เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1750

บทที่ 1750 สี่เดือนถัดมา

………………..

บทที่ 1750 สี่เดือนถัดมา

เวลาครึ่งเดือนผ่านไปโดยที่เฉินซีไม่ทันรู้ตัว

นอกจากทำสมาธิอยู่ภายในแล้ว เฉินซีก็ออกจากเคหาไปที่ โถงแลกเปลี่ยน เพียงสองครั้งเท่านั้น

เขาแลกรากบรรพชนระดับห้าและรากบรรพชนระดับหกกับทรายนพจิตแสงสมบัติอายุหกแสนปีและมุกเหมันต์ดาราหยกอายุห้าแสนปีไปตามลำดับ

เฉินซีพึงพอใจมาก หากเรื่องยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนก็คงหาของได้ครบ

แต่นั่นก็ถือว่าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และเฉินซีก็ไม่กล้าหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่ใจหวัง

ตอนเขากลับจากซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ นอกจากรากเต๋าวิภูจักรวรรดิแล้ว เฉินซียังได้รากเต๋าบรรพชนระดับแปดมาสามชิ้น รากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดมาเก้าชิ้น รากบรรพชนระดับหกมาสิบหกชิ้น และรากบรรพชนระดับห้ามายี่สิบเจ็ดชิ้นด้วย

ดังนั้นนอกจากระดับห้าและระดับหก และรากเต๋าบรรพชนระดับแปดที่ได้แลกเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ เขาก็ยังเหลือรากเต๋าบรรพชนอยู่อีกมาก

เฉินซียังไม่จำเป็นต้องใช้รากเต๋าบรรพชนในตอนนี้ แต่มันก็เหมือนเป็นทรัพย์สมบัติที่จะสามารถส่งผลต่อพลังบ่มเพาะในอนาคตได้

หลังจากนั้น เฉินซีก็ยังเก็บตัวอยู่แต่ในเคหา หากไม่จำเป็นก็จะใช้เวลาทั้งหมดฝึกดวงจิตแห่งเต๋า

แต่ ณ โลกภายนอก บรรยากาศในเทศกาลหลินหลางเป่ากำลังร้อนระอุทีเดียว

บรรยากาศภายในเมืองนาวาวิญญาณตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ผู้บ่มเพาะพลังและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจากเผ่าโบราณมากันเต็มทั่วเมือง เทียบกับแต่ก่อนแล้วเห็นใบหน้าผู้คนที่ไม่คุ้นเคยมากกว่าเดิมเสียอีก

ทว่าหัวข้อร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ก็ยังคงเป็นรายการว่าจ้างของเฉินซีอยู่ดี

“ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นมีรากเต๋าบรรพชนอยู่เท่าไหร่กันแน่ ไม่อยากเชื่อเลย”

“จากที่ข้าประเมินไว้ เขาน่าจะมีรากเต๋าบรรพชนระดับห้าและระดับหกอยู่อย่างน้อยอีกสิบสามชิ้น น่าเสียดายที่วัตถุเทวะที่เขาอยากได้หายากเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าก็คงหาไปแลกแล้ว”

“ฝันเฟื่อง! ไม่เห็นหรือไงว่ากระทั่งยอดฝีมือจากกองกำลังทั้งหลายยังแม้แต่จะหาวัตถุเทวะมาแลกคำขอพวกนั้นไม่ได้?”

“ไม่รู้ว่าอีกสักหลายวันนี้จะมีใครโชคดีได้แลกรากเต๋าบรรพชนไปได้บ้าง….”

จึงทำให้ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง!

ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง หลายคนพากันออกตามหาวัตถุเทวะมาแลกตามคำขอทั้งหลายอย่างบ้าคลั่ง

หลายวันก่อน ก็มีคนแลกเอารากเต๋าบรรพชนไปอีกสองชิ้น พอข่าวแพร่ออกไปก็วุ่นวายไปทั่วทั้งเมืองทันที

เช่นนี้แล้ว เทศกาลหลินหลางเป่าที่จัดขึ้นคราวนี้จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสายตาผู้บ่มเพาะเลยทีเดียว

เพราะคำขอว่าจ้างนี้ทำให้ไม่เพียงเกิดเรื่องวุ่นกระจายไปทั่วเมืองนาวาวิญญาณเท่านั้น แต่ยังกระจายออกไปทั่วเอกภพสมุทรทักษิณาและไปถึงเอกภพอื่น ๆ อีกด้วย

ภายในเคหาแห่งหนึ่ง เมืองนาวาวิญญาณ

ภายในมีเงาร่างทั้งหลายอยู่ เป็นบุรุษสี่คน และสตรีคนหนึ่ง แต่ละคนมีกลิ่นอายน่าเกรงขามยิ่ง

หากผู้มีประสบการณ์ได้เข้ามาที่นี่ ก็คงรู้ทันทีว่าทั้งห้าคนนี้คือหัวหน้ากองโจรดาราปักษารัตติกาล!

ตอนนี้พื้นที่ตรงกลางปรากฏเป็นม่านแสงหนึ่งขึ้นมา เห็นเป็นร่างสูงของเฉินซีที่กำลังฉายอยู่บนนั้น!

