เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1763

บทที่ 1763 ความลับ

………………..

บทที่ 1763 ความลับ

ยามนี้เยี่ยเหยียนยิ่งเดือดดาลจนเสียการควบคุม

นางไม่คาดคิดว่าสหายตัวน้อยผู้ถูกตนบดขยี้เมื่อหลายปีก่อนจะเติบโตถึงขนาดนี้

เพียงแค่อาศัยการบ่มเพาะของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นก็สามารถกำราบนางได้ในคราวเดียว โดยที่นางไม่อาจขัดขืนตั้งแต่ต้นจนจบ

ความต่างชั้นมหาศาลนี้เกินกว่าที่เยี่ยเหยียนจะรับได้ชั่วขณะ

โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่เห็นเฉินซีกำลังมองมาด้วยสายตาของผู้กำชัย เยี่ยเหยียนยิ่งเดือดดาลและอับอายจนแทบล้มทั้งยืน

“ฆ่าข้าถ้าเจ้ากล้าพอ! เอาสิ!”

เยี่ยเหยียนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

ทว่าเฉินซีดึงกระบี่เปลื้องมลทินออกก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบย่างเข้าสู่อารามไท่ชูเป็นเวลาสามปี หาไม่แล้วก็อย่าโทษข้าที่ทำการจองจำเจ้า”

“ถ้าไม่ใช่เพราะห่วงว่าเลือดของเจ้าจะแปดเปื้อนดินแดนบริสุทธิ์ในโลกใบนี้ คิดหรือว่าวันนี้จะรอดชีวิตกลับไปได้? แค่เชื่อฟังแต่โดยดีแล้วอย่ามารบกวน หากข้าหมดความอดทนจนพลั้งมือฆ่าขึ้นมา มันคงสายเกินกว่าที่เจ้าจะมานั่งเสียใจ”

น้ำเสียงราบเรียบของเฉินซีลอยมาจากป่าไผ่ม่วงอันไกลลิบ มันทั้งสงบและปราศจากอารมณ์

เยี่ยเหยียนกัดฟันพลางสบถอยู่สักพัก นางทั้งรู้สึกโกรธและหงุดหงิดอย่างสุดแสน

เป็นไปได้อย่างไร?

หมอนี่เติบโตไวขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

หรือว่าข่าวลือจะเป็นความจริง แม้แต่บุคคลยิ่งใหญ่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างกงเหย่หนานลี่และตี้อวิ๋นชิวก็ยังพ่ายแพ้ให้กับคนผู้นี้?

แต่ในตอนนั้น… เขามีการบ่มเพาะอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ!

เยี่ยเหยียนนึกถึงข่าวลือก่อนหน้านี้โดยไม่ตั้งใจขณะยืนนิ่งอยู่นาน

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ นางก็พึมพำ “ดูท่าว่าตอนที่หมอนี่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เขาคงดูดซับรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าเพื่อให้ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่นี่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นพลังต่อสู้ของเขาไม่มีทางผิดปกติขนาดนี้ได้…”

ในยามนี้ ร่างสีทองปราดเปรียวปรากฏบนป่าไผ่ม่วงซึ่งอยู่ไกลลิบ มันคือวานรตาทอง เป่าน้อย

มันมองเยี่ยเหยียนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเยาะนางผู้อยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น ผิวขาวราวหิมะในร่มผ้าต้องสายลม เผยให้เห็นความงามที่มิอาจปิดบัง ทำให้นางยิ่งเขินอาย

“เจ้าหัวลิง เหตุใดถึงหัวเราะเยาะเช่นนี้ หากยังกล้าหัวเราะอีก ข้าจะขุดสมองลิงของเจ้าออกมาให้ดู!”

