เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1785

บทที่ 1785 มาเยือนตามกัน

………………..

บทที่ 1785 มาเยือนตามกัน

วูบ!

มิติสั่นสะท้านรุนแรง หนึ่งเสียงกู่ก้องเสียดแหลม

มันคือผลของการเคลื่อนย้ายมิติอย่างรวดเร็วสุดขีด ขณะที่เสียงหวีดแหลมนั้นดังขึ้น ร่างของเฉินซีก็ทะยานไกลออกไปแสนลี้แล้ว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความเร็วการเคลื่อนย้ายปัจจุบันของเขาน่าตกใจเพียงไร

และสัจธรรมก็เป็นเช่นนั้น ในเมื่อเขาตัดสินใจถอนตัวจากที่นี่ เฉินซีก็มุ่งหน้าสุดกำลังโดยไม่หยุดพักเผื่อผ่านเส้นทางในกลุ่มดาววิญญาณจร

ระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรือนผมขาวดุจหิมะของเฉินซีเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา หม่นประกายสิ้นสีสัน นอกจากนั้น อำนาจยิ่งใหญ่รอบกายเขายังค่อย ๆ อ่อนกำลัง….

นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าความแข็งแกร่งของเขาหลังใช้วิชาระเบิดสังหารเทวะกำลังเริ่มเลือนหาย

จากการประมาณการของเฉินซี หกชั่วยามต่อจากนี้ เขาน่าจะตกอยู่ในสภาวะ ‘อ่อนแอ’ อย่างสมบูรณ์

หากข้าทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ทำเพียงเพียงขอให้เป่าน้อยเป็นผู้เดินทางเสียแล้ว…. เฉินซีรำพึงในใจ

อำนาจต่อสู้ของเป่าน้อยชวนตะลึงอย่างยิ่ง แม้เขาจะออกจากอารามไท่ชู จนไม่อาจยืมพลังข้อจำกัดจากสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูได้ แค่อำนาจต่อสู้ของเขาลำพังก็สามารถทัดเทียมจักรพรรดิหนานตู้ยามบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่กระทั่งเฉินซียังไม่อาจตะกายถึง

แต่เฉินซีก็ตระหนักดี ว่าหากให้เป่าน้อยเป็นผู้เดินทาง นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยสักนิด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เป่าน้อยเหยียบย่างสู่โลกภายนอก แม้อำนาจจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ขาดความรู้และประสบการณ์ เหมือนกระดาษขาวอันมิอาจรับมืออันตรายและความลวงหลอกในโลกหล้าได้

ขณะเดียวกัน หากให้เยี่ยเหยียนมาทำแทน พวกเขาก็จะถูกจับได้ง่ายมาก เพราะผู้ที่รู้จักนางไม่ได้มีเพียงตระกูลเยี่ย แต่กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่างนิกายอำนาจเทวะและตระกูลเส้าเฮ่าก็รู้จักนางเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ หากมีผู้ใดพบนาง มันก็เท่ากับอันตรายสารพัดจะประดังเข้าใส่พวกเขา

“เป่าน้อย” เฉินซีโพล่งขึ้น

เป่าน้อยถาม “อะไรหรือ?”

“หากระหว่างทาง เราพบเหตุไม่คาดฝันใด ๆ เจ้าต้องฟังคำข้า ห้ามเข้าไปยุ่งกับศัตรูเด็ดขาดนะ” เฉินซีออกคำสั่งรัวเร็ว

เขาเป็นห่วงเป่าน้อยนัก เพราะอีกฝ่ายมีอารมณ์ร้อน โมโหง่าย ถูกศัตรูหลอกได้ง่ายยิ่ง

เฉินซีครุ่นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะสั่งการต่อไป ม่านตาของชายหนุ่มพลันหดตัว หยุดเคลื่อนไหวเฉียบพลัน

“เอ๋!”

“ดูนั่นเร็ว ใช่เจ้าเด็กนั่นหรือไม่!”

