เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1849

บทที่ 1849 บีบคั้นทุกย่างก้าว

………………..

บทที่ 1849 บีบคั้นทุกย่างก้าว

ดูเหมือนนี่จะเป็นแผนการที่เตรียมไว้นานแล้วจริง ๆ! เฉินซียืนบนยอดเขา ทอดสายตามองไปไกล สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเฉยชายามนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดในหนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านมา

ขณะนี้เป็นยามใกล้รุ่งสาง สรรพสิ่งเงียบสนิท ฟ้าดินให้บรรยากาศเงียบงันอย่างประหลาด

หากกู่เยี่ยนและคนอื่น ๆ เผชิญอุบัติเหตุใด ๆ พวกเจ้าทั้งหลาย… จะต้องชดใช้! หลังยืนเงียบอยู่นาน จิตสังหารน่าสะพรึงกลัวก็แผดจ้าจากสายตาของเฉินซี วูบไหวชั่วประเดี๋ยวจึงหายไป

อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็ขยับเคลื่อน ออกจากยอดเขามุ่งหน้าต่อ

เขาไม่อาจอยู่กับที่ เพราะไม่มีอารมณ์หยุดนิ่งจนกว่าจะพบกู่เยี่ยนและคนอื่น ๆ จริง ๆ

ไม่นานนัก แสงทองสายหนึ่งก็เจิดจรัสท่ามกลางท้องนภารัตติกาลมืดดำดุจย้อมหมึก ซึ่งก็คืออีกาทองตัวหนึ่งซึ่งกลายร่างเป็นดวงตะวันแผดจ้าทั่วพิภพกุมภเต๋าอย่างรวดเร็ว

ม่านรัตติกาลถดถอย รุ่งสางเบิกอรุณ

วันใหม่มาถึงแล้ว

วันใหม่เปิดฉาก

ทว่าทั้งผู้ยิ่งใหญ่ในแดนเทพโบราณซึ่งพินิจศึกจากจัตุรัสแห่งการประชันและผู้บ่มเพาะมากมายในเมืองทศทิศ ยังมีหลายคนหารือถึงทุกสิ่งที่เกิดในคืนก่อน

พวกเขากำลังถกเถียงถึงมหาศึกยามเฉินซีเอาชนะห้าศัตรูเพียงลำพัง

ศึกนั้นเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างแท้จริง เป็นประหนึ่งปาฏิหาริย์ ทำให้พวกเขาไร้ทางเลือกนอกจากต้องสนใจ

แต่พริบตาต่อมา หนึ่งเสียงเอะอะก็ทำลายบรรยากาศนี้ลง

“นั่นคือ?”

“แม่เจ้า! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“เหมือนนั่นจะเป็นศิษย์ผู้หนึ่งจากเขาเทพพยากรณ์!”

เสียงเอะอะเหล่านี้ดังขึ้นอย่างประหลาดใจ มิเพียงดึงสายตาของเหล่าผู้บ่มเพาะในเมืองทศทิศ ยังกระตุ้นความสนใจจากเหล่าผู้ชมในจัตุรัสแห่งการประชันด้วยเช่นกัน

ในโถงบรรจบ

เหวินถิง อวี้เจิน เล่ยฝู ฉือซงจื่อ และตัวตนยิ่งใหญ่อื่น ๆ จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิต่างมุ่งสายตาไปที่ม่านฉายศักดิ์สิทธิ์แห่งสุขาวดี

เพียงครู่ จอกสุราในมือเหวินถิงก็ถูกขยี้เป็นผง แต่นางเหมือนไม่รับรู้ ดวงตากระจ่างเรืองประกายเย็นเฉียบ

คิ้วงามของอวี้เจินเลิกคิ้ว เหลือบมองเหวินถิงอย่างกังวลเล็กน้อย

สีหน้าดำคล้ำของเล่ยฝูและฉือซงจื่อผ่อนลงอย่างมากในครานี้ ถึงขนาดที่ทั้งสองหัวเราะย่ามใจ

“กรรมสนองแล้ว” สุดท้ายเล่ยฝูก็อดไม่ไหว เสสรวลกล่าวขึ้น

เพียงสามคำเท่านั้น แต่ยามมันดังขึ้นในโถงกว้างอันเงียบงัน ก็แสดงชัดถึงความยินดีของเขา

ในพิภพกุมภเต๋า ตะวันรุ่งลอยสูงบนท้องฟ้า เรืองรัศมีรุ่งโรจน์

ทว่าขณะนี้ หนึ่งขุนเขากว้างใหญ่เขียวชอุ่มถูกแปรเปลี่ยนเป็นภาพความเละเทะแร้นแค้น พื้นดินระแหงแตก มิติทั่วทิศปั่นป่วน ร่องรอยการทำลายล้างและความโกลาหลปรากฏทุกที่ ชวนใจหายยิ่งนัก

ขณะนี้หนึ่งร่างยืนลำพังท่ามกลางความพินาศ ร่างของเขาโชกเลือด บาดแผลเต็มกาย ไม่มีส่วนใดในร่างสมประกอบ ใบหน้าของเขาซีดขาวถึงขีดสุด

เมื่อมองจากไกล ๆ เขาก็เหมือนมนุษย์ปั้นจากลิ่มโลหิต ยามแสงอาทิตย์เจิดจรัสส่องลงมา ทั้งโลหิตและบาดแผลของเขาก็แดงสดชัดเจนเป็นพิเศษ ชวนให้ร่างสะท้านอย่างตื่นกลัว

มันยากนักจะคาดคิดว่าเขาบาดเจ็บเพียงนี้ แต่ยังคงฝืนยืนไหว สันหลังตรงดุจหอก เผยบรรยากาศไม่ยอมโอนอ่อน

โดยเฉพาะดวงตาอันเรืองรอง สีหน้าเด็ดเดี่ยวสำรวม!

หากเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาจะผงะและรู้ทันทีว่านี่คืออ้ายตงชิง อันดับห้าในหมู่ศิษย์รุ่นที่สามของเขาเทพพยากรณ์!

แฮ่ก~ แฮ่ก~

ขณะนี้ อ้ายตงชิงหอบหายใจพะงาบเช่นมัจฉาก้นธารแห้ง

น่าเสียดาย แม้พลังใจของเขาจะเกินธรรมดา ความอดทนชวนตะลึง แต่เขาก็ยังไม่อาจฝืนอำนาจร้ายแรงซึ่งกำลังอาละวาดไม่จบสิ้นในร่างได้

ในทางกลับกัน ยิ่งกาลผ่าน อำนาจร้ายแรงนี้ยิ่งแผ่พล่านไปทั่วกาย ทำให้เขาสุดแสนรวดร้าวสาหัส

ร่างอันตรงแน่วเช่นหอกของอ้ายตงชิงร่วงลงฟาดพื้น

ข้าไม่อยากจากไปเช่นนี้จริง ๆ! เมื่อเขาสังเกตพบอำนาจฟ้าดินหลากเข้ามาบังคับส่งร่างของเขาออกจากพิภพกุมภเต๋า อ้ายตงชิงก็อดรำพึงในใจมิได้

แต่ในวันที่สองของการถกวิถีเต๋านี้ หลังได้เห็นวิธีการอันโหดเหี้ยมของเหลิ่งซิงหุน ทุกผู้ก็เริ่มรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ของเหล่าศิษย์เขาเทพพยากรณ์เสียแทน

เฉินซีหารู้เรื่องเหล่านี้ไม่

เขาสัญจรด้วยความหวังจะค้นหาร่องรอยศิษย์สักคนจากเขาเทพพยากรณ์ให้พบ แต่ยามม่านรัตติกาลโรยลงอีกครั้ง เขาก็ยังไม่พบสิ่งใด

ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!

กลางดึก หัวใจของเฉินซีพลันกระตุกยามมาถึงยอดเขาสูงชันยิ่งแห่งหนึ่ง

ขณะนี้ คนกลุ่มใหญ่อย่างน้อยสามสิบกว่าคนวูบไหวผ่านนภาแสนไกลจากเขา

“ศิษย์สำนักเต๋า” เฉินซีหรี่ตาลง เขากำลังจะพุ่งตัวถอย แต่มิคาดเลยว่าขณะเดียวกันนั้น ศิษย์สำนักเต๋าทั้งหลายพลันเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น

เพราะเขามีหม้อจารึกเต๋าโบราณ เฉินซีจึงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นเขา แต่การกระทำเช่นนี้ก็ทำให้เฉินซีอดขมวดคิ้วมิได้

เจ้าพวกนี้คิดเลี่ยงศึก? แต่แบบนั้นไม่สงวนแรงไปหน่อยหรือ? เฉินซีตระหนักทันทีว่าการกระทำของพวกเขาผิดปกติ แต่ก็ยังตัดสินมิได้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด

หรือพวกเขาจะได้ยินว่านิกายอำนาจเทวะหมายหัวศิษย์เขาเทพพยากรณ์ของข้าอยู่ จึงไม่อยากเข้าพัวพัน? ท้ายที่สุด หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เฉินซีก็รู้สึกว่าเหตุผลนี้พอฟังขึ้นที่สุด

ทันใดนั้น ประกายเย็นเยียบสุดขั้วก็ปรากฏในดวงตา เพราะชายหนุ่มพลันตระหนักว่าศิษย์สำนักเต๋าทั้งหลายรวมตัวอยู่ด้วยกันหมด!

ปกติแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่นี่เป็นพิภพกุมภเต๋า มันจึงดูผิดปกติอย่างยิ่ง

ดูเหมือนสำนักเต๋าจะรู้ถึงแผนการนี้มาแต่ต้น…. โทสะอันเกินบรรยายเอ่อขึ้นในใจเฉินซี และเริ่มสงสัยในความยุติธรรมของการถกวิถีเต๋านี้เป็นครั้งแรก

หากไม่อาจให้คำอธิบายหลังการถกวิถีเต๋าครั้งนี้จบลงได้ ก็อย่าโทษเราเขาพยากรณ์ที่ไม่ปล่อยเรื่องหลุดมือ! เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ฝืนสะกดโทสะและจิตสังหารในใจ ก่อนจะหายไปในท้องนภาไร้ขอบเขต

ศิษย์ผู้เข้าร่วมทั้งหลายจากนิกายอำนาจเทวะรวมตัวกันท่ามกลางรัตติกาลอีกครั้ง

“นับแต่คืนก่อนจนบัดนี้ สหายเราห้าคนถูกกำจัด แต่มีเพียงอ้ายตงชิงคนเดียวจากฝั่งเขาเทพพยากรณ์ที่ถูกกำจัดหรือ?” เสียงของเหลิ่งซิงหุนแฝงความดุร้ายเย็นเฉียบ

คนอื่น ๆ เงียบกริบเช่นจักจั่นยามเหมันต์

เหลิ่งซิงหุนเปลี่ยนประเด็นเฉียบพลัน “แล้วสำนักศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เคลื่อนไหวอีกหรือ?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]