เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1732

บทที่ 1732 เทพธิดา

………………..

บทที่ 1732 เทพธิดา

ฮุ่ยฉงหัวเราะ “นกน้อย เจ้านี่อารมณ์ร้ายไม่เบา มากับข้าสิ” นางหันไป มุ่งหน้าเดินไปยังกระท่อมหนึ่ง

เฉินซีและคนอื่น ๆ ตามนางไปทันที

ภายในกระท่อมมุงจากหลังนั้น ดอกไม้พืชพันธุ์เติบโตกันอยู่อย่างเรียบร้อย กลิ่นหอมลอยตลบอบอวล มีลานหลายแห่งกระจายอยู่ทั่ว และเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวอยู่ระหว่างลานเหล่านั้น

มันก็ไม่ต่างจากกระท่อมมุงจากธรรมดาทั่วไป แต่ให้ความรู้สึกสงบสุขและมีกลิ่นอายโบราณยิ่ง เต็มไปด้วยกระแสโบราณแห่งเต๋า จึงทำให้ดูแตกต่างจากกระท่อมทั่วไป

“ระวังด้วย ทุกอย่างที่นี่ดูไม่ธรรมดา เหมือนมีโลกของมันเองอยู่ เป็นวิชาขั้นสูงที่รวมเอาทิวทัศน์และพื้นที่จำนวนมากเข้ามาอยู่ในเม็ดทรายหรือฝุ่นเพียงเสี้ยวหนึ่ง หากมีใครล่วงล้ำเข้ามาต้องเจอภัยเป็นแน่!” คำเตือนเคร่งขรึมของเหล่าไป๋ดังเข้าหูเฉินซี ทำให้เขาอดรู้สึกตกใจไม่ได้ ไม่กล้าประมาทสถานที่นี้แม้แต่นิด

ผ่านไปไม่นาน ฮุ่ยฉงก็พาพวกเฉินซีเดินเข้าไปในลานหนึ่ง

มันเป็นลานที่เรียบง่ายมาก มีบ่อน้ำอยู่ตรงกลางเพียงบ่อเดียว น้ำในบ่อใสสะอาด เห็นใบบัวลอยอยู่ และมีเต่าขาวฝูงหนึ่งแหวกว่ายอยู่ภายใน มันยืดคอมองพวกเฉินซีด้วยความสงสัยอยู่หลายครั้ง

ฟึบ!

เต่าขาวฝูงนั้นกลัวจนดำลึกลงบ่อไป ไม่โผล่หน้ามาให้พวกเขาเห็นอีก

ฮุ่ยฉงเห็นแล้วก็หัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะเสนาะหูใสกระจ่างน่าฟัง ยิ่งทำให้ดูใสซื่อบริสุทธิ์เข้าไปอีก “ทุกคนนั่งพักก่อนเถอะ”

ทุกคนจึงนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งด้านหน้าลาน จากนั้นลิงสีทองก็เดินเข้ามาพร้อมกับเหล้าชั้นดีและผลไม้หายาก มันวางของไว้ตรงหน้าเฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอแล้วกระโดดหายไป

“วานรตาทอง! โอ้สวรรค์ ลิงนั่นหายากสุด ๆ ทั้งยังมีพลังอิทธิฤทธิ์ด้วย สามารถได้ยินความลึกล้ำแห่งฟ้าดิน ใช้สองตาสังเกตชะตากรรมรอบกายได้” เหล่าไป๋ร้องออกมาพร้อมกับเดาะลิ้นชม

วิหคเฒ่ามีชีวิตอยู่มานาน แต่ตอนนี้เห็นอะไรก็ตกใจไปหมด ภาพเช่นนี้ทำให้เฉินซีพูดไม่ออกอยู่บ้าง

แต่ก็แสดงให้เห็นเลยว่าอารามไท่ชูไม่ธรรมดาเพียงใด ไม่ใช่แค่สามารถสร้างโลกใบหนึ่งขึ้นภายในอารามนี้ได้เท่านั้น แต่อสูรที่เลี้ยงอยู่ภายในนี้ยังนับว่าล้ำค่าหายากยิ่ง

“เอ๋ นกน้อยตัวนี้ของเจ้ารู้มากเหมือนกันนะนี่” ฮุ่ยฉงนั่งลงด้านข้าง ก่อนมองเหล่าไป๋ด้วยความสงสัย