“ไล่ตามไป!”

ขณะเดียวกับที่เฉินซีหยุดฝีเท้า พลังใจร้ายกาจหลายต่อหลายสายพลันกวาดเข้ามาจากท้องนภาแสนไกล

เพราะเฉินซีมีอักขระผนึกเต๋า เขาจึงได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาทันที และตัดสินได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะมาไล่ล่าตน!

เมื่อตระหนักเช่นนี้ สายตาของเฉินซีก็เหลือบไปยังบริเวณหนึ่งซึ่งปกคลุมด้วยอำนาจวิญญาณจร ดวงตาบังเกิดประกายมาดมั่นขึ้นเฉียบพลัน

วูบ!

อึดใจต่อมา เฉินซีและเป่าน้อยก็หายลับไปจากที่ ไหวกายสู่บริเวณนอกเส้นทางอันปกคลุมด้วยอำนาจวิญญาณจรภายในกลุ่มดาววิญญาณจร

การออกนอกเส้นทางนั้นหมายถึงอันตรายหายนะ เพราะจากคำร่ำลือ ผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่พยายามเข้าสู่กลุ่มดาววิญญาณจรล้วนแทบไร้ผู้รอดชีวิตตราบกาลนาน

ทว่ายามนี้ เฉินซีไม่อาจมามัวคิดมาก

อำนาจที่เขาได้จากการใช้ระเบิดสังหารเทวะกำลังอ่อนแรง เขาเจียนตกอยู่ในสภาวะ ‘อ่อนแอ’ เต็มที จึงไม่มีเวลามาเผชิญหน้าศัตรูมากนัก

ดังนั้นการไปกบดานในกลุ่มดาววิญญาณจรจึงเป็นทางเลือกเดียวที่เขามี

ตู้ม!

หลังเฉินซีจากไปได้ไม่นาน นาวาสมบัติสีทองลำหนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาตระหง่านก็ขยี้มิติเวลาเคลื่อนมา

ขณะนี้บนเรือสมบัติมีผู้ยืนอยู่สิบกว่าคน คละเพศคละวัย ต่างผู้ล้วนแต่งกายหรูหรา มีปราณร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล

โดยเฉพาะชายชุดเขียวซึ่งเป็นผู้นำ แม้ยืนเฉยก็ให้บรรยากาศกดดันของผู้นำซึ่งมีสรรพสิ่งในกำมือ และเป็นถึงจักรพรรดิ!

“ปรากฏว่าเจ้าเด็กนั่นกลัวจนถึงขนาดหนีเข้าเขตอันตรายในกลุ่มดาววิญญาณจร ฮ่า ๆ ขี้ขลาดจริง ๆ”

“กระทั่งพบหน้าเรายังไม่กล้า เด็กนี่… น่าจะเป็นคนร้ายที่ฆ่าเยี่ยเฟิง”

“เราควรทำเช่นไร?”

“เช่นนั้นก็ปล่อยพวกเขาลงมือไปก่อนเถิด เรารอไปอีกเดี๋ยวก็ได้”

“ถูกต้อง เส้าเฮ่าไท่น่าจะยังไม่ได้ข่าวการตายของจักรพรรดิหนานตู้และบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งสิบหก มิเช่นนั้น คงไม่กระทำการบุ่มบ่ามเพียงนี้”

“รอดูกันไปก่อน ข้าสังหรณ์ว่าในเมื่ออีกฝ่ายกล้าฆ่าจักรพรรดิหนานตู้ เจ้าหนูจากเขาเทพพยากรณ์นั่นไม่มีทางธรรมดาแน่”

“ไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดาหรอก หากเจ้ารู้วีรกรรมของเขาในมิติที่สาม จะเข้าใจเองว่าเจ้าเด็กนี่ต้องเป็นไพ่ตายของเขาเทพพยากรณ์เป็นแน่ ถือเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดาไม่ได้เลย”

ห้าบุคคลนี้พิเศษอย่างยิ่ง ประกอบด้วยสามบุรุษสองสตรี ร่างของพวกเขาแต่ละคนเรืองรองด้วยอำนาจเบญจธาตุบริสุทธิ์ ดุดันอย่างเพลิง อ่อนโยนเช่นวารี คมกริบดั่งโลหะ หนักหนาเช่นพสุธา….

