เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1787

บทที่ 1787 มหาเทพเต๋าบรรพมังกร

………………..

บทที่ 1787 มหาเทพเต๋าบรรพมังกร

ไม่ช้าเฉินซีก็พบว่าสาเหตุที่เป่าน้อยสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ล้วนมาจากดวงตาสีทองสุกสกาวของมัน

ยามที่กะพริบตา แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองก็จะเคลื่อนไหวไปมาขณะสัญลักษณ์ที่คลุมเครือลี้ลับพวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกของดวงตา พวกมันส่งเสริมซึ่งกันและกันขณะสะท้อนความพิศวงทั้งหลายประหนึ่งสามารถมองเห็นสัจธรรมฟ้าดินอันแสนวิเศษ รวมถึงความลึกลับของมหาเต๋า นับว่าน่าสะพรึงยิ่ง

นี่คือความสามารถโดยกำเนิดของวานรตาทองซึ่งว่ากันว่าเป็นเอกลักษณ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก มันสามารถมองเห็นความลึกลับของโลกผ่านดวงตาและฟังเรื่องลี้ลับจากทั่วทุกสารทิศได้ นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

แต่ถ้าลองคิดดูให้ดี แม้แต่เป่าน้อยก็ได้รับการชื่นชมที่สามารถอยู่ในอารามไท่ชูเพื่อฝึกฝนร่วมกับเทพธิดาได้ มันแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเขาเหลือเชื่อมากแค่ไหน

ซึ่งพรสวรรค์แต่กำเนิดนี้ทำให้เป่าน้อยหลบเลี่ยงอันตรายทั้งหลายได้ขณะทะยานอยู่ในกลุ่มดาวที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันตรายที่คาดเดาไม่ได้

หากผู้บ่มเพาะคนอื่นมาที่นี่ พวกเขาคงต้องเผชิญกับความยากลำบากในทุกย่างก้าว ถึงขนาดไม่กล้าเข้าสู่ส่วนลึกเพียงลำพัง

ถึงอย่างไรกลุ่มดาวแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายไร้ที่สิ้นสุดและเต็มไปด้วยภัยพิบัติธรรมชาติอันน่าสะพรึง เช่น อุกกาบาต มิติและเวลาที่แตกสลาย หลุมดำ ฝนแสงสว่างหลากสีสัน เป็นต้น หากไม่ระวัง ทั้งร่างกายและวิญญาณก็จะถึงคราวจบสิ้นเป็นแน่

เป่าน้อยแบกเฉินซีขึ้นหลังขณะทะยานออกไปประหนึ่งแสงสีทองเจิดจ้า มันพุ่งผ่านกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นก่อนจะหายไปในพริบตา

แต่หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

เป่าน้อยหยุดนิ่งขณะแสงสีทองทอประกายในดวงตา สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและลังเลราวกับตัดสินใจไม่ได้

เฉินซีตกตะลึงขณะเงยหน้ามอง จากนั้นจึงสังเกตเห็นว่ามีดาวเคราะห์ลุกเป็นไฟกำลังลอยอยู่ในท้องนภาดาราอันไกลลิบ!

พวกมันรวมตัวกันหนาแน่นจนคล้ายกับไม่มีจุดสิ้นสุด ดาวเคราะห์ทุกดวงถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวแปลกประหลาดน่าขนลุกประหนึ่งดวงไฟผี ทำเอาหัวใจของผู้คนแทบหยุดเต้น

พวกมันลอยและแผดเผาอย่างเงียบงัน เปลวเพลิงสีเขียวน่าขนลุกดังกล่าวทำให้ผืนฟ้าตกอยู่ในความเงียบสงัดประหนึ่งสุสานดารา!

ด้วยความแข็งแกร่งของเฉินซีประหนึ่งหินผา ยังอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเมื่อได้เป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์อันแปลกประหลาด ใหญ่โต และน่าขนลุกเช่นนี้

ดวงดาวนับไม่ถ้วนกำลังแผดเผาขณะเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวสาดส่องบนท้องนภา ใครเล่าจะกล้าเชื่อว่าเหตุการณ์อันน่าสะพรึงจะสามารถคงอยู่ในท้องนภาดาราอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้?

บรรยากาศอันเงียบสงัดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ผู้คนสามารถตัดสินได้ในทันทีว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายอย่างยิ่ง!

เฉินซีคิ้วขมวด ชายหนุ่มทราบดีว่าหากหันหลังกลับหรืออ้อมจากอีกฝั่งในตอนนี้ย่อมไม่ต่างการพาตัวเองเข้าสู่มือศัตรู

“ข้าก็ไม่รู้”

เป่าน้อยเกาศีรษะด้วยความหงุดหงิดยิ่ง ดวงตาสีทองของมันไม่อาจตรวจจับความลี้ลับได้ “แต่ถ้าข้ามีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตมหาราชเทวาจะต้องบอกได้อย่างแน่นอน”

“ช่างขลาดเขลาเบาปัญญานัก นี่คือแดนเต๋าซึ่งเต็มไปด้วยปราณทัณฑ์ ไม่ว่าลิงเช่นเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน เกรงว่าก็คงไม่สามารถมองความลี้ลับดังกล่าวได้”

ทันใดนั้น น้ำเสียงเย้ยหยันอันเกียจคร้านก็ดังขึ้น

เหล่าไป๋!

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้าน ชายหนุ่มพลันตระหนักได้ว่าเหล่าไป๋ได้สติจากการปิดด่านแล้ว

“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ ปลดปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!”

เหล่าไป๋ออกคำสั่งด้วยความหยิ่งทะนง

นับตั้งแต่ได้รับชิ้นส่วนกระดูกต้นกำเนิดของจ้าววิญญาณอาถรรพ์ เมื่อห้าปีก่อน เจ้าวิหคเฒ่าตัวนี้ก็เหมือนกับถูกสิง มันอยู่ภายในร่างของเฉินซีเพื่อทำการศึกษาสมบัติชิ้นนี้จนลืมวิธีการนอน การกิน ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

มันไม่แม้แต่ตอบรับคำเรียกของเฉินซีด้วยซ้ำ

แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะได้สติในตอนนี้ก่อนจะกลับมามีสีหน้าหยิ่งทะนงอันภาคภูมิอีกครั้ง

ตอนนี้เฉินซีไม่คิดจะล้อเล่นกับเหล่าไป๋ ดังนั้นเขาจึงรีบเข้าประเด็นทันที “เจ้าบอกว่าที่นี่คือแดนเต๋างั้นหรือ?”

เหล่าไป๋ไม่พอใจกับความหยาบคายของเฉินซี มันจึงผละออกจากมือของอีกฝ่ายก่อนจะยืดหน้าอกแล้วเอ่ยคำอย่างสงบ “ผิดแล้ว นี่คือแดนเต๋าซึ่งเต็มไปด้วยปราณทัณฑ์ต่างหาก!”

“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”

เฉินซีคิ้วขมวด

“สหายตัวน้อย เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ นี่คือสถานที่ที่มหาเทพเต๋าประสบกับภัยพิบัติ หลังจากถึงแก่ความตาย ปราณทัณฑ์ยังคงอบอวลอยู่บนร่างกายเพื่อกัดกร่อนแดนเต๋าที่ควบคุมตอนยังมีชีวิตอยู่”

เหล่าไป๋ถอนหายใจ “แต่พอมาคิดอีกที เจ้าไม่เคยเห็นมหาเทพเต๋าประสบกับภัยพิบัติมาก่อน เพราะงั้นเจ้าถึงไม่เข้าใจฉากตรงหน้านี้!”

มหาเทพเต๋าประสบกับการลงทัณฑ์!

เพียงพริบตา เฉินซีก็นึกถึงข่าวลือที่เยี่ยเหยียนเคยเล่าให้ฟัง

เมื่อนานมาแล้ว เดิมทีกลุ่มดาววิญญาณจรคือดินแดนการบ่มเพาะอันบริสุทธิ์ ทว่าเมื่อตัวตนสูงสุดขอบเขตมหาเทพเต๋าประสบกับภัยพิบัติ ดินแดนแห่งนี้จึงได้รับผลกระทบเช่นกัน มันถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายก่อนถูกละทิ้งอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นสถานที่อันตรายยิ่ง

เดิมทีเฉินซีคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ แต่หลังจากเหล่าไป๋เอ่ยเช่นนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเป็นความจริง!