“หมายความว่ายังไงที่เรียกข้าว่านกน้อย? เรียกข้าว่าบรรพชนสิ!” เหล่าไป๋เอ่ยเตือนเสียงเข้ม

พูดแล้ว ก็เหวี่ยงหมัดอย่างแรงให้ดู

เหล่าไป๋ชะงักไป จากนั้นแค่นเสียงเย็นออกมา “ช่างเถอะ บรรพชนบ้านเจ้าสิ ข้าผู้นี้ไม่ใส่ใจเด็กน้อยอย่างเจ้าหรอก”

มันไม่ได้กลัวฮุ่ยฉงแต่อย่างไร เพียงแต่รู้สึกว่าหากเรื่องนี้ดึงความสนใจจากนายท่านแห่งอารามไท่ชูมาได้คงเป็นปัญหา

ฮุ่ยฉงยิ้มพึงพอใจเมื่อเห็นเหล่าไป๋ยอมแพ้ไปในที่สุด จากนั้นก็หันมามองเฉินซี “น้องชาย ครั้งนี้เจ้ามาทำอะไรหรือ?”

เฉินซีไม่คิดปิดบัง บอกเหตุผลที่มาที่นี่ให้นางฟัง

ฮุ่ยฉงฟังจบก็เหมือนหยุดคิดอะไรบางอย่าง “กู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา? ข้าเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก แต่ข้าคิดว่าเทพธิดาต้องรู้แน่”

เฉินซีอดถามขึ้นไม่ได้ “แม่นางฮุ่ยฉง ผู้อาวุโสท่านนั้น… เป็นนายท่านแห่งสถานที่นี้ใช่หรือไม่?”

ฮุ่ยฉงหัวร่อ “ใช่แล้ว จะเป็นใครไปได้อีกเล่า?”

เฉินซีถอนหายใจ “ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้มาเจอเจ้าที่นี่ ข้าย่อมไม่คิดว่าผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นนายท่านของอารามไท่ชู”

ฮุ่ยฉงเอียงคอมองเล็กน้อย “พวกเจ้าทุกคนรอตรงนี้ก่อน ข้าจะไปรายงานท่านเทพธิดา เดี๋ยวจะกลับมา”

พูดแล้วนางก็ลุกขึ้น แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยเตือนเหล่าไป๋ “เจ้าห้ามกินเต่าหยกขาวเขามงคลเด็ดขาด หากท่านเทพธิดารู้เข้า ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะ”

เหล่าไป๋ใบหน้าแข็งค้างไป ก่อนระเบิดเสียงโกรธออกมาว่า “บรรพชนเจ้าสิ ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”

“เจ้าไม่ใช่คน เจ้าเป็นนกต่างหาก” ฮุ่ยฉงหัวเราะ ก่อนหันหลังเดินก้าวยาว ๆ จากไป เงาร่างเปล่งประกายไปด้วยความมีชีวิตชีวา

“เจ้ารู้จักคุณหนูคนนั้นได้อย่างไร?” เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกอยู่ในลานแล้ว จักรพรรดินีอวี้เชอจึงถามขึ้น

เฉินซีอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแดนโลกาวินาศให้ฟัง เล่าจบก็ถอนหายใจออกมา “พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าว่าข้ายังติดค้างพวกเขาอยู่เลย”

“เจ้ามาจากภพเบื้องล่างหรือ?” เหล่าไป๋เหลือบมองเฉินซี นัยน์ตาฉายแววประหลาดออกมา

“มีอะไรหรือ?” เฉินซีถามขึ้น

“ไม่มีอะไร แค่นึกถึงเรื่องในอดีตน่ะ” เหล่าไป๋ส่ายหน้า

เฉินซีมองเหล่าไป๋อยู่นาน เขาคิดว่าวิหคเฒ่ากำลังปิดบังบางอย่าง ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่

เวลาผ่านไปเร็วนัก ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ดวงดาวสีม่วงจำนวนมากส่องแสงสว่างให้ความรู้สึกสงบสุขที่แสนบริสุทธิ์ ส่องแสงเหล่านั้นลงมายังลานแห่งนี้

เฉินซีเองก็ประหลาดใจเช่นกัน “หรือว่าจะมีเหตุอะไรทำให้นางมาช้า?”

