เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1778

บทที่ 1778 อันตราย

………………..

บทที่ 1778 อันตราย

เท่าที่เฉินซีรู้ การที่ป้ายวิญญาณทำลายตนเองหลังเยี่ยเฟิงตกตาย หมายความว่าข่าวเรื่องนี้ถูกส่งกลับตระกูลเยี่ยเป็นแน่แล้ว เช่นนั้นปัญหามากมายจะเกิดกับพวกเขาโดยมิต้องสงสัย

ขณะนี้พวกเขาจึงต้องแข่งกับเวลา มุ่งหน้าสู่เขาเทพพยากรณ์ในเอกภพจักรวรรดิ มีเพียงการทำเช่นนี้ จึงเลี่ยงมิให้ปัญหามาหาถึงตัวได้

เพราะถึงเฉินซีจะมั่นใจเพียงไร ความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขาก็ไม่คู่ควรให้ไปประชันตระกูลเยี่ยเลย

มิต้องพูดถึงว่า เมื่อการทำลายสัญญาแต่งงานและความตายของเส้าเฮ่าอวี่ จักรพรรดิคุนมู่และจักรพรรดิเซวี่ยอิ่ง ตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะคงรับรู้กันแล้ว และอาจส่งกองกำลังมาที่นี่

วูบ!

เฉินซีหยุดโอ้เอ้ นำเป่าน้อยและเยี่ยเหยียนเคลื่อนย้ายมิติไปทันที

เอกภพสมุทรวิญญาณ ลึกลงไปในดาราจักรอันมีรูปร่างคล้ายกรวยแห่งหนึ่ง

เขาเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเยี่ยแห่งเอกภพจักรวรรดิ หนึ่งยอดฝีมือชั้นยอดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้พิทักษ์ที่นี่มาเกือบสามปีแล้ว

เขามีวัตถุประสงค์เพียงหนึ่ง นั่นคือรอเยี่ยเหยียน

เพราะที่นี่มีเส้นทางลับอันนำไปสู่สวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชู!

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น หนึ่งเสียงแหลกระเบิดก็ดังขึ้น เยี่ยเสี้ยวผงะไป ก่อนที่สีหน้าจะดำคล้ำลงกะทันหัน นำตะเกียงสำริดออกมาจากกระเป๋าดวงหนึ่ง

เดิมทีตะเกียงนั้นไม่ได้จุดไฟ ทว่าขณะนี้ไส้ตะเกียงกลับเริ่มจุดตนเอง สาดแสงสร้างม่านลวงตาขึ้น

ในม่านแสงมายานั้นเผยภาพที่ปรากฏในเอกภพหยกอินทนิลเมื่อครู่ขึ้น

เริ่มจากเยี่ยเฟิงและเยี่ยเหยียนเผชิญหน้า กระทั่งบทสนทนาและสีหน้ายังปรากฏชัดเจน

เมื่อเห็นถึงตรงนี้ หัวใจของเยี่ยเสี้ยวก็ดิ่งวูบในบัดดล เขาตระหนักชัดเจนว่าการทำลายข้อตกลงแต่งงานน่าจะเกี่ยวข้องกับเยี่ยเหยียนแน่แล้ว

ต่อจากนั้น เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป เยี่ยเฟิงเริ่มโจมตี ทว่าก็ถูกวานรสีทองดุร้ายถือกระบองเหล็กตัวหนึ่งขัดขวาง

วานรตาทอง! เหตุใดโลกนี้จึงมีวานรตาทองที่ดุร้ายเพียงนี้อยู่?

คลื่นมรสุมซัดสาดในใจเยี่ยเสี้ยวขณะดวงตาจับจ้องม่านแสง คิดสืบเสาะเรื่องราวให้กระจ่าง

ไม่นานนัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในม่านแสง คนผู้นั้นสวมอาภรณ์เขียว ดวงตาดำลึกล้ำดุจจักรวาลพราวดาราอันไพศาล ท่าทีเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกชวนสงบใจซอกซอนถึงภายใน

เจ้านี่เป็นใครกัน? เยี่ยเสี้ยวขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังเพ่งพินิจ ร่างสูงใหญ่ในม่านแสงนั้นก็หันศีรษะมาประสานสายตากันพอดี

ก่อนที่เยี่ยเสี้ยวจะทันฟื้นจากความตะลึง

เปรี้ยง!