กระทั่งอาภรณ์ที่พวกเขาแต่ละคนสวมใส่ยังมีสีตามเบญจธาตุ เด่นชัดอย่างยิ่ง

พวกเขาคือห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายอำนาจเทวะ!

พวกเขาคือจิตวิญญาณอันก่อเกิดจากแก่นแท้เบญจธาตุ เป็นทวยเทพผู้แข็งแกร่งมาแต่กำเนิด มีอำนาจควบคุมมหาเต๋าแห่งโลหะ ไม้ น้ำ ไฟและดินตามลำดับ!

จากคำร่ำลือ เจ้านิกายอำนาจเทวะเป็นผู้พาพวกเขากลับมายังนิกายอำนาจเทวะเมื่อนานมาแล้วด้วยตนเอง และยังชี้นำพวกเขาฝึกฝน ถ่ายทอดวิชาให้พวกเขาเป็นศิษย์สายตรง ทำให้การบ่มเพาะของพวกเขาไม่เพียงเกินคาดหยั่ง สถานะในนิกายอำนาจเทวะยังสูงส่งอย่างยิ่ง เทียบได้กับปุโรหิตชุดแดงในขอบเขตจักรวรรดิ

เห็นได้ชัดว่าห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏกายเพื่อสังหารเฉินซีเช่นกัน นอกจากนั้น พวกเขายังทราบแล้วว่าการทรยศของเยี่ยเหยียนเกี่ยวพันใกล้ชิดกับเฉินซี

“เราตามพวกเขาไปกันเถอะ ฆ่าเยี่ยเหยียนนั่นเรื่องเล็ก แต่เราจะมาไม่เสียเที่ยวหากทวงคืนเหรียญทองแดงโปรยสมบัติและชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในมือเจ้าเด็กนั่นมาได้” หลังเสวนากันครู่หนึ่ง ขุนพลวิญญาณทองซึ่งเป็นผู้นำก็เอ่ยปาก เขามีผิวสีทองจาง คิ้วเฉียงเฉียบดุจกระบี่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยจิตสังหารดุร้าย ทำให้เขาดูไม่ต่างจากเทพมรณะ

วูบ! วูบ! วูบ!

กระทั่งตัวเฉินซีเองยังไม่คาดว่าเหมือนตนจะกลายเป็นเหยื่อในสายตาผู้อื่นไปเสียแล้ว และอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงเสียด้วย

ทว่าในเมื่อเขารู้ว่านาวาสมบัติสีทองลำนั้นมาไล่ล่า เฉินซีก็ตัดสินใจได้ว่าการเดินทางต่อจากนี้อันตรายสุดขั้วแน่แท้

ฟิ่ว!

สี่ชั่วยามต่อมา

เฉินซีหยุดลงบนดาวร้างดวงหนึ่งซึ่งปกคลุมด้วยอำนาจวิญญาณจร วูบไหวเข้าไปเร้นกายในถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง ณ รอยแยกช่องเขาอันดูไม่สะดุดตา

“เป่าน้อย เจ้าทำใจเย็น ๆ แล้วพิทักษ์ข้างกายข้าไปก่อน ข้าฟื้นกำลังยามใด จะพาเจ้าไปสนุกกับสารเลวพวกนั้นสักตั้งแน่นอน” เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ แล้วรีบสั่งการเป่าน้อย ขณะเดียวกัน แววตาของเขาก็เจือจิตสังหารเย็นเยียบเสียดแทงอย่างอดไม่ได้

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]