เยี่ยเหยียนกัดฟันขณะชำเลืองมองเป่าน้อยอย่างมุ่งร้าย จากนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาก่อนจะปกคลุมไปทั่วร่าง

พริบตาต่อมา นางก็เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่เอี่ยม

ใครจะคาดคิดว่ายามนี้เป่าน้อยจะมีสีหน้าหมองหม่น มันมองตรงมาทางเยี่ยเหยียนด้วยท่าทางที่ค่อนข้าง… น่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยเหยียนตกตะลึงขณะมองเสื้อผ้ารอบตัว ส่วนที่ไม่ควรเปิดเผยก็ถูกปกปิดมิดชิด นางจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าลิงตัวนี้ประสาทกลับหรืออย่างไร?

เดี๋ยวนะ!

ลิงตัวนี้เหมือนจะเป็น… วานรตาทอง?

เป่าน้อยพยักหน้าพลางกลืนน้ำลาย สีหน้าของมันยิ่งดูซื่อตรง

เห็นได้ชัดว่ามันบังเอิญใช้ดวงตาเพื่อจับจ้องฉากอันงดงามของเยี่ยเหยียนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าผ่านแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปิดร่างกาย

แต่เมื่อเยี่ยเหยียนเห็นสายตาเช่นนั้น นางยิ่งเดือดดาลขณะกรีดร้องออกมา “เจ้าลิงตัวเหม็นหน้าไม่อาย กล้ามาแอบดูข้าเปลี่ยนชุดได้อย่างไร!”

ขณะเอ่ยคำ นางก็ฟาดแส้ไปทางเป่าน้อย

“ผู้หญิงอย่างเจ้านั่นแหละหน้าไม่อาย เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าข้า ยังกล้ามาโทษข้า เป่าน้อย ได้อย่างไร?”

เป่าน้อยหัวเราะแปลกประหลาดขณะปีนกิ่งไผ่ มันออกแรงเหวี่ยงสองสามครั้งก่อนจะหลบหนีลึกเข้าไปในป่าไผ่ม่วง

การโจมตีขั้นสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างเยี่ยเหยียน ไม่สามารถทำอะไรวานรตาทองตัวนี้ได้

“ข้า ข้า ข้า… ข้าจะฆ่าลิงตัวเหม็น!”

เยี่ยเหยียนระเบิดโทสะก่อนจะกระทืบเท้าอย่างเกรี้ยวกราด แล้วร่างของนางก็ตัดผ่านมิติและเวลาเพื่อไล่ตามวานรตาทองไป

เพราะเฉินซีผู้อยู่ไม่ไกลกำลังมองนางด้วยสายตาเย็นชาราวกับกำลังมองนักโทษผู้หนึ่ง

ความเดือดดาลทำให้แก้มของเยี่ยเหยียนแดงก่ำอีกครั้ง นางโกรธจนฟันขาวที่บดเข้าหากันแทบแหลกละเอียด

แต่ท้ายที่สุด นางก็สูดหายใจก่อนจะหาก้อนหินเหมาะ ๆ เพื่อนั่งขัดสมาธิ ในตำแหน่งที่นางเลือกสามารถมองเห็นอารามไท่ชูซึ่งซ่อนอยู่ในป่าไผ่อันไกลลิบได้อย่างชัดเจน

หลายครั้งเยี่ยเหยียนเกือบลุกขึ้นแล้วพุ่งไปที่อารามไท่ชู แต่เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของเฉินซีอยู่ไกลออกไป นางก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้

เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินในสภาพแน่นิ่ง ดวงตาปิดสนิทราวกับไม่รู้สึกตัว

ยามนี้เยี่ยเหยียนคล้ายกับสงบยิ่ง นางไม่เกรี้ยวกราดเพราะ ‘ถูกเมิน’ อีกต่อไป แต่กลับเอ่ยคำต่อเสียงราบเรียบ “แต่เจ้าทราบหรือไม่ว่ากงเหย่เจ๋อฟูยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์ วิญญาณของเขายังอยู่”

ตอนนี้เองที่เฉินซีก็ลืมตาชำเลืองมองเยี่ยเหยียน “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

ในใจของเขาตกตะลึงเล็กน้อย เพราะมีเพียงตนเท่านั้นที่รู้ว่าตอนจัดการกับกงเหย่เจ๋อฟู เขาไม่ได้ฆ่าอีกฝ่าย แต่เลือกที่จะดึงวิญญาณออกมาแล้วสะกดเอาไว้

“เจ้าผิดหวังหรือ?”

