เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1764

บทที่ 1764 เมฆลงทัณฑ์ปรากฏอีกครั้ง

………………..

บทที่ 1764 เมฆลงทัณฑ์ปรากฏอีกครั้ง

นั่นสิ เจ้านี่มาทำอะไรที่นี่? เยี่ยเหยียนตะลึง ไม่ใช่เพราะไม่เคยคิดมาก่อน แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ อันสร้างความอับอายและโทสะเกิดเรียงกันโดยที่นางไม่อาจตั้งตัว ทำให้นางเกือบมองข้ามคำถามสำคัญที่สุด ซึ่งก็คือคำถามนี้ไป

เยี่ยเหยียนโพล่งออกไป “เพราะเหตุใด?”

แล้วนางก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เหตุใดข้าจึงเสียกิริยา ปล่อยเจ้านี่จูงจมูกเช่นนี้?

ใช่แล้ว ในจิตใต้สำนึกของเยี่ยเหยียน นางประชันกับเฉินซีทุกเรื่องแม้จะเป็นเพียงการสนทนา ปรารถนาจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า น่าเสียดายที่จนบัดนี้ นางก็ยังไม่อาจบรรลุความต้องการนั้นได้

“เพราะข้าเป็นคนพาหลิวชิงมา และนายท่านแห่งอารามก็ตกลงช่วยหลิวชิงสะกดอำนาจกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา” เฉินซีตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวนางค้นพบเรื่องนี้เลยสักนิด

“อะไรนะ!?” เยี่ยเหยียนเสียกิริยาอย่างสมบูรณ์ ร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “เป็นไปได้อย่างไร!? แม้เจ้าจะเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ นายท่านแห่งอารามคงไม่น่าฝืนกฎสวรรค์หลอมยาเม็ดแห่งโชคชะตาและวิชชาเพื่อเจ้าหรอก!”

นางดูกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย เจียนไม่อาจควบคุมตนเองได้

เฉินซีไม่อธิบายมากไปกว่านั้น เขาพูดสิ่งที่พูดได้ไปหมดแล้ว และต่อจากนี้ก็ถึงเวลาเจรจา

“ยามนี้เจ้าน่าจะตระหนักแล้วว่าวิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูอยู่กับข้า ในเมื่อตระกูลกงเหย่ขอให้เจ้ามา เช่นนั้นก็โปรดกลับไปบอกพวกเขาว่า การจะรับวิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูกลับนั้นง่ายมาก ปล่อยนักพรตเต๋าเซวี่ยไปและส่งความลับของกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรามา” เฉินซีจ้องตรงไปที่เยี่ยเหยียน “มิเช่นนั้น พวกเขาน่าจะไม่มีวันได้พบกงเหย่เจ๋อฟูอีก”

สีหน้าของเยี่ยเหยียนแปรเปลี่ยนไม่แน่ชัด นางสูดหายใจลึก เพื่อสงบสติตนลง ก่อนจะแค่นยิ้มเย็น “เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้า?”

เฉินซีว่า “เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ เมื่อนายท่านแห่งอารามผนึกกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราในตัวหลิวชิงเสร็จสิ้น ข้าย่อมเดินทางไปที่ตระกูลกงเหย่เอง แต่ถึงยามนั้น… เกรงว่าแค่ส่งตัวนักพรตเต๋าเซวี่ยมาก็แก้ปัญหานี้มิได้แล้ว”

เยี่ยเหยียนยังคงยิ้มเย็น “แค่เจ้าหรือ?”

เพียงสามคำ ทว่าเต็มไปด้วยคำเย้ยเยาะ นางเหมือนรู้สึกว่าการที่เฉินซีลำพังจะรับมือตระกูลกงเหย่ทั้งตระกูลนั้นไม่ต่างกับมดตัวหนึ่งคิดเขย่าต้นไม้ น่าขันไร้ปัญญาสิ้นดี

สีหน้าของเฉินซียังคงเฉยชาสำรวม “แล้วหากเพิ่มเขาเทพพยากรณ์เข้าไปล่ะ?”

เขาเทพพยากรณ์!

สามคำเช่นกัน แต่กลับมีอำนาจที่ทำให้เยี่ยเหยียนขมวดคิ้ว และไม่อาจกล่าวคำใดได้อีก

เพราะกระทั่งนางยังไร้ทางเลือกนอกจากยอมรับ ว่าหากเขาเทพพยากรณ์ลงมือเพื่อเฉินซี เช่นนั้นตระกูลกงเหย่ก็ไม่อาจรับแรงกดดันได้จริง ๆ

ทว่าอีกฝ่าย… เป็นหนึ่งใน ‘ห้าสุดยอด’ แห่งเอกภพจักรวรรดิ เป็นตัวตนอันเท่าเทียมกับตำหนักเต๋าหนี่หวา นิกายอำนาจเทวะ สำนักเต๋า และสำนักศักดิ์สิทธิ์!

