บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 177

บทที่ 177 ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้น เป็นผลจากการผสมพันธุ์ระหว่างสัตว์อสูรบรรพกาลที่กลายพันธุ์และถูกเรียกว่าค้างคาวโลหิตหกปีกกับสัตว์เทวะบรรพกาลที่ถูกเรียกว่ามังกรโลหิต จึงทำให้มันมีสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองตัว ยิ่งไปกว่านั้น พละกำลังของมันก็น่าสะพรึงกลัว อีกทั้งมันยังแสนดุร้าย กระหายเลือด และโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง

เพียงแค่ชำเลืองมอง เฉินซีก็สามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่ากลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่อยู่ต่อหน้าเขาจะด้อยกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ แต่มันก็ยังเหนือกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางธรรมดาทั่วไป!

ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวนี้ กอปรกับร่างกายที่ทรงพลังโดยกำเนิดและทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายลม ทำให้แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็อาจไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

เฉินซียอมรับว่าถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เขาคงทำได้เพียงต้องหนีเท่านั้น

แต่นับว่าโชคดี ที่ไป๋คุยซ่อนตัวอยู่ใต้ภูเขาสีเลือดและไม่ถูกสังเกตเห็นโดยค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่แสนดุร้าย ทำให้เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ไยเจ้าตัวเล็กตัวนี้ถึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่?

“เฉินซี เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้กำลังจะกลายร่างเป็นมนุษย์!” ในขณะเฉินซีกำลังรู้สึกมึนงง หลิงไป๋ก็ส่งเสียงผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็วให้เขาได้สติกลับคืนมา “ช่างเป็นโอกาสที่ดียิ่งเสียนี่กระไร! ระหว่างที่มันกำลังจะกลายร่างคือช่วงเวลาที่มันจะอ่อนแอที่สุด หากเราลงมือในช่วงนี้ เราจะสามารถฆ่ามันได้อย่างแน่นอน และหลังจากที่เราดึงเอาผลึกแก่นอสูรของมันออกมาและให้เจ้าใช้มัน เจ้าก็จะสามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเคหาทองคำได้ในคราวเดียว!”

‘อ๊ะ มันกำลังกลายร่างแล้วนี่!’ เฉินซีตกตะลึงในทันที

เมื่อค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนี้กลายร่างแล้ว มันจะบรรลุไปสู่​​ขอบเขตจุติทันที และกลายเป็นผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตจุติซึ่งปราณแท้ในร่างของพวกมันจะเหนือกว่ามนุษย์เป็นอย่างมาก และมากกว่าผู้บ่มเพาะที่เป็นมนุษย์ถึงสิบหรือยี่สิบเท่า!

เนื่องจากร่างกายของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เมื่อมันอยู่ในร่างมนุษย์ ปราณแท้ของมันก็จะหนาแน่นขึ้นโดยธรรมชาติ

หากสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไปกลายร่างเป็นมนุษย์ ปราณแท้ของมันก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับอสูรค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่น่าสยดสยองเหล่านี้

แต่การที่ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากเข็ญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองประเภทที่ไหลเวียนอยู่ภายในเส้นเลือดของมัน เว้นเสียแต่ว่ามันจะบรรลุขอบเขตจุติ หรือใช้โอสถวิญญาณอันล้ำค่า มิฉะนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะกลายร่างเป็นมนุษย์

“เฉินซีนี่เป็นโอกาสอันหาได้ยาก ที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตนี้ สัตว์อสูรบรรพกาลเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากยิ่งนัก และสัตว์ร้ายตัวนี้น่าจะเป็นจ้าวผู้ปกครองในบริเวณแถบนี้ หากในยามปกติ พวกเราคงต้องหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้ มันกำลังจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์เพื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ และความแข็งแกร่งของมันก็อยู่ในช่วงที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก เราต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อตามล่าและฆ่ามัน!” หลิงไป๋ร้องเสียงดังอีกครั้ง และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า

“ตกลง!” เฉินซีพยักหน้าช้า ๆ แน่นอนว่าการฆ่าค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นจะเกิดผลประโยชน์อย่างมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ผลึกแก่นอสูร กระดูก ปีก และเขี้ยวก็เป็นวัตถุดิบสำหรับขัดเกลาสมบัติวิเศษที่หาได้ยาก และมูลค่าของมันก็มหาศาลเป็นอย่างมาก!

วูบ! วูบ! วูบ!

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกก็ร้องโหยหวนขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที และปีกสีเลือดทั้งหกคู่ก็กางออกจากหลังของมัน เมื่อเสียงแหลมของมันดังขึ้นพร้อมกับสายลมที่โหมกระหน่ำ มวลพลังอันไร้ขอบเขตได้ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสวังวน และทำให้ความเยียบเย็นไหลลงสู่กระดูกสันหลัง

ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่ใสกระจ่างแต่เดิมกลับกลายเป็นสีดำสนิทเหมือนหมึกพู่กัน และมีกระทั่งร่องรอยของสายฟ้าไหลเวียนอยู่ภายในก้อนเมฆสีดำทะมึนนั้น ราวกับว่ามันกำลังเก็บสะสมพลังงานเพื่อที่จะอาละวาดไปทั้งสวรรค์และโลก

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนี้ได้หยิบยืมสายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์ เพื่อใช้พลังของสายฟ้าในกลายร่างเป็นมนุษย์!