เยี่ยเหยียนคลี่ยิ้มขณะเอ่ยคำอย่างเกียจคร้าน “ตอนนี้ทุกคนของตระกูลกงเหย่ในเอกภพจักรวรรดิต่างเชื่อว่าวิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูถูกผู้หญิงที่ชื่อเจิ้นหลิวชิงจับไป เหตุผลก็เพราะอาจารย์ของนางถูกจองจำอยู่ในตระกูลของเขา หากต้องการช่วยออกมา นางก็ต้องทำการแลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันหลังจากทราบเช่นนี้ แต่เขากลับจงใจถามต่อ “เหตุใดเจ้าถึงสงสัยว่าเป็นเจิ้นหลิวชิง?”

เมื่อเห็นเฉินซีสนใจ เยี่ยเหยียนยิ่งดูผ่อนคลายขณะเอ่ยคำอย่างเนิบช้า “ง่ายมาก เพราะผู้หญิงคนนี้โดนพิษของกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา ซึ่งตระกูลกงเหย่ยืนยันว่านางไม่ได้ตายในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ผู้หญิงคนนั้นจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการช่วงชิงดวงวิญญาณกงเหย่เจ๋อฟูมากที่สุด”

เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ นางคล้ายกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะเอ่ยคำ “อ๋อใช่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันแรงกล้ากับผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันนี่?”

คำพูดของนางเต็มไปด้วยร่องรอยการเย้ยหยัน

เฉินซีคล้ายกับไม่ได้ยิน ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ในตอนนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ากงเหย่เจ๋อฟู”

เยี่ยเหยียนตกตะลึงชั่วขณะราวกับไม่เชื่อ นางจึงเอ่ยคำด้วยความประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้น วิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูถูกเจ้าเอาไปงั้นหรือ?”

เฉินซีไม่ปฏิเสธ

เยี่ยเหยียนตกตะลึง อารมณ์ของนางผันผวนไปมา หลังจากผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยคำ “เช่นนั้นเจ้าทราบเป้าหมายที่ข้ามาอารามไท่ชูในครั้งนี้หรือไม่?”

เฉินซีชำเลืองมองอย่างเย็นชา “เจ้าได้รับมอบหมายจากตระกูลกงเหย่หรือ?”

เยี่ยเหยียนเอ่ยคำอย่างสงบ “เจ้าจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้ เพราะในการคาดเดาของข้าตอนแรก เจิ้นหลิวชิงโดนพิษของกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา หากไม่มีเคล็ดวิชาลับพิเศษของตระกูลกงเหย่ ย่อมไม่มีทางที่จะคลายมันได้ แต่ถ้านางมาอารามไท่ชูก็จะสามารถรักษาชีวิตได้ แต่ความหวังมันช่างน้อยนิดนัก ถึงอย่างไรนายท่านแห่งอารามก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาจะให้การช่วยเหลือคนแปลกหน้าเช่นนางได้อย่างไร?”

เฉินซีเอ่ยคำ “เช่นนั้นเหตุใดเจ้ายังมาที่นี่?”

เยี่ยเหยียนเอ่ยคำอย่างเกียจคร้าน “ถึงแม้ความหวังจะน้อยนิด แต่ถึงอย่างไรก็นับว่ามีความหวัง ใจหนึ่ง ข้ามาก็เพราะไม่อยากหักหน้าพวกเขา แต่อีกใจหนึ่ง ข้ามาก็เพราะมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็คลี่ยิ้มลึกลับแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก

ตอนนี้เฉินซีคลี่ยิ้มเช่นกัน “เช่นนั้นเจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]