เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1839

บทที่ 1839 มาที่นี่เพราะเขา

………………..

บทที่ 1839 มาที่นี่เพราะเขา

เมื่อสิ้นคำ เหลิ่งซิงหุนก็เบือนหน้าไปมองเล่ยฟู่ ก่อนจะกล่าว “ท่านอาจารย์อา เราไปกันเถอะ”

ในขณะที่เล่ยฝูกำลังจะกล่าว ทันใดนั้น พลันบังเกิดเสียงหนึ่งดังก้องออกมาจากนอกห้องโถงอีกครั้ง มันทำให้เขาต้องหุบปากทันที

ในขณะนี้ ทุกคนในห้องโถงล้วนตกตะลึง มีคนมาอีกหรือ?

ผู้คนต่างเพ่งสายตาจ้องมองติดต่อกัน

“สหายเต๋าหลินเหิง อย่าได้กังวล การที่สำนักศักดิ์สิทธิ์ของข้ามาที่นี่ครั้งนี้ เพียงเพื่อมาเยี่ยมเยียนเหล่าสหายเต๋าจากเขาเทพพยากรณ์เท่านั้น”

“ เนื่องจากสหายเต๋าฉือซงจื่อได้ถือวาจาดังกล่าวแล้ว ดังนั้นเชิญ” พร้อมกับเสียงนี้ ร่างกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นนอกห้องโถง

บุคคลที่เป็นผู้นำคือชายชราในชุดคลุมสีเทา เขามีท่าทางที่มั่นคง และเป็นอาจารย์อาวุโสของสำนักเต๋าที่มีนามว่าหลินเหิง

ที่ด้านข้างของหลินเหิงคือฉือซงจื่อ อาจารย์อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำ มีผมสีเทาและท่าทางที่ไม่แยแสซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายห้าวหาญ!

“ฉือซงจื่อแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์!”

ทันใดนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มจากนิกายอำนาจเทวะ หรือกลุ่มจากเขาเทพพยากรณ์ ทั้งหมดต่างก็จำผู้ที่มาใหม่ได้

ศิษย์นิกายอำนาจเทวะล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันไป ในขณะที่ท่าทางของเหล่าศิษย์เขาเทพพยากรณ์กลายเป็นเย็นชาและไม่แยแส

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงจักรพรรดิหรงสวินเท่านั้นที่พร่ำบ่นในใจด้วยความขมขื่น ทั้งที่นิกายอำนาจเทวะเพิ่งมาถึง แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงหลังจากนั้น วันนี้จะเกิดอันใดขึ้น?

เขาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปที่จักรพรรดิอิ่งฉิน แต่กลับเห็นอีกฝ่ายส่ายศีรษะเบา ๆ เป็นเชิงว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดสำนักศักดิ์สิทธิ์ถึงมาถึงกะทันหันเช่นนี้

สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิหรงสวินรู้สึกระแวดระวังในใจมากขึ้น เขารู้สึกคลุมเครือ ว่าเรื่องราวในวันไม่ชอบมาพากล อาจเป็นไปได้ว่านิกายอำนาจเทวะกับสำนักศักดิ์สิทธิ์อาจติดต่อกันอย่างลับ ๆ

“โอ้ ช่างบังเอิญแท้! นิกายอำนาจเทวะมาถึงก่อนเราหนึ่งก้าวหรือนี่”

ในขณะเดียวกัน ฉือซงจื่อและคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นพวกเล่ยฝูที่ยืนอยู่ในห้องโถง ดังนั้นจึงอดที่จะทักทายอีกฝ่ายมิได้

“ฮ่า ฮ่า! สหายเต๋าฉือซงจื่อ ไม่พบกันเสียนาน” เล่ยฝูแผดหัวร่อดังสนั่น

แม้แต่จักรพรรดิหรงสวินซึ่งเป็นเจ้าภาพก็ไม่สามารถทนต่อท่าทีเช่นนี้ได้เล็กน้อย เขาขมวดคิ้วพลางถอนใจ ก่อนที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มกับเหวินถิง “สหายเต๋าเหวินถิง โปรดอภัยให้ข้าสำหรับเหตุการณ์นี้ด้วย”

