บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 183

บทที่ 183 ออกจากช่องเขา

บทที่ 183 ออกจากช่องเขา

“ท่านพี่จวิน เจ้าหนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ อีกทั้งยังทำลายแผนการของเราอีก เราควรทำอย่างไรต่อไปดี? เรายังคงจะฆ่าถันไถจื่อเซวียนอยู่หรือไม่?” การส่งเสียงผ่านกระแสปราณของเซี่ยวจวินเผยให้เห็นร่องรอยความหวาดกลัว

“ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ท่านพ่อของข้าและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ กำลังรอซุ่มโจมตีอยู่ที่ด้านนอกของช่องเขาเมฆามรกต และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ในเวลานั้นพวกเขาจะฆ่าเจ้าหนุ่มคนนี้เช่นกัน” ใบหน้าของหานเหวินจวินมืดมนถึงขีดสุด และขณะที่เขานึกถึงท่าทางหวาดกลัวเฉินซีจนปัสสาวะราดตัวเองก่อนหน้านี้ ความรู้สึกอับอายอย่างรุนแรงก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวใจของเขา เขาไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่เขายังเด็ก อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ยังเจ็บปวดยิ่งกว่าการฆ่าตัวตายเสียอีก

“พี่จวินยังมีแผนสำรองอยู่หรือ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เมื่อนังจื่อเซวียนออกไปจากช่องเขาเมฆามรกต จะเป็นช่วงเวลาที่นางจะต้องตาย และจากนั้นข้าก็ไม่ต้องคอยรับใช้เคียงข้างนางอีกต่อไป” เซี่ยวจวินมองไปที่ หานเหวินจวินด้วยการแสดงความรัก และการจ้องมองของนางก็เป็นดั่งน้ำผึ้งขณะที่นางพูดด้วยความหลงใหล “เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะอยู่เคียงข้างและรับใช้พี่จวินไปตลอดชีวิต”

“เอาล่ะ แล้วเราค่อยมาคุยกันหลังจากที่เราจัดการเรื่องนี้แล้ว ตราบใดที่ข้าสามารถยึดตราคำสั่งเมฆามรกตมาได้ ทุกสิ่งภายในแดนสมบัตินี้จะกลายเป็นทรัพย์สินของตระกูลหาน และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นการล่มสลายครั้งใหญ่ของตระกูลถันไถ ดังนั้นการคว้าโอกาสนี้เพื่อกลืนกินตระกูลถันไถอย่างสมบูรณ์ จะทำให้ตระกูลหานของข้าสามารถครองเมืองห้วงทะเลทรายมรณะ และอยู่เหนือกว่ากองกำลังทั้งหมดในเมือง” ยิ่งหานเหวินจวินพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะจินตนาการถึงฉากที่ตระกูลถันไถถูกทำลายล้างแล้ว

“แต่ท่านพี่จวิน บิดาของนังจื่อเซวียนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจุติ ข้าได้ยินมาว่าเขาอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะตลอดหลายปีมานี้ เพื่อเป้าหมายในการบรรลุขอบเขตจุติ หากถ้าเขารู้ว่าพวกเราฆ่าบุตรสาวของเขา…”

ก่อนที่เซี่ยวจวินจะกล่าวจบ หานเหวินจวินก็หัวเราะอย่างเย็นชาและขัดจังหวะนาง “ขอบเขตกึ่งจุติอย่างนั้นหรือ? ฮึ่ม! เขาก็ยังไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติในท้ายที่สุดอยู่ดี และไม่ต้องกล่าวถึงถันไถหง เจ้าคนโง่เขลาผู้นั้นที่น่าจะตายไปแล้ว”

