เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1806

บทที่ 1806 คู่รักคู่กัด

………………..

บทที่ 1806 คู่รักคู่กัด

ชายผู้นี้สวมอาภรณ์ดำ รูปร่างสูงสง่า เรือนผมยาวสีดำเคลียบ่า ผิวพรรณกระจ่างขาว ใบหน้าคมเข้มดุจบรรจงสลัก หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะดวงตานั้นดุจม่านรัตติกาลอนันต์ มอบความรู้สึกสงบ เก่าแก่ และเฉยเมย

เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกอหังการสะท้านโลกา ทว่าดูสุดแสนเรียบง่ายธรรมดา นอกจากนั้นทั่วร่างยังเต็มไปด้วยบรรยากาศหวนสู่สามัญเช่นมหาเต๋า

เฉินซีจำคนผู้นี้ได้ และยังประทับใจอย่างลึกล้ำ เขาเคยพบอีกฝ่ายในเทศกาลหลินหลางเป่า เฉินซีเคยเลือกซื้อศิลาระลอกทองชิ้นหนึ่งจากแผงลอย แต่ก็ขายต่อให้ชายหนุ่มชุดดำผู้นี้ไปแทบจะทันที

ไม่คาดคิดเลยว่าตนจะได้มาพบชายผู้นี้อีกครั้งในท้องนภาพร่างพราวไร้ขอบเขต ณ ปัจจุบัน

นอกจากนั้น ชายผู้นี้ยังมีสภาพเละเทะเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังหลบหนีบางอย่าง

“สหายเต๋าจำข้าได้หรือ?” ชายชุดดำสังเกตเห็นการเปลี่ยนสีหน้าของเฉินซีอย่างเฉียบคม และอดผงะไปไม่ได้ ดวงตาพลันบังเกิดคลื่นประหลาด ดุจม่านรัตติกาลสะท้อนขึ้นในดวงตา

หลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็เรืองโรจน์ ระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ! ที่แท้ก็เป็นเจ้า! โลกช่างกลมเสียจริง! หลังรีบร้อนลาจากเมื่อหลายปีก่อน มิคาดเลยว่าเราจะมาพบกันอีกที่นี่ โชคชะตาช่างอัศจรรย์ ลึกล้ำเกินบรรยายแท้ ๆ”

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้มีสุดยอดวิชาบางอย่างซึ่งสามารถมองทะลุสรรพมายาได้!

“บังเอิญจริง ๆ” เฉินซีคืนความเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว พลางพยักหน้ารับ “เจ้าถูกผู้อื่นไล่ล่าหมายชีวิตหรือ?”

ชายชุดดำหุบยิ้มไปทันที ก่อนจะถอนหายใจด้วยสีหน้าหนักใจ “ห่างไกลกว่านั้นนัก แค่หญิงบ้าที่ไม่ปล่อยข้าอยู่ลำพังน่ะ ตีเสียก็ไม่หยุด ไล่ก็ไม่ไป ตามหลอกหลอนเป็นผีสาง น่าปวดหัวจริง ๆ”

เฉินซีผงะ ไม่คาดคิดว่าชายชุดดำจะให้เหตุผลเช่นนี้

ชายชุดดำเหมือนพบคนให้เปิดอกระบาย จึงบ่นไม่หยุด “สหายเต๋า บอกข้าที ความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ยัดเยียดให้กันได้ด้วยหรือ? หญิงบ้าผู้นั้นใช้ข้อตกลงแต่งงานที่ญาติผู้ใหญ่คุยกันไว้เป็นกฎศักดิ์สิทธิ์ ไล่เซ้าซี้ข้าให้แต่งกับนาง แต่ชั่วชีวิตนี้ข้าไร้ความคิดออกเรือน! แต่นางก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่จะทำตามข้อตกลงแต่งงานสถานเดียว นางช่าง… ช่างเป็นหญิงบ้าไร้เหตุผลสิ้นดี!”

เฉินซีผงะจังงัง ข้อตกลงแต่งงานอีกแล้วหรือ? แต่จากสถานการณ์ คนผู้นี้เหมือนจะถูกบีบให้ต้องหนี….