เหวินถิงกล่าวอย่างเฉยเมย “สำนักเต๋าของเจ้าไม่ได้จัดเตรียมการอย่างเหมาะสม แต่เจ้าขอให้เขาเทพพยากรณ์ของข้าให้อภัย ข้าเกรงว่าจะไม่ได้”

น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นความไม่พอใจเล็กน้อย และทำให้สีหน้าของจักรพรรดิหรงสวินแข็งทื่อ ในขณะที่เขารู้สึกขุ่นเคืองอย่างยิ่งในใจ อิ่งฉินและหลินเหิงไม่ควรทำเช่นนี้จริง ๆ ไยพวกเขาถึงนำนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่?

เขาตัดสินใจแล้วว่า เมื่อเรื่องทั้งหมดนี้จบลง เขาจะรายงานเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้กับอาจารย์อาวุโสไฮว่คงจื่อทราบอย่างแน่นอน

ไฮว่คงจื่อถูกมอบหมายให้เป็นประธานในการถกวิถีเต๋า และเขาต้องทราบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่!

ทันใดนั้น เหวินถิงพลันลุกขึ้นยืน แล้วจึงมองไปที่บรรดาศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะกล่าวอย่างเฉยเมย “นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะคึกคักขนาดนี้ และพวกที่ไม่ควรมา ก็ยังโผล่มาที่นี่ด้วย”

เพียงแค่วาจานี้ ทำให้เล่ยฝูและฉือซงจื่อที่กำลังสนทนากัน หันไปมองเหวินถิงเป็นตาเดียว

บรรยากาศในห้องโถงกลายเป็นเงียบสนิทอย่างฉับพลัน

‘พวกที่ไม่ควรมาก็โผล่มาที่นี่แล้ว’ วาจาเหล่านี้ตรงไปตรงมาเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเหวินถิงเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม ท่าทางของนางยังคงสงบและไม่แยแส ทั้งไม่มีร่องรอยผันผวนในน้ำเสียงของนางเลย “ฉือซงจื่อ ไหนบอกสิ ไยพวกเจ้าทุกคนถึงมาที่นี่?”

ฉือซงจื่อขมวดคิ้วและกล่าวว่า “สหายเต๋าเหวินถิง นี่คงไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อแขกของเจ้ากระมัง?”

ใบหน้าของเหวินถิงยังคงไร้อารมณ์ ขณะที่นางกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่สหายของเจ้า และสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่สหายของเขาเทพพยากรณ์ของข้า อย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองนัก”

ใบหน้าของฉือซงจื่อแข็งทื่อ และดวงตาทอประกายเย็นชา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหวินถิงอย่าได้มีโทสะ การถกวิถีเต๋ายังไม่เริ่มขึ้น โกรธตอนนี้เกรงว่าเร็วเกินไปนัก”

เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ที่เรามาที่นี่ในครั้งนี้ เนื่องเพราะเราได้ข่าวว่าเขาเทพพยากรณ์ของเจ้ามีศิษย์เอกคนใหม่ ล่ำลือกันว่าเป็นศิษย์น้องของอู๋เซวี่ยฉานที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ข้าจึงอยากยลโฉมเป็นบุญตา”

เป็นอีกกลุ่มที่มาที่นี่เพราะเฉินซี!

กู่เยี่ยน ฮวาเยี่ยน ถูเมิ่ง และศิษย์รุ่นสามคนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์อาจะมีชื่อเสียงเลื่องลือขนาดนี้ ไม่เพียงนิกายอำนาจเทวะ แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์ก็มาที่นี่เพราะเขา

แน่นอนว่าการมาเยือนครั้งนี้ ย่อมไม่มีเจตนาดีเป็นแน่!