เหล่าไป๋อดไม่ได้ที่จะย้ำเตือนเมื่อเห็นเฉินซีกำลังจะลงมือ “หากข้าเดาไม่ผิด แดนเต๋านี้คือผู้พิทักษ์ระดับหนึ่ง มันคือสุสานของมหาเทพเต๋าผู้ล่วงลับ!”

เฉินซีตกตะลึง เมื่อกำลังจะสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้น ความคิดอันน่าสะพรึงก็พุ่งตรงมาจากด้านหลัง

แย่แล้ว!

เฉินซีหรี่ตาขณะตะโกนเสียงต่ำ “เป่าน้อย รีบลงมือ!”

เขาแทบไม่จำเป็นต้องเตือนซ้ำเพราะเป่าน้อยตื่นตัวอยู่ก่อนแล้ว มันกระโจนเข้าสู่แดนเต๋าลี้ลับซึ่งเต็มไปด้วยปราณทัณฑ์ขณะแบกเฉินซีเอาไว้บนแผ่นหลัง

ครืนน!

ทันทีที่พวกเขาจากไป มิติและเวลาที่พวกเขาเคยอยู่ก็ระเบิดและพังทลายไม่มีชิ้นดีราวกับหลุมดำในท้องนภาดารา มันช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก

หากพวกเฉินซีจากไปช้ากว่านี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวย่อมมากพอจะทำให้พวกเขาประสบกับหายนะ

“เหอะ! สหายตัวน้อย ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะดิ้นรนไปได้สักกี่น้ำ”

แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างอันโอ่อ่าของจักรพรรดิไท่จิ้งก็ปรากฏขึ้น ดวงตารียาวประหนึ่งคมดาบทิ่มแทงพร้อมสายฟ้าอันเย็นเยือกขณะตรวจสอบไกลออกไป

แต่เพียงชั่วขณะ สีหน้าของเขาก็หมองหม่นขณะเอ่ยคำด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน… หรือว่าจะเป็นแดนเต๋าวรุณจินดาในตำนาน?”

ดวงดาวแผดเผาดวงแล้วดวงเล่า แล้วเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวก็ปกคลุมอากาศธาตุประหนึ่งดวงไฟผีในส่วนลึกของผืนฟ้า เผยให้เห็นฉากลึกลับอันยิ่งใหญ่ประหนึ่งสุสานท้องนภาดารา

บรรยากาศเงียบสงัดและลึกลับ ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น

ด้วยประสบการณ์และความรู้ของจักรพรรดิไท่จิ้ง เห็นได้ชัดว่าเผ่าบรรพมังกรซึ่งเป็นเทพโดยกำเนิดที่เกิดจากความโกลาหลเคยอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว

แต่ภายหลัง มังกรบรรพชนผู้ไปถึงขอบเขตมหาเทพเต๋าไม่อาจก้าวข้ามทัณฑ์ได้สำเร็จก่อนจะล่วงลับไป ซึ่งดินแดนบริสุทธิ์ที่เชื้อสายของพวกมันเคยอยู่อาศัยกลายเป็นซากปรักหักพังอันแสนอันตรายที่ปรากฏตรงหน้า

แต่เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิไท่จิ้งเพิ่งมาสถานที่อันตรายเช่นนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเห็นแดนเต๋าถูกปกคลุมด้วยปราณทัณฑ์ต่อหน้า ในที่สุดเขาก็ทราบว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นความจริง

“แดนเต๋าวรุณจินดา สุสานที่ฝังศพของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร… หากเรื่องนี้เป็นความจริง ดูท่าว่าข่าวลือเกี่ยวกับวาสนาสูงสุดที่ซ่อนอยู่ที่นี่ก็คง…”

ตอนนี้เองที่จักรพรรดิไท่จิ้งนึกขึ้นได้ว่าผู้บ่มเพาะทรงพลังทั้งหลายมาที่กลุ่มดาววิญญาณจรเมื่ออดีตกาลก็เพื่อสำรวจวาสนาสูงสุด แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่มีใครทำสำเร็จ

ซึ่งวาสนาสูงสุดนี้ก็ค่อยถูกลืมเลือนไปจากโลกผ่านกาลเวลา…

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]