หากตระกูลกงเหย่กล่าวได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิ เช่นนั้นเขาเทพพยากรณ์ก็คือมหายักษ์ นิกายสูงสุดทั้งหลายช่างเล็กจ้อยต่อหน้ามัน

แต่เยี่ยเหยียนก็ยังไม่เชื่อว่าเฉินซีจะกล้าทำเช่นนั้น

คิ้วงามขมวดหากัน “เจ้าควรตระหนักได้แล้วว่าผู้ควบคุมสถานการณ์มิใช่เจ้า ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชากำจัดกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราหรือนักพรตเต๋าเซวี่ยล้วนอยู่ในมือตระกูลกงเหย่ พวกมันแต่ละอย่างล้วนทำให้เจ้าไร้ทางเลือกนอกจากยั้งมือ เว้นแต่เจ้าจะเมินชะตากรรมของเจิ้นหลิวชิงและนักพรตเต๋าเซวี่ย เจ้าก็มีแต่ต้องอยู่ในควบคุมของตระกูลกงเหย่!”

นางเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “อีกอย่าง เจ้าคงไม่ลืมกระมังว่านิกายอำนาจเทวะอยู่เบื้องหลังตระกูลกงเหย่!”

เฉินซีเฉยชาอย่างสมบูรณ์ พูดขึ้นอย่างสุขุม “เจ้าบอกตระกูลกงเหย่ไปก็พอว่าวิญญาณของกงเหย่เจ๋อฟูอยู่กับข้า แล้วให้พวกเขาทำตามสมควร”

เค้าโทสะบังเกิดในใจเยี่ยเหยียนยามเห็นเฉินซียังคงดื้อรั้น อยากจะหยิบมีดมาจ่อคอดูจริง ๆ ว่าเขาเฉยชากับทุกสิ่งจริงหรือไม่

หรือบางทีนางอาจอยากรู้ว่ามีสิ่งใดในหล้าที่คนผู้นี้กลัวบ้างหรือไม่มากกว่า

พูดให้ตรงกว่านั้นคือ เยี่ยเหยียนไม่อาจทนเห็นเฉินซีได้ โดยเฉพาะยามอีกฝ่ายดูผ่อนคลายสบายใจจนน่าหมั่นไส้!

“ตระกูลกงเหย่ไม่ได้ฝากฝังงานนี้กับเจ้าหรือ?” เฉินซีถามย้อน สีหน้ายังคงเฉยชาไร้กังวล ไม่กระเทือนแม้นภาถล่มร่วง

ได้ยินเช่นนี้ เยี่ยเหยียนก็อดเดือดโทสะ กัดฟันกล่าวขึ้นมามิได้ “ตระกูลกงเหย่จะมีค่าอะไร! พวกเขาหรือจะสั่งการให้ข้าทำตามได้?”

“โอ้” เฉินซีพูดแค่นั้น

เห็นเช่นนี้ เยี่ยเหยียนก็ยิ่งหงุดหงิด “สารเลว! หรือในสายตาเจ้า ข้าเยี่ยเหยียนเป็นเพียงลิ่วล้อรับใช้ผู้อื่น?”

เฉินซีเลิกคิ้ว “หรือเจ้าไม่ใช่?”

เยี่ยเหยียนเจียนบ้าเต็มทน อยากบีบคอเฉินซีให้ตายเหลือแสน นางใช้เวลาเนิ่นนานก่อนจะสูดหายใจลึก ๆ แล้วกล่าวเน้นทีละคำ “ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ และเพียงช่วยตระกูลกงเหย่ระหว่างทาง แค่นั้น!? เข้าใจหรือไม่?”

เฉินซีพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ส่ายหน้า หลับตาเริ่มทำสมาธิอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าการเสวนากับเยี่ยเหยียนมีแต่เรื่องไร้สาระ ดำเนินต่อเช่นไรก็ไร้แก่นสาร

กรอด! กรอด!

“เจ้าจะทำอะไร?” เฉินซีขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นกะทันหัน

เยี่ยเหยียนเริ่มยิ้มด้วยโทสะสุดขีด “ออกไปเดินเล่นเฉย ๆ ไม่ได้หรือไร?”