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีพบเห็นสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ และค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกขนาดมหึมาซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมจากยุคบรรพกาล

แม้จะอยู่ห่างไกลจากมันมาก แต่คลื่นปราณปีศาจอันกว้างใหญ่ และกลิ่นอายที่แพร่กระจายออกมาทำให้ผู้คนต้องอยู่ในความหวาดกลัว และพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่แสนยาวนานของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก ทำให้สวรรค์และโลกเกิดสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวในทันที และพายุโหมกระหน่ำพร้อมเสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวก็กระจายไปทั่วท้องฟ้า หากมีนักล่าผ่านมาในช่วงเวลานี้ เขาคงต้องหวาดกลัวจนแทบตาย!

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สิ่งมีชีวิตจะพัฒนาสติปัญญาขึ้นมา อาจเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ป่าเท่านั้น และด้วยการพัฒนาสติปัญญาและความเข้าใจถึงวิธีการดูดซับปราณวิญญาณของสวรรค์และโลกเพื่อสะสมปราณแท้ มันจึงกลายเป็นสัตว์อสูรอย่างสมบูรณ์แบบ!

สัตว์ป่าและสัตว์อสูรนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปและผู้บ่มเพาะ ซึ่งมีความแตกต่างราวกับสวรรค์และโลก

การบ่มเพาะหลังจากที่กลายเป็นสัตว์อสูร และได้พิชิตทัณฑ์สวรรค์เพื่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ เมื่อถึงจุดนี้แล้ว มันก็จะสามารถออกอาละวาดไปทั่วโลกได้ อีกทั้งพวกมันต่างก็แสวงหาเต๋าเฉกเช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะที่เป็นมนุษย์ ดังนั้น หากจะพูดถึงสัตว์อสูรที่กลายร่างเป็นผู้บ่มเพาะอสูรได้แล้ว ก็คือราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหาง ที่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่น่าเกรงขาม

ทว่าการที่จะอยู่ในร่างมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับสัตว์เทวะบรรพกาลและสัตว์อสูรกลายพันธุ์บางตัว ซึ่งก็ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป และบางตัวเฉกเช่น ไป๋คุย ก็ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน เนื่องจากเจ้าตัวเล็กนี้เป็นสัตว์มงคลชั้นยอดที่เกิดจากสวรรค์และโลก อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา แต่กลับไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ตลอดชีวิต

นี่คือข้อจำกัดของกฎแห่งสวรรค์ และมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในสวรรค์และโลก

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกอยู่ภายในศูนย์กลางของพายุ และเหนือขึ้นไปนั้นเป็นดวงแสงที่เต็มไปด้วยประกายสายฟ้าที่กำลังปะทะกันจนเกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ ๆ’ ขณะที่พวกมันปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ใจต้องสั่นไหว

กี๊ซ!

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในปากของมันมีเขี้ยวที่น่าสยดสยอง ความยาวของเขี้ยวนั้นราว ๆ สิบสองฉื่อ อีกทั้งยังแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พอจะคาดเดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าถูกมันกัด!

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขี้ยวเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ขัดเกลาอุปกรณ์และถูกกลั่นกรองด้วยหม้อกลั่น มันจะสามารถสกัดเป็นกระบี่บินระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดได้ด้วยซ้ำ!

“หากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกขนาดมหึมากลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ข้านั้นอยากรู้จริง ๆ ว่าความแข็งแกร่งของมันจะอยู่ในระดับใด?” เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าสองจั้ง ก็สามารถสัมผัสได้ว่าปราณแท้ของสัตว์ร้ายตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเขาอย่างน้อยสิบเท่า และมันช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก

“เวรแล้ว เฉินซี! มีคนกำลังเข้ามาใกล้ที่นี่ และกลิ่นอายของพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พวกเราที่กำลังตามล่าผลึกแก่นอสูรของสัตว์ร้ายตัวนี้” หลิงไป๋ดูเหมือนจะสัมผัสถึงเห็นอะไรบางอย่าง และใบหน้าของเขาก็ตึงเครียดในทันทีขณะที่เขากล่าวอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่หลิงไป๋กล่าวจบ ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเฉินซีก็สัมผัสถึงร่างทั้งสองที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจากระยะไกล เคล็ดวิชาตัวเบาของพวกเขารวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็มาถึงเบื้องหน้าของภูเขาสีเลือด และซุกซ่อนตัวเองอย่างเงียบ ๆ

นับว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ความปั่นป่วนที่เกิดจากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นยิ่งใหญ่เกินไป และเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่อยู่บนยอดเขาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย และดวงตาที่เหมือนโคมไฟได้กวาดไปที่ตีนเขา ก่อนจะส่งเสียงร้องเสียดหูที่แฝงไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม ดูเหมือนว่ามันจะต้องการทำให้ศัตรูที่มาถึงตกอยู่ในความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม การขู่ขวัญเช่นนี้กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะผู้ใดก็ตามที่สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของการกลายร่าง ทัณฑ์สวรรค์ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าก็ลอยอยู่เหนือมัน ดังนั้นมันจึงไม่กล้าหันเหความสนใจไปกับสิ่งอื่น และตัวมันก็อยากล้มเลิกกลางคัน มิฉะนั้น จะต้องล้มตายอยู่ภายใต้สายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์จนต้องกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน

“บัดซบ! ไอ้สารเลวสองคนนั้นต้องการหาประโยชน์จากเหยื่อของเราจริง ๆ!” ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงไป๋เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าขณะที่เขากล่าวอย่างเย็นชา “เฉินซี หลังจากที่สัตว์ร้ายตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานกับทัณฑ์สวรรค์และอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด เจ้าจงลงมือในทันที แล้วข้าจะไปหยุดสองคนนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]