เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1762

บทที่ 1762 พานพบศัตรู

………………..

บทที่ 1762 พานพบศัตรู

ป่าไผ่ม่วงอันเงียบสงบกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล

เฉินซีเดินทางตามหลังเป่าน้อยอยู่หนึ่งก้านธูป ก่อนจะมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง

หน้าผาขรุขระตั้งสูงชันอยู่ซ้ายขวาของหุบเขาแห่งนี้ มีเพียงทางเดินเล็กดูคดเคี้ยวที่นำไปสู่เส้นทางลึกลับทอดตัวอยู่ตรงหน้า

เป่าน้อยแวบร่างไป จากนั้นเขาก็นั่งยองบนกำแพงหิน มองรอบข้างอยู่เล็กน้อย ผ่านไปไม่นานก็เอ่ยขึ้นว่า “สหายเต๋า! สหายเต๋า! พวกเขากำลังจะมาถึงนี่แล้ว”

เฉินซีใจสะท้าน ชายหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก เผชิญหน้ากับหุบเขาตรงหน้า อย่างไรเขาก็เป็นผู้ดูแลอารามไท่ชูแล้ว อย่างไรก็ต้องทำหน้าที่ดูแลแขกผู้มาเยือน

วิ้ง!

ไม่นาน กระแสพลังแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้นภายในหุบเขา จากนั้นเงาร่างสีแดงก็ลอยลงมายังเส้นทางเล็ก ๆ นั่น

เฉินซีอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ก็ต้องหรี่ตาลงเมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัดเจน รู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง เหตุใดจึงเป็นนางได้?

ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ แฝงไปด้วยแววแห่งความภาคภูมิ ความเย็นชา และความไร้อารมณ์ ทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมายังให้ความรู้สึกเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง

คนผู้นี้คือยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจากนิกายอำนาจเทวะ เยี่ยเหยียน!

หลายปีก่อนตอนเขาไปแดนเทพโบราณจากแดนโลกาวินาศ สตรีผู้นี้ไล่ล่าเขาไปตลอดทาง ทำให้เจอแต่อันตรายเกือบพลาดพลั้งไปก็หลายครั้ง

สุดท้ายเขาก็ใช้ปรากฏการณ์ฟ้าดินที่เกิดขึ้นยามเขาทะลวงสู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเอาชนะนางไปได้ บีบให้คนต้องถอยกลับไปอย่างไร้ทางเลือก

ตอนนั้นเฉินซีรู้สึกเสียดายที่ไม่อาจจัดการนางให้สิ้นซากได้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่านางจะใช้เส้นทางลับเพื่อมาถึงสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูได้เช่นนี้!

หรือก็คือเป็นการเจอกันอีกครั้งที่ทั้งสองฝ่ายมองกันด้วยความเกลียดชัง เฉินซีเองก็เช่นกัน สีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันใด

“หืม? เป็นเจ้าได้อย่างไรกัน?” เยี่ยเหยียนเองก็เห็นเฉินซีเช่นกัน นัยน์ตากระจ่างหรี่ลง ดูประหลาดใจอยู่ไม่ใช่น้อย

“เยี่ยเหยียน ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” เฉินซีว่าเสียงเย็น

“ไม่ได้พบกันนานจริง” เมื่อหายตกใจแล้ว เยี่ยเหยียนจึงกลับคืนสู่ความสุขุมที่เคยมี

แต่พอเห็นว่ากลิ่นอายรอบกายเฉินซีนั้นอยู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว ใจนางก็สั่นคล้ายกับมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำอยู่ภายในนั้น

เด็กคนนี้เพิ่งเข้าแดนเทพโบราณมาไม่ถึงสิบปี แต่กลับก้าวหน้าถึงเพียงนี้!