ฮุ่ยฉงอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราให้นางฟัง

หลังจากเทพธิดาได้ฟังเรื่องทุกอย่างแล้ว นางก็เงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปนานจังเอ่ยเสียงเรียบ “ตามหลักการแล้ว ในเมื่อเขามีแก่นเทวะไผ่ม่วงและมีคำขอเช่นนั้น หากข้าทำได้ข้าย่อมทำให้”

นางหยุดไปเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “แต่เราเคยช่วยเขารับมือภัยร้ายในแดนโลกาวินาศเมื่อหลายปีก่อนไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉะนั้นเราจึงไม่ติดค้างอะไรกันอีก”

ฮุ่ยฉงเอ่ยน้ำเสียงตกใจ “เทพธิดา ท่านหมายความว่า?”

เทพธิดาเอ่ยขึ้น “เราค่อยพูดเรื่องนั้นกันใหม่ในอนาคต”

เทพธิดามองฮุ่ยฉง “จำเรื่องที่ข้าเคยพูดไว้ในแดนโลกาวินาศเมื่อหลายปีก่อนได้หรือไม่? ชายหนุ่มผู้นั้นมีชะตาเกินหยั่ง เส้นทางสู่เต๋าเต็มไปด้วยความเปลี่ยนผันยิ่งใหญ่ กระทั่งตัวข้ายังไม่อาจรู้ได้หมด หากเจ้าไปสานสัมพันธ์กับเขาเข้า ก็จะส่งผลต่อเส้นทางแห่งเต๋าของเจ้าด้วย บอกไม่ได้เลยว่าจะดีหรือร้าย”

น้ำเสียงนางสงบนิ่ง แต่ก็เผยการตักเตือนเอาไว้

ฮุ่ยฉงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านจะบอกว่าต่อไปข้าจะไม่สามารถไปเจอน้องชายผู้นั้นได้อีกแล้วหรือ?”

เทพธิดาถอนหายใจ “ตอนนี้เลี่ยงเขาไปก่อน เจ้าอยู่ที่นี่อีกสักหลายวันเถอะ ห้ามออกไปยกเว้นได้รับคำอนุญาตจากข้า”

พูดจบ เงาร่างก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ก่อนจะหายไปจากกระท่อมอย่างไร้ร่องรอย

“เทพธิดา!” ฮุ่ยฉงสีหน้าเป็นกังวล นางกำลังจะไล่ตามเทพธิดาไป แต่ก็เห็นว่าประตูปิดสนิท ทั้งยังมีข้อจำกัดฝังไว้อีกต่างหาก ไม่อาจเปิดได้เลย

ทำให้นางรู้สึกยุ่งยากใจไม่ใช่น้อย “เข้าใจยากจริง! ไม่รู้ว่าเทพธิดาคิดอะไรอยู่กันแน่! น่าโมโหจริง ๆ เลย!”

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี เงาร่างสง่างามหนึ่งกำลังยืนอยู่เพียงลำพัง พลางทอดสายตามองออกไปไกล

เฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอกำลังทำสมาธิอยู่ในลานแห่งนั้น ส่วนเหล่าไป๋นอนกรนครอก ๆ อยู่ไม่ไกล

“เขามาตามหาข้าถึงที่นี่ ดูท่าเลี่ยงไปก็ไม่พ้น…. หืม?” เทพธิดาถอนหายใจ แต่จังหวะต่อมาก็ต้องเผยสีหน้าแปลกใจขึ้นมาเมื่อเห็นเหล่าไป๋

นางเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ทำให้เกิดแววลึกล้ำขึ้นในดวงตา ผ่านไปนานจึงได้หันหลังเดินกลับไป

แทบจะในจังหวะเดียวกันนั้น ร่างของเหล่าไป๋พี่กำลังนอนกรนอยู่ข้างบ่อน้ำก็สั่นสะท้าน จากนั้นมันก็ลืมตาแล้วพึมพำด้วยความประหลาดใจ “บ้าเอ๊ย! มีใครแอบมองตอนข้าหลับอยู่งั้นหรือ?”

แต่หลังจากนั้นมันก็สะบัดศีรษะ จากนั้นก็ซบตัวลงแล้วนอนกรนต่อ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]