บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 178

บทที่ 178 ขุมสมบัติของเฉียนหยวน

‘กระบวนท่ากระบี่สวินแห่งวายุ’ เป็นกระบวนท่าที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมายและเป็นอิสระเสรีดั่งสายลม ยามที่มันอ่อนโยนก็เหมือนกับดอกฝ้ายที่ปลิวผ่านมวลเมฆ แต่ยามที่มันรุนแรง พลังของมันสามารถแบ่งแยกทะเลออกจากกันหรือบดขยี้ภูผาให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่มีสิ่งใดในโลกและสวรรค์ที่จะเทียบเคียงได้

เมื่อครั้งที่เฉินซียังอยู่ที่ส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ เขาได้หยั่งรู้ถึงเต๋าแห่งสายลมอย่างถ่องแท้แล้ว ในขณะนี้ เมื่อรวมเข้ากับกระบี่สวินแห่งวายุอย่างสมบูรณ์แบบ พลังของมันก็เพียงพอที่จะทำลายล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำได้อย่างง่ายดาย

นี่มันเต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมที่สมบูรณ์แบบหรือ?

ดวงตาซึ่งเผยให้เห็นถึงการดูถูกของเซวี่ยเฉินหรี่ลง การโจมตีเช่นนี้ยังคงต่ำชั้นมากสำหรับเขา ชายหนุ่มจึงยืนหยัดอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว เนื่องจากปราณที่สะสมอยู่ในฝ่ามือของเขานั้นหนาแน่นและเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาแค่รอให้เฉินซีก้าวมาข้างหน้า จากนั้นจะทุบเฉินซีให้ตายในทีเดียว!

เห็นได้ชัดว่าเซวี่ยเฉินมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอย่างมาก

ทว่ามันกลับเหนือความคาดหมายของเขา เฉินซีที่ถูกปกคลุมด้วยเงากระบี่นับไม่ถ้วน ไม่ได้พุ่งเข้ามาโจมตีเขา แต่กลับเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันเมื่อมาถึงครึ่งทางและทะยานจากไปในระยะไกล

หวืด!

เคล็ดวาตะเหินทะยานที่ถูกใช้โดยเฉินซี ได้หลอมรวมเข้ากับเต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมและเต๋ารู้แจ้งแห่งนภาของเขา ทำให้ร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนภูตผีโปร่งแสง ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่เซวี่ยเฉินไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็คว้าค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่อยู่บนพื้น แล้วโยนมันเข้าไปในมิติภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ก่อนที่จะหันหลังกลับไป และพุ่งทะยานอย่างรุนแรงเข้าไปในป่า!

ตั้งแต่การใช้กระบวนท่า ‘กระบี่สวินแห่งวายุ’ ไปจนถึงการจัดการกับค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก หรือการหลบหนีออกไป ทุกการเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นดั่งเมฆที่เคลื่อนตัวและสายน้ำที่หลั่งไหล ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของเฉินซีก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก จนอาจถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดที่เฉินซีจะสามารถบรรลุได้

อันที่จริง เฉินซีไม่เคยคิดที่จะปะทะเซวี่ยเฉินเลยตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะต่อสู้ก้าวข้ามสองขอบเขตการบ่มเพาะ เพื่อสังหารเซวี่ยเฉินโดยอาศัยความแข็งแกร่งของตนในปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เฉินซีจะต่อสู้กับคนผู้นี้เพราะถ้าดื้อรั้น แม้ว่าเขาจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขาจะต้องสูญเสียค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกไป และนั่นจะทำให้เขาต้องสูญเสียมากกว่าการที่เขาจะได้รับกลับคืนมาอย่างแน่นอน

ทันทีที่พวกเขาได้เริ่มการต่อสู้ เฉินซีได้ตัดสินใจหนีตั้งแต่แรกแล้ว!

“บัดซบ! ไอ้หนู เจ้าไม่รอดแน่! เดิมทีข้าตั้งใจจะฆ่าเจ้าอย่างตรงไปตรงมา และให้โอกาสเจ้าได้ตอบโต้บ้าง แต่เจ้ากลับไม่รักษาโอกาสเช่นนั้นเอาไว้ ดูท่าข้าคงจะต้องบดขยี้เจ้าและชิงค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกกลับคืนมาเสียแล้ว!” ไม่ว่าการบ่มเพาะของเซวี่ยเฉินจะสูงส่งเพียงใด เขาก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนมดปลวกคนนี้จะไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เซวี่ยเฉินเย้ยหยันขณะที่เขาไล่ตามเฉินซีในทันที

ในขณะนี้ สหายอีกคนของเซวี่ยเฉินกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธขณะที่เขาทะยานเข้ามา และกล่าวด้วยสีหน้ามืดหม่น “บัดซบ! เซวี่ยเฉิน เจ้าเด็กคนนั้นก็หนีไปเช่นกันหรือ?”

“หนีหรือ? หึ เขาจะรอดไปจากเงื้อมมือของข้าได้อย่างไร? ข้าสามารถบดขยี้มดปลวกที่มีการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลให้ตายได้อย่างง่ายดาย!” เซวี่ยเฉินหัวเราะเยาะดังก้อง “ศิษย์พี่เผยจง โปรดรอสักครู่ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นจะต้องเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน!”