ม่านแสงพลันแหลกระเบิด ทุกภาพภายในสลายหายไปเป็นละอองแสง

“บัดซบ! นางร่วมมือกับคนนอกทำร้ายสังหารครอบครัวตัวเอง สมควรตายจริง ๆ! ความผิดของนางอภัยไม่ได้!” สีหน้าของเยี่ยเสี้ยวบูดบึ้งสุดขีด มือกำตะเกียงสำริดซึ่งดับลงแน่นเสียจนมือขึ้นข้อขาว เดือดดาลถึงขีดสุด

เขาสูดหายใจลึก ๆ แล้วลุกขึ้น พึมพำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ต่อเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล ให้พวกเขาส่งกำลังมาล่านังสารเลวเยี่ยเหยียนอย่างเต็มกำลัง!”

วูบ!

อึดใจต่อมา สมบัติรูปร่างเหมือนเหล็กหมาดประหลาดก็ทะยานเป็นลำแสงสีฟ้า แหวกมิติหายไป

นี่เป็นแผ่นหยกรูปแบบหนึ่ง มีนามว่ากระสวยไร้พรมแดน ไม่ว่าจะอยู่หนใด ขอเพียงใช้สมบัตินี้ มันก็จะข้ามมิติเวลาอันไร้จำกัด หวนสู่ตระกูลเยี่ยได้ในชั่วพริบตา!

เอกภพจักรวรรดิ ตระกูลเยี่ย

“มิคาดเลยว่ายายหนูนั่นจะยังจำเรื่องเมื่อหลายปีก่อนได้ นางกระทั่งอดทนมาหลายต่อหลายปี มีสติน่าชื่นชมจริง ๆ” หนึ่งเสียงอันโรยราดังขึ้นในโถงบรรพชนซึ่งไม่ถูกเปิดมาแสนนาน เจือด้วยเค้าความสะเทือนอารมณ์

ผู้นำตระกูลเยี่ย เยี่ยเป่ยเหอและผู้อาวุโสทั้งหมดอันมีอำนาจยิ่งใหญ่ในตระกูลต่างยืนอยู่นอกโถงบรรพชนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทว่ายามได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของใครหลายคนก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย

“หนานตู้ เมื่อหลายปีก่อน เจ้าคือต้นเหตุของเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้น เยี่ยเฟิง เด็กนั่นก็เผชิญเคราะห์ถูกสังหารไปแล้ว เรื่องนี้ข้าจะให้เจ้าจัดการต่อ” เสียงอันโรยรานั้นดังขึ้นอีกครั้ง หนนี้ฟังดูเฉยชาไร้ปรานีอย่างยิ่ง “เรื่องนี้เป็นเรื่องหน้าตาของตระกูล ดังนั้นทำตามเห็นสมควร”

ชายวัยกลางคนชุดม่วงในหมู่ผู้คนกุมกำปั้นกล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง “บรรพบุรุษโปรดวางใจ”

ชายวัยกลางคนชุดม่วงผู้นี้คือเยี่ยหนานตู้ บิดาของเยี่ยเฟิง ขณะเดียวกันก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเยี่ย และน้องชายของผู้นำตระกูลเยี่ยคนปัจจุบัน เยี่ยเป่ยเหอ

ยิ่งกว่านั้น ตัวเขาเองยังเป็นจักรพรรดิ ถูกเรียกว่าจักรพรรดิหนานตู้!

ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว เยี่ยหนานตู้เพียงเหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาราชเทวาได้เพียงไม่ถึงแปดพันปี การบ่มเพาะอยู่เพียงขอบเขตจักรพรรดิหนึ่งดารา ด้อยกว่ากันมากนักเมื่อเทียบเยี่ยเป่ยเหอผู้เป็นพี่ชาย

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเป็นจักรพรรดิผู้หนึ่งอยู่ดี และมีอำนาจเพียงพอพลิกโลกหล้าแปรแดนดิน ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกำลังสูงสุดของตระกูลเยี่ย

ต่อจากเอกภพหยกอินทนิลก็คือเอกภพเวิ้งจันทรา

เฉินซีจำได้ว่า หลายปีก่อนยามเขาเพิ่งมายังอารามไท่ชู เหล่าไป๋เคยชี้แนะจักรพรรดิผู้หนึ่งนามขุยเซียว ซึ่งมาจากเอกภพเวิ้งจันทรา

ขณะนั้น จักรพรรดิขุยเซียวชักชวนเฉินซีและเหล่าไป๋ให้มายังเอกภพเวิ้งจันทราในฐานะแขกหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ถูกเฉินซีปฏิเสธ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย และกล่าวว่าหากเฉินซีผ่านมาที่เอกภพเวิ้งจันทรา ก็ขอให้มาเยี่ยมเยือนเขาบ้าง เพื่อให้เขาได้รับเกียรติต้อนรับเฉินซีกับเหล่าไป๋

