เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1840

บทที่ 1840 กระหายสู้

………………..

บทที่ 1840 กระหายสู้

คนนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์จากไปด้วยความโกรธ บรรยากาศเผชิญหน้าในห้องโถงหายวับไปทันใด

“ขอบคุณ” เหวินถิงมองผู้อาวุโสเต๋าตำหนักเต๋าหนี่หวา อวี่เจิน

“ถึงข้าไม่มา แต่ด้วยความสามารถของเจ้า ฉือซงจื่อและเล่ยฝูก็คงไม่กล้าสู้เอาชีวิตเดิมพัน อีกทั้งยังมีสหายสำนักเต๋าคนอื่นอยู่อีก คงไม่ยอมปล่อยให้เกิดการต่อสู้กันแน่ เหตุใดจึงต้องขอบคุณข้า?” อวี่เจินเม้มปากยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยเสียงเบา

ทั้งสองดูมีมิตรสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นยามคุยกัน เหวินถิงก็นำอวี่เจินและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในห้องโถงแล้ว

“เฉินซี! บัดซบ! เป็นเจ้าจริงด้วย!”

ก่อนที่กลุ่มอวี่เจินจะทันได้นั่งลง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ทันใดนั้น สายตาเหวินถิงก็พลันเยือกเย็นยามมองกู่เยี่ยน ฮวาเยี่ยน ถูเมิ่ง และศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์ สายตาพากันจ้องมองไปที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน

เป็นศิษย์ตำหนักเต๋าหนี่หวาที่เอ่ยขึ้นมา มีใบหน้าหล่อเหลาไม่ใช่น้อย ท่าทีองอาจ และนัยน์ตาใสกระจ่างดั่งดวงดาว

ก็เห็นว่าเป็นเขาที่เอ่ย อวี่เจิน ศิษย์ตำหนักเต๋าหนี่หวาคนอื่นก็ชะงักไป ประหลาดใจอยู่เล็กน้อยพลางคิดในใจ หรือระหว่างคนผู้นี้และเฉินซีแห่งเขาเทพพยากรณ์จะเคยมีเรื่องบาดหมางกัน?

จักรพรรดิหรงสวินหนังตากระตุก ในใจรู้สึกขมขื่นยิ่ง เจ้าเฉินซีผู้นี้มีศัตรูมากมายเหลือเกิน มีกองกำลังไหนที่เจ้าเด็กนี่ไม่เคยไปล่วงเกินบ้าง? บรรยากาศในตอนนี้ดูแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย

แต่ชายผู้นั้นคล้ายกับไม่สังเกต เขาดูตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย จับจ้องเฉินซีแล้วก้าวขาเข้ามา

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” เหวินถิงเผยแววตาเยือกเย็น กำลังจะลงมือก็สังเกตเห็นด้วยความตกใจว่าเฉินซีตอนนี้กำลังมีท่าทางตื่นเต้น ผุดลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา

“ไม่แปลกเลยที่ก่อนข้าออกจากเขาเทพพยากรณ์มา ศิษย์พี่ใหญ่บอกไว้ว่าข้าอาจได้เจอสหายเก่าในการถกวิถีเต๋า แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้า!”

ชายคนนั้นก็คือสืออวี๋นั่นเอง!

เมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่พิทักษ์เต๋าตำหนักเต๋าหนี่หวาแห่งสามภพ ครั้งหนึ่งเคยเดินทางท่องไปในภูมิภาคบรรลุเทพกับเฉินซี สานไมตรีกันสนิทสนมแน่นแฟ้น

“บัดซบ! บ้าเอ๊ย! เป็นเจ้าบ้านี่จริงด้วย!” สืออวี๋พุ่งเข้ามาซัดหมัดปะทะไหล่เฉินซี จากนั้นก็หัวเราะออกมาอีกที “หลายปีผ่านไป ในที่สุดก็ได้เห็นคนคุ้นเคยในแดนเทพโบราณสักที”

คนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้จึงชะงักไปเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เข้าใจ สองคนนี้เป็นสหายกันสินะ….

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนตำหนักเต๋าหนี่หวา คนเขาเทพพยากรณ์ หรือจักรพรรดิหรงสวิน ทุกฝ่ายต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ช่วยไม่ได้นี่นะ นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์เพิ่งมาถึงด้วยท่าทางดุดันโอ้อวดเมื่อครู่นี้ ทั้งสองฝ่ายล้วนเล็งเฉินซีไว้ จึงเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้อีก

โชคดีที่พวกเขาเป็นห่วงโดยใช่เหตุ

แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าเฉินซีจะรู้จักกับสืออวี๋ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา

“อาจารย์อา ในเมื่อสหายของท่านมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็นั่งลงเถอะ” เหวินถิงยิ้มกล่าว

เฉินซีรีบกล่าวว่า “นั่นสินะ รีบนั่งเถอะ”

แต่วันนี้ในห้องโถงนี้คงไร้โอกาสเงียบสงบแล้ว

จังหวะที่ทุกคนยังไม่ทันได้นั่งลงพูดคุยกัน น้ำเสียงกระจ่างใสหนึ่งก็ดังก้องขึ้นจากภายนอกห้องโถง