เป็นเรื่องเหลือเชื่อเสียจริง

อย่างไรนางก็จำได้ดีว่าเฉินซีอยู่แค่ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาเมื่อครั้งที่นางไล่ล่าติดตามเขา ไม่นานก็ขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ

ทว่าตอนนี้ได้พบหน้าอีกครั้ง เขากลับอยู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเสียแล้ว…. จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไรกัน?

บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิททันใด

เฉินซีกำลังคาดเดาความสัมพันธ์ของเยี่ยเหยียนกับท่านเทพธิดา คาดเดาว่านางรู้เส้นทางลับที่พามาถึงที่นี่ได้อย่างไร

หากแต่เยี่ยเหยียนเองก็กำลังใคร่ครวญอยู่ว่าเหตุใดคนตรงหน้าซึ่งเป็นคนของเขาเทพพยากรณ์ถึงมาอยู่ที่อารามไท่ชูได้

เห็นได้ชัดว่าคนทั้งคู่มีเรื่องให้ต้องขบคิด ด้วยเห็นแก่อารามไท่ชูจึงยังไม่ลงมืออะไรทันที

ไม่เช่นนั้นทั้งเฉินซีทั้งเยี่ยเหยียนคงได้ทิ้งทุกอย่างแล้วกระโดดเข้าบีบคอกันแล้ว

“สรุปแล้วสหายเต๋ารู้จักแม่นางท่านนี้หรือ ดีเลย” เป่าน้อยที่นั่งอยู่บนหินด้านข้างหัวเราะขึ้นทำลายความเงียบ วานรตาทองไม่รู้เลยว่าระหว่างเฉินซีกับเยี่ยเหยียนมีบรรยากาศบางแปลกประหลาดอย่างอยู่

“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เยี่ยเหยียนถามกลับ หว่างคิ้วระบายไปด้วยความเย็นชา

“หากเจ้าไม่อธิบายมา ก็อย่าโทษที่ข้าไล่เจ้าออกไปจากที่นี่” เฉินซีเผยแววตาเย็นยะเยือกกลับไป

เยี่ยเหยียนเห็นแล้วก็นึกโกรธ แต่ยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าหลีกทางไปดีกว่า อย่ามาขวางทางข้า ไม่เช่นนั้น…. เจ้าอาจทนรับผลไม่ไหว!”

“หากไม่ถอยเล่า?” เฉินซีหรี่ตาลง หลังจากมั่นใจแล้วว่านางยังไม่ถึงขอบเขตมหาราชเทวา จิตสังหารในใจก็เริ่มยับยั้งไว้ไม่อยู่อีก

บรรยากาศเผชิญหน้าปรากฏขึ้นทันใด คล้ายกับว่าการต่อสู้อาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ ฟ้าดินทุกแห่งหนเงียบสนิท

“พวกเจ้า….” ตอนนี้เป่าน้อยถึงได้รู้สึกผิดปกติ อดทำหน้าตาตื่นตกใจไม่ได้

ฟ่าว!

เขาบินไปไกลแล้วร้องออกมาว่า “สหายเต๋าใจเย็น ๆ แล้วคุยกันก่อนเถอะ ที่นี่คืออารามไท่ชู หากนายท่านรู้เข้าต้องลงโทษพวกเจ้าทั้งสองคนแน่”

“เป่าน้อย เจ้าอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย นายท่านของเจ้าขอให้ข้าปกป้องอารามไท่ชู ข้าย่อมไม่ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เดินทางเข้ามาที่นี่อยู่แล้ว” เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ พูดจบสายตาก็มองไปทางเยี่ยเหยียน ไม่ปกปิดจิตสังหารอีกต่อไป

“อ้อ” เป่าน้อยถึงได้ยอมเชื่อฟัง คลี่ยิ้มเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าก็จะไม่ยุ่งแล้วกัน พวกเจ้าต่อเลย”

จึงทำให้เยี่ยเหยียนชะงัก โกรธจนร่างสั่นเทิ้มไปหมด ไอ้บัดซบผู้นี้ดื้อรั้นจริง! “ไอ้บัดซบจ้อยร่อยนี่ คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือไง?” นางพลันสะบัดแขนเสื้อ ปรากฏแส้ขาวราวหิมะสะบัดผ่านฟ้า เกิดเป็นปรากฏการณ์มากมายทำลายห้วงอากาศ ลั่นครืนตรงเข้าใส่

ตู้ม!