เขาคือหัวหน้าอันดับสองแห่งกองโจรดาราปักษารัตติกาล นักพรตเต๋าหรานเสวี่ย

“ข้อมูลน่าจะถูกต้อง ข้าสืบข่าวจากโถงแลกเปลี่ยนมาอย่างรอบคอบทีเดียว เด็กนี่เข้าข่ายที่สุดแล้ว” ที่ด้านข้าง บรรพชนโลหิตเขียวเบ้าตาลึกเอ่ยขึ้น “หากพวกเจ้าไม่เชื่อ อย่างน้อยก็ต้องเชื่อจมูกเผ่าโลหิตสามปีศาจของข้าบ้าง ถูกหรือไม่? ถึงเด็กนั่นจะปลอมเป็นหมู แต่อย่างไรกลิ่นเฉพาะตัวก็ไม่เปลี่ยน”

“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น เด็กนี่คงมีทรัพย์สินมหาศาล ทำเอาหลายวันนี้วุ่นวายไปทั่วเทศกาลหลินหลางเป่า หากเราจับตัวเขาได้… คงได้ของดีครั้งใหญ่” สตรีในชุดหลากสีเอ่ยขึ้นจากอีกด้าน นางมีใบหน้างดงาม ดวงตาดอกท้อ กำลังหยอกล้ออยู่กับแมลงตัวยาวสีเลือดที่อยู่ในมือเรียวงาม แต่ความงดงามของนางกลับแฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว

นางคือ ‘กีฏนงคราญ’ หัวหน้าลำดับที่ห้า แห่งกองโจรดาราปักษารัตติกาล และเป็นยอดฝีมือจากเผ่ากีฏทะลวงเกราะ

“ไม่เพียงไม่ธรรมดาเท่านั้น จากที่บรรพชนโลหิตเขียวเล่ามาแล้ว เด็กนี่มีผลึกศักดิ์สิทธิ์กว่าสี่สิบหกล้านชิ้นเพื่อกว้านซื้อวัตถุเทวะทั้งหลายก่อนจะขึ้นคำว่าจ้างนั่นอีก คนธรรมดาทำเช่นนี้ได้หรือ? ถึงจะมาจับกองกำลังใหญ่ก็ยังนับว่าหาได้ยาก” นักพรตเต๋าหรานเสวี่ยพูดยิ้ม ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโลภ “หากเราจับมันได้ คงสบายไปอีกนาน ไม่ต้องเสี่ยงเดินทางร่อนเร่ไปไหนอีก ข้าเบื่อการที่ต้องถูกไล่ล่าไปตลอดแล้ว”

“ฮ่า ๆ ข้าก็ว่าอย่างนั้น” บรรพชนโลหิตเขียวแผดเสียงหัวเราะ

“พี่ใหญ่ ท่านคิดอย่างไร?” กีฏนงคราญมองชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลาง

ได้ยินดังนี้คนอื่นก็เก็บเสียงหัวเราะแล้วมองไปทางเดียวกัน

หากแต่อีแร้งเนตรมารกลับถอนหายใจอยู่ภายใน มองภาพเงาร่างบนม่านแสงแล้วพึมพำเสียงเบา เหตุใดในใจจึงรู้สึกถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย…. หรือว่าชายหนุ่มคนนี้เองก็…?

สุดท้ายก็นึกอะไรไม่ออก จึงสะบัดหัวแล้วเอ่ยเยาะตนเองในใจ สงสัยจะแก่แล้ว คงต้องระวังให้มากกว่านี้แล้วสิ….

หนึ่งเดือนให้หลัง

พลังบ่มเพาะพลังดวงใจของเฉินซีรุดหน้าขึ้นสู่สัจหฤทัยสูตรขั้นที่สองแล้ว รูปร่างหน้าตาของทารกดวงใจก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ภายนอกยังดูเด็กอยู่ แต่ก็เริ่มมีกลิ่นอายน่าเกรงขามขึ้นมาแล้ว

การพัฒนาของพลังดวงใจทำให้พลังบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ขาดเพียงปัจจัยสำคัญเพียงอย่างเดียวก็จะสามารถขึ้นสู่ระดับที่สองได้แล้ว

เช่นนี้ พลังต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกขั้น ไม่ต้องกลัวผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอีก

เดือนที่สอง

เฉินซีใช้รากบรรพชนระดับห้า หกชิ้น และรากบรรพชนระดับหก สี่ชิ้นเพื่อแลกกับวัตถุเทวะสิบอย่างในโถงแลกเปลี่ยน ขาดอีกเพียงสามชิ้นก็จะได้รายการวัตถุเทวะทั้งหมดบนป้ายหยกนั้นแล้ว

เดือนที่สาม

เฉินซีแทบนั่งไม่ติด เพราะเดือนนี้เพิ่งได้วัตถุเทวะมาชิ้นเดียว ยังเหลืออีกสองชิ้น นั่นคือน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศและหนามลายทองคำ

เดือนที่สี่

เฉินซีเชื่อแล้วว่าคงไม่สามารถใช้วิธีนี้ใฝ่หาวัตถุเทวะอีกสองชิ้นได้ ดังนั้นจึงสั่งให้เฉียนอันนำคำขอของเขาออกเสีย

ตอนนี้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายในเมืองนาวาวิญญาณก็พากันถอนหายใจโล่งอกอย่างไร้เหตุผล เพราะตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานี้ คำร้องเหล่านั้นทำให้พวกเขาตกอกตกใจอยู่หลายหน จนจิตใจแทบจะด้านชาไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าในที่สุดมันก็หายไปเสียที ทุกคนจึงรู้ว่าเรื่องวุ่นวายคงใกล้จะจบลงแล้ว

ทว่าในสายตาเฉินซี แม้ใกล้จะทำภารกิจเสร็จสิ้น แต่ก้าวสุดท้ายนับว่าเป็นก้าวที่ตัดสินได้เลยว่าจะสำเร็จจริงหรือไม่

สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าตลาดมืด!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]