แต่ขณะนี้ เฉินซีไร้เจตนาไปเยี่ยมเยือนจักรพรรดิขุยเซียว

ระหว่างทาง ความรู้สึกพรั่นพรึงก็บังเกิดในใจอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย เขาตระหนักดีว่าทั้งการทำลายข้อตกลงแต่งงาน ความตายของพวกเส้าเฮ่าอวี่ และกระทั่งความตายของเยี่ยเฟิงได้เกิดเป็นปัญหามหาศาลแล้ว

นี่หมายความว่า การเดินทางของพวกเขาย่อมไม่สงบสุข

ดังนั้นขณะนี้เจตนาเดียวของเฉินซีก็คือมุ่งหน้าสู่เขาเทพพยากรณ์โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาแก่ตัวมากไปกว่านี้

“กลุ่มดาววิญญาณจรอันโด่งดังอยู่ข้างหน้านั่นแล้ว เรามีแต่ต้องผ่านมันเพื่อไปสู่เอกภพถัดจากเอกภพเวิ้งจันทรา เอกภพธารโลหิต” เยี่ยเหยียนอธิบายเสียงเบา นางคุ้นเคยกับเส้นทางสู่เอกภพจักรวรรดิสายนี้มาก และเคยใช้มันมาหลายต่อหลายหน เมื่อมีนางนำทาง เฉินซีจึงไม่มีทางหลงทิศในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ได้เลย

“กลุ่มดาววิญญาณจร?” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง พินิจบริเวณห่างออกไป และกล่าวว่า “ที่นั่นมีสิ่งใดต้องใส่ใจหรือไม่?”

“จักรดารานั้นปกคลุมด้วยความอ้างว้างและปราณวิญญาณจร นอกจากนั้น ภัยพิบัติธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้มันอันตรายอย่างยิ่ง มีเพียงตัวตนในขอบเขตมหาเทพเต๋าที่กล้าสัญจรผ่านมันตรง ๆ” เยี่ยเหยียนอธิบายเร็วจี๋ “จากข่าวลือ เมื่อนานมาแล้ว กลุ่มดาววิญญาณจรคือแดนสวรรค์ในการบ่มเพาะ แต่ที่มันกลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะหนึ่งตัวตนเลิศล้ำในขอบเขตมหาเทพเต๋าเกิดธาตุไฟเข้าแทรกยามบ่มเพาะและตายลงที่นี่ หลังจากศพของมหาเทพเต๋าผู้นั้นถูกทำลาย มันก็กลายเป็นปราณวิญญาณจรอันไร้ขอบเขตปกคลุมกลุ่มดาวนี้ไว้ ไม่เสื่อมสลายตราบปัจจุบัน จนกลายเป็นเช่นนี้ในที่สุด”

นางเว้นช่วงเล็กน้อย จึงคลี่ยิ้ม “แต่ในกลุ่มดาววิญญาณจรก็ยังมีหนึ่งเส้นทางปลอดภัย พอให้เราผ่านไปได้”

เฉินซีพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”

ขณะพูดคุย เงาร่างสองสามร่างพลันวูบไหวปรากฏขึ้นไกล ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาออกมาจากในกลุ่มดาววิญญาณจร

“เกิดอะไรขึ้น? เส้นทางนั่นถูกผู้อื่นยึดครองตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกเขากระทั่งอยากตรวจสอบตัวตนเรา หยาบคายกันสิ้นดี!” หนึ่งในนั้นพูดอย่างไม่พอใจ

“เอาน่า พอได้แล้ว ในเมื่อพวกเขากล้าขวางทางในกลุ่มดาววิญญาณจร ภูมิหลังของคนเหล่านั้นไม่มีทางธรรมดาแน่นอน” ใครอีกคนกล่าวปลอบ

“เฮอะ! ภูมิหลังไม่ธรรมดาแล้วเช่นไร กระทำการเหิมเกริมเช่นนี้ สักวันไม่จบดีแน่!”

“หุบปาก! ปากพลั้งนำหายนะ!”

ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นทะยานจากขณะส่งกระแสปราณคุยกันเบา ๆ ผ่านกลุ่มของเฉินซีหายลับไป

ทว่าพวกเขาหารู้ไม่ว่า แม้จะคุยผ่านกระแสปราณ เฉินซีก็ยังได้ยินทุกสิ่งชัดเจนผ่านอักขระผนึกเต๋า

“รอเดี๋ยว เหมือนสถานการณ์จะไม่ค่อยดี” เฉินซีพลันหยุดฝีเท้า เหลือบมองกลุ่มดาววิญญาณจรซึ่งห่างออกไป ขณะที่ดวงตาเรืองประกายลึกล้ำ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]