“ฮึ่ม! ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดนะ” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า เผยจง คำรามอย่างเย็นชาและไม่ได้กล่าวอะไรอีก

ทันใดนั้น ทั้งสองก็พุ่งตรงเข้าไปในป่าที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้อย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เซวี่ยเฉินและเผยจงก็ได้หยุดอยู่ที่พื้นที่โล่งในส่วนลึกของป่า

“บัดซบเอ๊ย! กลิ่นอายของไอ้เจ้าเด็กนั่นได้หายไปจากจุดนี้ และไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ข้าก็หามันไม่เจอ” สีหน้าของเซวี่ยเฉินค่อนข้างซีดเซียว เนื่องจากเขาได้ใช้ปราณแท้ไปมหาศาลเพื่อค้นหาเฉินซี แต่กลับไม่สัมผัสถึงร่อยรอยของอีกฝ่ายในระแวกรอบ ๆ เลยแม้แต่น้อย

“เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะจับเจ้าเด็กคนนั้นง่ายดายเหมือนล้วงของออกจากกระเป๋าได้อย่างไร? ช่างน่าสมเพช! เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นกลาง แต่กลับไม่สามารถจัดการกับเจ้าเด็กคนนั้นที่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลได้เลยหรือ?” เผยจงตะคอกเย็นชาและน้ำเสียงของเขาก็แสดงความไม่พอใจอย่างมาก

“ศิษย์พี่ เจ้าเด็กนั่นมันเจ้าเล่ห์เกินไป แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของมันจะแค่ขอบเขตตำหนักอินทนิล แต่มันก็ได้บรรลุเต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมได้อย่างถ่องแท้ และทักษะการเคลื่อนไหวของมันก็ล้ำลึกเป็นอย่างมากเช่นกัน ข้าเกรงว่ามันจะหนีไปแล้วจริง ๆ” ใบหน้าของเซวี่ยเฉินแปรผันไปมาขณะที่เขากล่าว การปล่อยให้มดปลวกที่มีการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลหลบหนีจากเงื้อมมือของเขาได้นั้น มันเป็นสิ่งน่าละอายเกินไปจริง ๆ

“แล้วไปเถอะ! ดูเหมือนว่าเราคงไม่มีชะตาร่วมกับค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก เดิมทีข้าคิดว่าจะได้รับผลึกแก่นอสูรของมันเพื่อช่วยเจ้าในการบรรลุสู่ระดับขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียง…” เผยจงถอนหายใจด้วยความเสียดาย “ตอนนี้เรากลับทำได้เพียงเดินทางไปยังห้วงทะเลทรายมรณะเท่านั้น!”

เมื่อเซวี่ยเฉินได้ยินถึงคำว่าห้วงทะเลทรายมรณะก็ถอนหายใจเช่นกัน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ห้วงทะเลทรายมรณะนั้นน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ แต่ถ้าข้าสามารถบ่มเพาะจนบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบระหว่างอยู่ภายในนั้นได้ ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถติดอยู่ในสิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่ง ที่จะจัดขึ้นในอีกห้าปีนับจากนี้ได้ มิฉะนั้น หากอาศัยการบ่มเพาะของข้าในปัจจุบัน เกรงว่าข้าเองก็อาจจะไม่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกอย่างแน่นอน”

“ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เผยจงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เท่าที่ข้าทราบมา นอกจากผู้บ่มเพาะจากนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ของเราแล้ว ศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายต่าง ๆ ในที่ราบตอนกลางก็ได้มุ่งหน้าไปยังห้วงทะเลทรายมรณะเช่นกัน ในแง่หนึ่ง มันคือการขัดเกลาความแข็งแกร่งของพวกเขา เพื่อเตรียมการสำหรับการชุมนุมดาวรุ่งที่จะจัดขึ้นในอีกห้าปีนับจากนี้ และมันก็เป็นการค้นหาเบาะแสของขุมสมบัติอีกด้วย”

“เบาะแสของขุมสมบัติหรือ?”เซวี่ยเฉินรู้สึกประหลาดใจ

“ใช่แล้ว ตามคำทำนายของผู้อาวุโสของนิกายเรา ขุมสมบัติในตำนานของเฉียนหยวน จะปรากฏขึ้นในห้วงทะเลทรายมรณะในอนาคตอันใกล้นี้ ขุมสมบัตินี้เป็นสิ่งที่เซียนสวรรค์ได้หลงเหลือไว้ และมันได้กักเก็บสมบัติมหัศจรรย์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในสวรรค์และโลกเอาไว้ อีกทั้งยังมีมรดกของผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เยี่ยมยุทธ์ ดังนั้น ผู้อาวุโสในนิกายจึงสั่งให้เราทั้งคู่ เดินทางไปที่ห้วงทะเลทรายมรณะเพื่อพิสูจน์ว่าคำทำนายเป็นเรื่องจริงหรือไม่” เผยจงกล่าวช้า ๆ

“เหตุใดข้าถึงไม่ได้ข่าวคราวใด ๆ เลย” เซวี่ยเฉินจ้องมองอย่างเหม่อลอยขณะกล่าวคำ

“เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของผู้อาวุโส และความไม่แน่นอนของมันก็มีมากเกินไป ดังนั้นเจ้ารู้แล้วจะทำอะไรได้บ้าง? เจ้าควรจะรู้ความจริงข้อนี้ดีไม่ใช่หรือ?” เผยจงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “จำไว้ มนุษย์ตายเพื่อแสวงหาความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับนกที่ตายในการแสวงหาอาหาร จุดประสงค์ที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าไปยังห้วงทะเลทรายมรณะนั้น ก็เพื่อขัดเกลาความแข็งแกร่งของเจ้า ส่วนขุมสมบัติของเฉียนหยวน หากเรามีชะตาต้องกับมันและได้รับมาก็คงเป็นการดี แต่ถ้าเราไม่มีชะตาต้องกับมัน ก็อย่าได้ฝืนเก็บเอามาใส่ใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อดวงจิตแห่งเต๋าของเจ้า”

“คำสอนของศิษย์พี่นั้นถูกต้อง” เซวี่ยเฉินพยักหน้ารับ แต่แววตาของเขาก็ปรากฏความไม่เห็นพ้องอย่างเลือนราง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]