ปราณกระบี่ปะทะเข้ากับแส้ เกิดเป็นวงแสงระเบิดออกมาพร้อมกับแรงพลังน่าเกรงขาม

แต่ที่แปลกคือพลังที่ดีดออกมาหลังจากการปะทะไม่ได้ดีดออกรอบข้าง แต่ดวงดาวสีม่วงบนฟากฟ้ากลับส่องประกายแล้วปลดปล่อยกระแสศักดิ์สิทธิ์สีม่วงออกมาทำลายแรงพลังเหล่านั้นจนไม่เหลือซาก

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

กระนั้นเยี่ยเหยียนก็ยังถูกพลังจนต้องถอยกลับไปหลายก้าว ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง เหมือนไม่คิดว่าพลังต่อสู้ของเฉินซีในตอนนี้จะกล้าแข็งเพียงนี้

ฟ่าว!

แต่ยังไม่ทันได้หายตกตะลึง เฉินซีก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยกระแสปราณกระบี่สว่างจ้า อำนาจสูงส่งดุดันเหนือใคร

พริบตาต่อมาคนทั้งคู่ก็เข้าต่อสู้กันพัลวัน

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเหยียนเทียบฝีมือเฉินซีไม่ได้เลย ใช้เวลาไม่นานนางก็ตกเป็นรองแล้ว ตกอยู่ในสภาพดูแทบไม่ได้ ได้แค่ต้านทานการโจมตีแต่ไม่อาจโต้กลับได้เลย

จึงทำให้ในใจนางยิ่งโกรธ ตกตะลึง และตกใจยิ่ง ไม่คิดเลยว่าเทียบกับเขาเมื่อหลายปีก่อน เฉินซีในตอนนี้กลับมีความสามารถสะท้านฟ้าได้ขนาดนี้

อย่างไรนางก็ขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมามากกว่าพันปีแล้ว ย่อมมีความสามารถในการขึ้นเป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นราชา ทั้งยังก้าวแตะขึ้นจุดสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสมบูรณ์แล้วด้วย!

ใครจะคิดว่านางกลับไม่อาจรับมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นได้?

ตู้ม!

ไม่นาน เยี่ยเหยียนก็ถูกดีดกระเด็นจนร่างกระแทกพื้น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ชุดแดงขาดหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะบางส่วน ต้องตกอยู่ในสภาพน่าอายเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้า….” เยี่ยเหยียนแทบคลั่ง กำลังพยายามรวบรวมพลังเพื่อลุกขึ้นยืน แต่กระบี่หนึ่งก็ถูกชี้มาที่ลำคอ ห่างออกไปเพียงนิด จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกจากปลายกระบี่ทำเอาขนอ่อนทั่วร่างลุกชัน ใจรู้สึกเย็นยะเยือก ไม่กล้าขยับส่วนใดในร่างกายอีก

ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองเท่านั้น เฉินซีกำลังถือกระบี่ก้มลงมอง นัยนตาสีดำคล้ายหุบเหวลึกเต็มไปด้วยจิตสังหารเยือกเย็น

เหมือนกับกำลังมองมดตัวหนึ่งที่จะบี้เมื่อไหร่ก็ได้

จึงทำให้ร่างเยี่ยเหยียนสั่นสะท้าน แต่ก็ให้รู้สึกอับอายในความขี้ขลาดของตนเองทันที “โจมตีมาเลยสิ? เกลียดข้านักไม่ใช่หรือ? หากกล้าก็ฆ่าข้าเลย!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]