“เพื่อที่จะแต่งงานกับข้า นางถึงขนาดบุกถึงตระกูลข้า เหมือนจะสาบานไม่ยอมหยุดจนกว่าจะสัมฤทธิ์หวัง น่าหงุดหงิดจริง ๆ!” เขายิ่งพูดยิ่งหัวเสีย เสียงเต็มไปด้วยความจนใจ

“หลังจากนั้น ข้าก็ได้แต่หนี จะให้ทำเช่นไร กระทั่งตระกูลข้ายังยอมรับการกระทำของหญิงบ้านั่น หากข้ายังไม่เผ่น ก็คงสายไปจริงแท้” ชายชุดดำไหวไหล่ ท่าที่สุดแสนห่อเหี่ยว

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาพลันเลิกคิ้ว เหมือนสังเกตเห็นบางสิ่ง ทำให้สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวไม่น่าดู ข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เวรแล้ว! หญิงบ้าผู้นั้นตามมาอีกแล้ว! สหายเต๋า เจ้าต้องช่วยข้านะ หากหญิงบ้าผู้นั้นมา ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นที ข้าพ้นหายนะนี้มาได้ เราค่อยคุยกันดี ๆ”

เขาพูดรัวลิ้นเร็วจี๋ การกระทำหาชักช้าไม่ ว่าแล้ว ร่างก็แปรเป็นลำแสงอันดูราวม่านรัตติกาล พุ่งพลิ้วหายไปอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตา กระทั่งเฉินซียังไม่อาจสัมผัสการมีอยู่ของเขาได้ ราวทุกร่องรอยและเสี้ยวปราณสลายหาย สิ้นในอากาศธาตุ

วิชาอำพรางกายเช่นนี้ กล่าวได้ว่าน่าตกตะลึงยิ่งนัก!

แต่โชคยังดี เพียงอึดใจต่อมา อักขระผนึกเต๋าของเฉินซีก็สัมผัสคลื่นพลังคลุมเครือแผ่วบางในบริเวณข้าง ๆ ได้ ตรวจจับยากเย็นยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเขาก็คือชายชุดดำ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีผ่อนหายใจโล่งอก เพราะหากคนผู้นี้คิดทำร้ายเขา เช่นนั้นอย่างน้อยที่สุด เฉินซีจะได้ไม่ถูกวิชาอำพรางกายของคนผู้นี้เล่นงานทีเผลอได้

ทันใดนั้น กลิ่นหอมเย็นเช่นน้ำแข็ง แผ่วบางเช่นน้ำหอมก็ลอยมาในอากาศ ชวนให้วิญญาณสดชื่น

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านในพริบตา

“สหายเต๋าท่านนี้ เห็นชายชุดดำผู้หนึ่งผ่านมาหรือไม่?” ขณะเดียวกัน หนึ่งร่างผอมเพรียวงามสง่าก้าวขึ้นบนเรือสมบัติ มาถึงท้องเรืออย่างรวดเร็ว นับแต่เริ่มจนบัดนี้ นางมาโดยไม่รับเชิญ ไม่ได้ขออนุญาตเฉินซีแม้เพียงครึ่งคำ

เฉินซีเห็นแล้วก็อดขมวดคิ้วมิได้ ชายหนุ่มหันไปมอง และพบหญิงชุดขาวผู้มีท่าทีสง่างามนางหนึ่ง ดูราวอยู่เหนือโลกหล้า เตรียมบรรลุสู่สวรรค์ชั้นเก้า

นางมีรูปลักษณ์งดงามอย่างยิ่ง เรือนผมดำขลับทิ้งตัวเช่นน้ำตก ริมฝีปากชุ่มชื้นแดงเรื่อ ใบหน้าสะสวยดุจรูปวาด งามดุจมาจากคนละโลกภูมิ วางตัวสง่างามไร้ที่ติชวนลืมหายใจ