“ท่านว่าอะไรนะ?” รูม่านตาของเซี่ยวจวินหดตัวลงอย่างกะทันหัน

“ฮึ่ม! มีอะไรให้แปลกใจ? ถ้าหากเราไม่ฆ่าเจ้าเฒ่าคนนั้นไปแล้ว เราจะกล้าฆ่าจื่อเซวียนในตอนนี้หรือไร” หานเหวินจวินหัวเราะอย่างพึงพอใจขณะมองไปยังเซี่ยวจวินซึ่งกำลังตกใจ และจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ท่านพี่จวิน บอกข้าได้ไหมว่าท่านทำได้อย่างไร? ถันไถหงเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจุติและเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองห้วงทะเลทรายมรณะที่ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินมานานแล้ว” เซี่ยวจวินกล่าวพร้อมกับสายตาที่ลุกโชนราวกับเปลวไฟ เพราะนางรู้เกี่ยวกับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของหานเหวินจวินเป็นอย่างดี คนเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรกับถันไถหงได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งของพวกเขาเอง ดังนั้นการที่พวกเขาฆ่าถันไถหงได้สำเร็จ มันย่อมหมายความว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการขอความช่วยเหลือจากกองกำลังภายนอกที่น่าเกรงขามอย่างแน่นอน แต่นางไม่แน่ใจว่าความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นมาจากกองกำลังที่นางรู้จักหรือไม่

“สิ่งนี้… เจ้าจะรู้เองในอนาคต” หานเหวินจวินตอบด้วยรอยยิ้ม

สายตาของเซี่ยวจวินสั่นไหว แต่นางก็หัวเราะอย่างเย็นชาในใจ ราวกับว่านางรู้มาตั้งนานแล้วว่าหานเหวินจวินจะตอบกลับเช่นนี้

ในขณะนี้ ถันไถจื่อเซวียนและเฉินซีได้พูดคุยจนพอใจแล้ว และนางก็โบกมือให้กับผู้คุ้มกันขอบเขตเคหาทองคำทั้งสิบกว่าคน ก่อนจะเดินไปที่ด้านนอกของช่องเขาเมฆามรกต

ช่องเขาเมฆามรกตมีขนาดใหญ่มาก ประกอบกับม่านพลังข้อจำกัดที่ปกคลุมโดยรอบ มีเพียงถันไถจื่อเซวียนที่มีตราคำสั่งเมฆามรกตเท่านั้นที่สามารถนำทุกคนออกไปได้

เฉินซีเดินตามหลังกลุ่มของถันไถจื่อเซวียน และตลอดทาง เขาก็พบว่าคนเหล่านี้ล้วนมาจากเมืองห้วงทะเลทรายมรณะ ยกเว้นชายหนุ่มในชุดขาว หานเหวินจวินแล้ว ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำทั้งสิบกว่าคนล้วนเป็นผู้คุ้มกันของตระกูลถันไถ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้คุ้มกันของตระกูลนี้มีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเคหาทองคำแล้ว อาจถือได้ว่ากองกำลังดังกล่าวเหนือกว่ากองกำลังทั้งหมดของเมืองหมอกสนอย่างสิ้นเชิง

หญิงสาวที่ชื่อเซี่ยวจวิน ซึ่งเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของถันไถจื่อเซวียนนั้น เฉินซีไม่แน่ใจว่ามันเป็นความเข้าใจผิดของเขาเองหรือเปล่า แต่เฉินซีก็ยังคงรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ดูแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย และกลิ่นอายที่นางปล่อยออกมานั้นกลับรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก

“เฉินซี เจ้าไม่ได้สังเกตหรือว่ากลิ่นอายของหญิงสาวคนนี้ผิดปกติเล็กน้อย” หลิงไป๋พูดผ่านกระแสปราณว่า “หรือว่าเจ้าลืมศิษย์ทั้งสามสิบสองคนของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ที่เจ้าได้สังหารขณะเข้าร่วมการจัดอันดับมังกรซ่อนไปแล้ว?”