เห็นได้ชัดว่าเหวินถิงก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่ความกังวลเสี้ยวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นในใจ ไม่ว่าจะเป็นนิกายอำนาจเทวะหรือว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์ พวกมันก็มาถึงอย่างจองหองและอวดดี ทั้งยังไม่ปิดบังว่ามุ่งเป้าไปที่เฉินซี

“ไปเหรอ? จะปล่อยพวกมันไปเช่นนี้ได้อย่างไร นั่นมันง่ายเกินไป” คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับเสียงอันอ่อนโยนดังก้อง บุคคลที่เป็นผู้นำคือสตรีที่สวมชุดวังสีม่วงเข้ม เส้นผมสีดำสนิทขดเป็นมวยอยู่ด้านหลังศีรษะ รูปลักษณ์เรียบง่ายแต่งดงาม พรั่งพร้อมด้วยท่าทางที่สง่างามและบริสุทธิ์

“อวี่เจิน เป็นเจ้านี่เอง!”

“ตำหนักเต๋าหนี่หวาส่งเจ้ามาเป็นผู้นำกลุ่มในครั้งนี้หรือ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก”

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างของสตรีนางนี้อย่างชัดเจน ทั้งฉือซงจื่อและเล่ยฝูก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมมากขึ้น

อวี่เจิน จักรพรรดิเก้าดาราแห่งตำหนักเต๋าหนี่หวา

แม้นางจะกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและแผ่วเบา แต่แท้จริงแล้ว นางกลับมีนิสัยดุร้ายเด็ดเดี่ยว มิหนำซ้ำ ความแข็งแกร่งของนางยังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ดังนั้นบุคคลอย่างฉือซงจื่อและเล่ยฝูจะลืมนางได้อย่างไร?

“อวี่เจิน ปล่อยพวกมันไปเถอะ การที่เรามาที่นี่ในครั้งนี้ เพราะเราตั้งใจจะพาเหล่าศิษย์ของเราเข้าร่วมการถกวิถีเต๋า ดังนั้นเราจึงสามารถคลี่คลายความเป็นปฏิปักษ์นี้ได้เสมอ หลังจากการถกวิถีเต๋าสิ้นสุดลง” เหวินถิงกล่าวอย่างเป็นกันเองกับอวี่เจิน ซึ่งแสดงว่าทั้งสองรู้จักกันอย่างชัดเจน

“โอ้ หากเป็นเช่นนั้น งั้นครั้งนี้ข้าจะฟังคำเจ้า แต่คราวครั้งหน้าเจ้าต้องฟังข้า” อวี่เจินคลี่ยิ้ม

“ไว้เราค่อยหารือกันเรื่องนี้เมื่อถึงเวลา” เหวินถิงยิ้มเช่นกัน

“เมื่อถึงเวลาอันใดของเจ้า ครั้งหน้าเจ้าต้องฟังข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!” อวี่เจินจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้

ทั้งสองหัวเราะคิกคัก ไม่เหลือบแลนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด ทำให้สีหน้าของเล่ยฝูและฉือซงจื่อดุร้ายยิ่งขึ้น

แม้แต่ศิษย์ของพวกเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วและเม้มปากเงียบ ๆ

ท้ายที่สุด ทั้งสองแค่นเสียงเย็น และไม่ได้กล่าวกระไร ก่อนที่จะนำศิษย์ของตนจากไปด้วยความขุ่นเคือง

เมื่อเห็นเช่นนี้ อิ่งฉินและหลินเหิงก็รีบกล่าวลาเหวินถิง ก่อนจะติดตามเล่ยฝูและฉือซงจื่อ พวกเขามีหน้าที่ต้อนรับนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่กล้าละเลยหน้าที่ของตน

ทันใดนั้น คนในห้องโถงมากกว่าครึ่งหนึ่งได้จากไป และทำให้จักรพรรดิหรงสวินอดถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกมิได้

เนื่องเพราะเขาทราบดีว่าพายุในวันนี้ได้สงบลงแล้ว

แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า จากท่าทีของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ สถานการณ์ในระหว่างการถกวิถีเต๋าอาจจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]