“เฉินซี เจ้าขายข้าเพื่อแลกกับผลึกศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่เท่าไหร่เมื่อไหร่เมื่อวันก่อน ตอนนี้เจ้าอยู่ในเขตแดนสำนักเต๋าของข้าแล้ว เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร” มันเป็นน้ำเสียงข่มขู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อแก้แค้น

มีเพียงจักรพรรดิหรงสวินเท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนผันโดยพลัน ไม่อาจคงความสงบไว้ได้อีก เขาผุดลุกขึ้นเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่นอกห้องโถง เป็นชายหนุ่มผมยาวสีดำคลอไหล่ผู้หนึ่ง เขามีผิวขาวกระจ่าง ใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลัก นัยน์ตาเป็นประกายดั่งดารายามราตรีมืด ดูเงียบขรึม เยือกเย็น ให้กลิ่นอายคล้ายยุคโบราณ

กลิ่นอายที่ปล่อยจากร่างไม่ได้ดูดุดันอะไรขนาดนั้น กลับดูธรรมดายิ่ง ให้ความรู้สึก ‘หวนคืนสู่ความเรียบง่ายดังเช่นมหาเต๋า’

เป็นทายาทตระกูลเย่แห่งเอกภพจักรวรรดิ เย่เฉิน!

“เย่เฉิน?” ทันใดนั้น คนส่วนมากจากทั้งเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาก็จำชายชุดดำผู้นี้ได้ ดูประหลาดใจอยู่บ้าง เฉินซีกับเย่เฉินไปมีความแค้นกันตอนไหน?

“เย่เฉิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปบ่มเพาะที่สำนักเต๋า?” จักรพรรดิหรงสวินเอ่ยเสียงต่ำพร้อมมุ่นคิ้ว

“ข้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ? ย่อมมาหาสหายไร้คุณธรรมขายคนอื่นเพื่อเงิน เฉินซีนั่นอย่างไร!” เย่เฉินมีใบหน้าเคร่งขรึม เดินเข้ามาพร้อมกับสองมือไพล่หลัง

ในตอนนี้เฉินซีกลับยิ้ม “หนีงานแต่งมาได้แล้วหรือ?”

คำพูดเพียงไม่กี่คำกลับทำให้เย่เฉินใบหน้ายับย่น ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยด้วยความห่อเหี่ยวเล็กน้อย “อย่ากรีดแผลใจข้าทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันได้หรือไม่?”

“ถึงเวลาแล้วค่อยคุยกันก็ได้” คงโหยวหรานเม้มปากกล่าว

“อะไรกัน? คิดว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้หรือ?” เย่เฉินขมวดคิ้ว

“เปล่า เพียงแต่ข้าเล็งนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ไว้” คงโหยวหรานส่ายหน้า

เย่เฉินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “เช่นนั้นก็มีแต่เหลิ่งซิงหุนนิกายอำนาจเทวะกับตงหวงอิ่นเซวียนสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่มีสิทธิ์ต่อสู้กับเจ้างั้นหรือ?”

คงโหยวหรานชะงักไป จากนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าดูสนอกสนใจ “หรือว่าเจ้าจะไม่รู้ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักเต๋าหนี่หวาของข้ากับนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไหร่?”

เย่เฉินจึงได้เข้าใจ แต่ก็เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “กองกำลังใหญ่แข่งกันเองอีกแล้ว ข้าละเกลียดเรื่องพวกนี้ที่สุด ช่างเถอะ คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

ว่าแล้วก็หันไปมองเฉินซี “เจ้าคงไม่ได้คิดเหมือนนางใช่หรือไม่?”

เฉินซีส่ายหน้า “ข้าเพียงอยากเข้าแดนรวนเรลืมเลือน เรื่องอื่นข้าไม่ได้คิด”

“ใช่แล้ว สุดท้ายจุดประสงค์ในการถกวิถีเต๋าก็คือการเข้าแดนรวนเรลืมเลือน เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ” คงโหยวหรานเห็นด้วย

“เช่นนั้นเริ่มการถกวิถีเต๋าเมื่อไหร่ก็มาแข่งกันเถอะ เดี๋ยวจะได้รู้ว่าใครบ้างที่จะได้อยู่ในยี่สิบห้าอันดับ” เย่เฉินยิ้มบาง แล้วลุกขึ้น “ลาก่อนทุกคน”

ว่าแล้วก็จากไปโดยเร็ว

“สหายผู้นี้มีความกระหายสู้สูงนัก” สืออวี๋หัวเราะ

เฉินซียิ้มไม่พูดอะไร แต่ในใจก็คิดเช่นกัน

หลังจากเพิ่งมาถึงเมืองทศทิศได้ไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็ได้พบกับยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจากนิกายอำนาจเทวะ สำนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวา และกระทั่งจากสำนักเต๋าแล้ว ทำให้เฉินซีรู้ว่าคู่ต่อสู้ในถกวิถีเต๋าครั้งนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ได้แต่จินตนาการว่าเมื่อไหร่ที่การถกวิถีเต๋าเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ คงได้เกิดการต่อสู้ดุเดือดขึ้นเป็นแน่

แต่เฉินซีก็หาได้หวาดกลัวไม่ แต่กลับเต็มไปด้วยความกระหายอยากเช่นกัน!

หากมียอดฝีมือให้ต่อกร ชีวิตก็ไม่ได้น่าเบื่อไปเสียทุกอย่าง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]