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านและเขาก็ตระหนักได้ในทันที กลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากเซี่ยวจวิน มีความคล้ายคลึงกับคนเหล่านั้นเป็นอย่างมาก และมีร่องรอยของกลิ่นอายที่มืดมนและแปดเปื้อนเลือดอยู่จาง ๆ

นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตนั้น ครั้งหนึ่งเคยก่อให้เกิดฝนเลือดไปทั่วทั้งราชวงศ์ซ่งเมื่อสามพันปีก่อน และตั้งใจที่จะรุกรานสวรรค์และโลก เพื่อเป็นผู้ปกครองอาณาเขตทั้งหมดของราชวงศ์ซ่ง ในเวลานั้น นิกาย อสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตมีผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีที่น่าเกรงขามถึงสามสิบหกคน และศิษย์ภายใต้นิกายของพวกเขามีจำนวนนับล้าน หากไม่ใช่เพราะในเวลานั้น จักรพรรดิซ่งได้รวบรวมผู้บ่มเพาะทั้งหมดในราชวงศ์ซ่ง ในตอนนี้อาจกลายเป็นสวรรค์และโลกของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตไปแล้ว!

เมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจร เฉินซีได้เห็นกับตาตัวเองว่าครั้งหนึ่งมีการพูดถึงการปรากฏขึ้นอีกครั้งของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ใบหน้าของผู้นำตระกูลตู้ ผู้นำตระกูลซ่ง ผู้นำตระกูลต้วนมู่ และบรรพจารย์ใหญ่เหวินเสวี่ยนต่างก็มืดมนและการแสดงออกของพวกเขาก็รุนแรงและจริงจัง ดังนั้นความน่าสะพรึงกลัวของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตจึงสามารถเห็นได้จากสิ่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขากลับฆ่าศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตทั้งสามสิบสองคนในระหว่างการจัดอันดับมังกรซ่อน และทำลายแผนการที่จะพิชิตเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ของพวกมัน จึงอาจสรุปได้ว่าเขาทำให้นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตขุ่นเคืองโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้ เมื่อเขาคาดเดาว่าเซี่ยวจวินอาจเป็นศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต หัวใจของเฉินซีก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “เราควรแจ้งให้คนอื่นทราบหรือไม่”

“ฮ่า ๆ ยังไม่ถึงเวลาหรอกเฉินซี เจ้าต้องคอยระวังตัว อาจมีฐานทัพของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตตั้งอยู่ในเมืองห้วงทะเลทรายมรณะนี้ก็เป็นได้” หลิงไป๋กล่าวอย่างขบขัน

เฉินซีจะมีอารมณ์มากล่าวเรื่องไร้สาระกับหลิงไป๋ได้อย่างไร? เขาเพียงอยากรู้เท่านั้น ถ้าเซี่ยวจวินเป็นศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตจริง แล้วเหตุใดนางถึงต้องซ่อนตัวอยู่ข้างถันไถจื่อเซวียน? หรือว่านางกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่?

ไม่นานหลังจากนั้น กำแพงหินสีดำสนิทที่สูงร้อยยี่สิบจั้ง และมีความยาวที่ทอดออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ก็ตั้งอยู่ที่เบื้องหน้าของทุกคน

เฉินซีสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีอำนาจข้อจำกัดบนกำแพงหินสีดำสนิทนี้อยู่หนาแน่น มันเหมือนกับเส้นเลือดบนต้นไม้และเมล็ดข้าวบนก้อนหิน เกาะแน่นหนาอยู่ทุกพื้นที่ และมันก็ปล่อยกลิ่นอายที่คลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ก็เผยให้เห็นมวลพลังที่ทำให้ใจของผู้คนต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัว ด้วยความรู้เกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระของเฉินซีในปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะสามารถแยกแยะได้ว่าการสร้างข้อจำกัดนี้มันต้องใช้ทักษะเลิศล้ำเพียงใด แต่ความสามารถของเขาก็ยังห่างไกลจากสร้างมันขึ้นมาอยู่ดี

“ในที่สุดเราก็ออกมาได้แล้ว” จื่อเซวียนยิ้มบาง ๆ นางถือตราคำสั่งที่มีสีเขียวขจีขณะที่นางโบกมือไป พลันมีลำแสงสีเขียวหมุนรอบตัวนางก่อนจะเปิดประตูที่นำไปสู่ด้านนอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]