ว่าแล้ว นางก็ไพล่มือไว้เบื้องหลัง เริ่มออกเดินในป่าไผ่ม่วงด้วยท่าทางลอยชายสบายอารมณ์

เฉินซีขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไร้วาจาอื่นใด

การมาถึงของสตรีผู้นี้รบกวนการบ่มเพาะอย่างสงบสุขของเขา ประกอบกับสัจธรรมที่ระหว่างทั้งสองมีความแค้นต่อกัน เขาย่อมไม่อาจเลี่ยงที่จะเกลียดชังนาง

น่าสะพรึงเกินไป!

ยามเฉินซีเห็นดวงตานั้น กระทั่งหัวใจของเขาก็เย็นวาบ ปรากฏว่านั่นคือเนตรทัณฑ์สวรรค์ และก็คือ ‘ทัณฑ์’ ที่เหล่าไป๋กล่าวถึง

สวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูเป็นดินแดนเต๋าอันตั้งอยู่นอกแดนเทพโบราณ จึงแยกตัวจากอำนาจเต๋าสวรรค์อยู่แต่เดิม

ทว่าขณะนี้ อำนาจทัณฑ์สวรรค์กลับปรากฏขึ้นที่นี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะมีบางสิ่งอันท้าทายสวรรค์ปรากฏ และเต๋าสวรรค์ซึ่งตรวจพบมันจึงส่งทัณฑ์ลงมา

ขณะเดียวกัน ก็เดาได้ง่ายมากว่าเจ้าสิ่งท้าทายสวรรค์นั้นคือสิ่งใด มันย่อมไม่พ้นยาเม็ดแห่งโชคชะตาและวิชชาซึ่งเทพธิดากำลังหลอมสร้าง

เหล่าไป๋เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อโอสถนี้หลอมเสร็จสิ้น มันจะสามารถเปลี่ยนชะตาคน บำรุงดวงจิตและปัญญาของคนผู้นั้น กล่าวได้ว่าท้าทายสวรรค์ยิ่ง

โอสถนี้ถึงขนาดที่ต้องทัณฑ์สวรรค์ ถูกทำลายในวันที่เกิดได้ เพราะสวรรค์ไม่ยอมให้มีมันอยู่!

ท้ายที่สุด ทุกสิ่งก็เป็นเพราะโอสถนี้เกี่ยวเนื่องกับอำนาจชะตากรรม และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความลึกล้ำสูงสุดนับเป็นการล่วงล้ำข้อห้ามสวรรค์

ขณะนั้น เหล่าไป๋กระทั่งยกตัวอย่างว่าในยุคหมานกู่ เซวียนตั้งใจจะหลอมยาแบบเดียวกันนี้ ทว่าทั้งเม็ดโอสถและเตาหลอมล้วนถูกทำลาย ทำให้โลกหล้าโกลาหล เผชิญหายนะต่าง ๆ นานา เพียงหนึ่งปีสั้น ๆ ผู้บ่มเพาะแปดหมื่นสี่พันคนกลับต้องตายเพราะหายนะจากมัน!”

ชั่วขณะนี้ เรื่องทั้งหมดข้างต้นเหมือนจะกำลังปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเฉินซี….

เปรี้ยง!

ทันทีที่เนตรทัณฑ์สวรรค์ปรากฏ อัสนีทมิฬสายหนึ่งก็วูบไหว ปลีกแขนงฟาดลงมาใส่อารามไท่ชู

อัสนีแขนงนั้นเป็นสีเทาขมุกขมัว ปกคลุมด้วยปราณทัณฑ์ไร้ขอบเขต นี่คือสายฟ้าลงทัณฑ์แห่งเต๋าสวรรค์อันแท้จริง มีอำนาจร้ายแรงถล่มโลกา

หากอัสนีสายนี้กระทบลง อารามไท่ชูต้องถูกทำลายเป็นแน่!

เคร้ง!

ทันใดนั้น เฉินซีก็ชักกระบี่เปลื้องมลทินออกมา เพราะไม่อาจรับความผิดพลาดในการสร้างยาเม็ดแห่งโชคชะตาและวิชชาได้

ต่อให้เขาต้องเผชิญหน้าเนตรทัณฑ์สวรรค์ เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเล!

วูบ!

ทว่าก่อนที่เฉินซีจะได้เคลื่อนไหว ร่มสำริดคันหนึ่งพลันลอยขึ้นจากในอารามไท่ชูดุจบงกชสำริดเบ่งบาน จารึกด้วยสารพัดแผนภาพยิ่งใหญ่ ลึกล้ำและเจิดจรัสอย่างแสงมงคล มุกล้ำค่า ลายเมฆา แสงศักดิ์สิทธิ์ ลวดลายเต๋า…

ทันทีที่มันปรากฏ ก็เริ่มเคลื่อนวน จัดการกับอัสนีสีเทาขะมุกขมัวนั้นอย่างง่ายดาย!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]