเล็ก ๆ นี่พบ”

ริมฝีปากของนางแดงระเรื่อ ฟันขาวเรียงสวย ใบหน้าใสกระจ่างและงดงาม ทั้งยังดูค่อนข้างมีชีวิตชีวา

เฉินซีถอนหายใจยาวแรง “ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับแม่นางฮุ่ยฉงที่นี่เช่นกัน”

เหล่าไป๋ตะโกน “นี้มันเรื่องอะไรกัน? ในเมื่อรู้จักกัน แล้วจะมามัวพูดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่ทำไม? นี่เป็นวิธีต้อนรับแขกหรือ!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]