“เจ้า… ถูกไล่ล่าเอาชีวิตหรือ?” ชายชุดดำดูตกตะลึงเล็กน้อย

“เย่เฉิน! ป่านนี้แล้ว เจ้ายังมีเวลามาสนใจกงการของผู้อื่นอยู่หรือ? หนนี้ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะซ่อนไปได้อีกนานเพียงไรกัน!” ก่อนที่เฉินซีจะได้ตอบเย่เฉิน ร่างของสตรีชุดขาวก็วูบไหวเป็นลำแสงพุ่งออกจากเรือสมบัติ

“เสวี่ยฉิงเกอ! เจ้ามันหญิงบ้าดื้อด้าน! ไร้ผู้ใดในหล้าบังคับผู้อื่นแต่งงานเช่นเจ้า! บ้าเอ๊ย! สมควรตายจริง ๆ!”

“บุพการีเราและพ่อชักแม่สื่อเป็นผู้กำหนด หากเจ้าเป็นชาย ก็กลับไปกับข้า!”

“น่าขัน! เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาพูดว่าคุณชายผู้นี้เป็นชายหรือไม่?”

“ในความคิดข้า เจ้าสิ้นความคู่ควรกับคำว่า ‘ชาย’ นับแต่หนีการแต่งงานนี้มาแล้ว”

“จ… จ… เจ้า!” เสียงทะเลาะล้งเล้งดันสนั่นท้องนภาพร่างพราว คลอไปกับเสียงการต่อสู้เลื่อนลั่น ดูอลหม่านอลเวงยิ่ง

เมื่อเฉินซีเดินออกมาจากเรือสมบัติ เขาก็พบคู่ชายหญิงไล่ล่าต่อสู้กันไปทั่วท้องนภา พวกเขาดูเหมือนศัตรูไม่อยู่ร่วมฟ้า เหตุการณ์นี้ทำให้เฉินซีตะลึงอึ้ง

ยามเฉินซีอยู่ในเทศกาลหลินหลางเป่า เขาได้ยินว่าเย่เฉินและตัวตนเกินธรรมดาอีกหนึ่งคน อวี๋จิ่วเยว่ได้พากันบรรลุสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล นอกจากนั้น ยังสร้างปรากฏการณ์อลังการอย่างยิ่งในฟ้าดินยามเคลื่อนขอบเขต ชั่วขณะนั้น พวกเขากลายเป็นหัวข้อสนทนาอันรุ่มร้อนที่สุดไปทั่วแดนเทพโบราณ

แต่เฉินซีไม่คาดคิดเลย ว่าเย่เฉินนั้นจะเป็นชายชุดดำผู้หนีงานแต่งตรงหน้า และอดรู้สึกขบขันเล็กน้อยไม่ได้

ส่วนสตรีนามเสวี่ยฉิงเกอผู้นี้ เฉินซีไม่เคยได้ยินชื่อนางมาก่อน แต่จากการที่นางสามารถไล่ล่าเย่เฉินจนอยู่ในสภาพดูไม่จืดได้เช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

“อ๊าก!!! ว้าก! โว้ย!!! ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!” ทันใดนั้น เย่เฉินซึ่งสู้อยู่แสนไกลในท้องนภาพร่างพราวพลันส่งเสียงร้องอย่างอดสูระคนเดือดดาล แล้วร่างก็วูบไหวเผ่นหนีไป

“เฉินซี! อีกไม่นานการถกวิถีเต๋าของห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิจะเปิดฉาก เจ้าคนน่ารังเกียจ เจ้าต้องมานะ! จำไว้! คุณชายผู้นี้อยากสู้กับเจ้ามานานแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง!” เสียงของเขาแว่วมาไกล ๆ และทำให้เฉินซีอดผงไปไม่ได้ การถกวิถีเต๋าอันนำโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ?

“เจ้ายังมีอารมณ์มาคิดเรื่องเช่นนี้อีก น่าชิงชังนัก! หากเจ้าไม่ทำตามข้อตกลงแต่งงาน เรื่องอื่นก็ฝันไปเถอะ!” เสียงเย็นเยือกของเสวี่ยฉิงเกอดังตามมา ขณะที่ร่างพุ่งตามเย่เฉินหายลับไปในท้องนภาพร่างพราว

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]