บทที่ 1862 ฟุ่มเฟือย
………………..
บทที่ 1862 ฟุ่มเฟือย
ดวงตะวันสีม่วงทะยานขึ้นบนผืนฟ้า และส่องแสงสว่างไสวอันโชติช่วง ย้อมฟ้าดินจนกลายเป็นสีม่วงอันแปลกประหลาด
ในฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ ภูเขาและก้อนหินละลายอย่างรวดเร็ว พืชพรรณแมกไม้ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ฟ้าดินทั้งหมดดูเหมือนจะตกลงสู่เตาหลอมที่ปั่นป่วน ยิ่งไปกว่านั้น คลื่นเปลวเพลิงสีม่วงมากมายก็พลุ่งพล่านและพุ่งออกมาราวกับทะเลเพลิง
“เคล็ดวิชามหาสุริยันม่วงสยบมาร!”
เปลือกตาของเหลิ่งซิงหุนกระตุกวูบ ดูเหมือนเขาจะไม่เคยคาดคิดว่าตงหวงอิ่นเซวียนจะใช้เคล็ดวิชาขั้นสูงสุดเช่นนี้ในการโจมตี เพราะตงหวงอิ่นเซวียนใช้พลังที่แท้จริงของเขา โดยมีความตั้งใจที่จะปลิดชีพเฉินซี!
ครืน!
ดวงตะวันสีม่วงส่องแสงร้อนแรง ไม่ว่าจะสาดส่องไปที่ใด ทุกอย่างล้วนถูกแผดเผา และความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ทำให้มันสาดมาถึงเฉินซีได้บัดดล
เคร้ง!
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ในขณะที่กระบี่เปลื้องมลทินก็หลุดออกจากฝักฉับพลัน จากนั้นปราณกระบี่ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติก็แพร่พุ่งออกไป
ปัง
ดวงตะวันสีม่วงถูกฟันออกเป็นสองส่วน บังเกิดประกายไฟสาดกระจายไปรอบ ๆ
แม้การโจมตีครั้งนี้จะไม่อาจทำร้ายเฉินซีได้ แต่มันทำให้ความเร็วของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด และนาวาสูญญวิสุทธิ์ก็คว้าโอกาสนี้เพื่อกดทับเข้าใส่เฉินซี
“ฝีมือของเจ้านับว่าไม่เลวจริง ๆ รับกระบวนท่าอีกครั้ง!” ตงหวงอิ่นเซวียนยิ้มอย่างผ่อนคลาย ทันใดนั้นเขาก็กางฝ่ามือที่เรียวยาวและประณีตออก ส่งผลให้ดวงตะวันสีม่วงอีกดวงลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
สัมผัสได้ทันทีว่าดวงตะวันสีม่วงดวงนี้มีพลังพลุ่งพล่าน และเห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่าอันก่อนมาก ทันทีที่มันปรากฏ ฟ้าดินก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน ในขณะที่กลิ่นอายอันพรั่นพรึงแผ่ซ่านออกมา คล้ายกับว่ามันตั้งใจที่จะหลอมละลายฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ให้หมดสิ้น!
“ยามนี้ไม่เหมาะกับการต่อสู้ตัวต่อตัว!” ผมสีแดงเลือดของเหลิ่งซิงหุนปลิวสะบัด และโจมตีในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้น โซ่สีแดงเลือดที่หนาและใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็พัวพันกันและหลอมรวมเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งคล้ายกับกรงของมหาเต๋า จากนั้นพวกมันก็ฟาดเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือด
พันธนาการเทพโลหิต!
เป็นที่ประจักษ์ว่าเขาคิดผสานการโจมตีร่วมกับตงหวงอิ่นเซวียน และยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
เฉินซีตกในห้วงคับขัน!
เมื่อผู้มีฝืมือหาตัวจับยากอย่างเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนร่วมมือกัน จะมีผู้เยี่ยมยุทธ์บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคนใดในโลกนี้ที่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้?
ไม่เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากการร่วมมือกันของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองแล้ว เหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ยังโหมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทั้งควักสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาหรือใช้เคล็ดวิชาที่ล้ำลึกออกไป
ไม่ใช่ว่าพวกเขารู้สึกว่าเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนไม่อาจจัดการกับเฉินซีได้ แต่เป็นเพราะพวกเขาตระหนักดีว่าในขณะนั้น พวกเขาต้องจัดการเฉินซีโดยเร็วที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นวันสุดท้ายของการถกวิถีเต๋า และหากเฉินซีคว้าโอกาสเพื่อหลบหนีได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ยากจะระบุ
ในฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ มีดวงตะวันสีม่วงส่องประกายผ่านท้องฟ้า โซ่สีแดงเลือดร่ายระบำอยู่กลางเวหา สมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมายที่กู่ร้องกังวานไปในอากาศ และเคล็ดวิชาอันล้ำลึกต่าง ๆ ที่โหมกระหน่ำลงมา มันทำให้ทั้งโลกตกอยู่ในความสับสนอลหม่านครั้งใหญ่ และฉากดังกล่าวก็น่าทึ่งจนถึงขีดสุด!
ทันใดนั้น ดูเหมือนเวลาได้หยุดลง สีหน้าของเหวินถิงเปลี่ยนเป็นซีดเซียวอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเซินถูเยียนหราน เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และคนอื่น ๆ แข็งทื่ออย่างสมบูรณ์
มุมปากของเล่ยฝูและฉือซงจื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
ในขณะนี้ เฉินซีสัมผัสได้ถึงอันตรายเล็กน้อย ส่งผลให้พลังในร่างของเขาเดือดพล่านและดังกึกก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเขายังคงไม่แยแสและสุขุม ในขณะที่ดวงตาของเขายังคงเย็นชาและไม่มีอารมณ์แปรปรวนใด ๆ
โอม!
ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กระบี่เปลื้องมลทิน แต่กลับดึงร่มคันหนึ่งออกมาแทน
มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่สืบทอดภายในตระกูลจินแห่งเอกภพจักรวรรดิ ร่มกรอบทองแสงคราม!
ทันใดนั้น ร่มก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่า และเปล่งแสงเรืองรองสีฟ้าอันศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่สร้างเกราะป้องกันต่อหน้ากลุ่มเฉินซี
ปัง!
ดวงตะวันสีม่วง โซ่สีแดงเลือดเส้นมหึมา สมบัติศักดิ์สิทธิ์และเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดได้ระเบิดลงบนร่มทันที
ท่ามกลางเสียงกัมปนาทที่สั่นสะเทือนทั้งฟ้าดิน โลกอันกว้างใหญ่นี้ได้พังทลายลง เนื่องจากมันไม่สามารถทนต่อการปะทะอันน่าสะพรึงกลัวระหว่างพลังทั้งสองนี้ได้ และทุกสิ่งภายในรัศมีสองหมื่นห้าพันลี้ได้กลายเป็นเถ้าธุลีในเวลาเดียวกัน
ทั่วทั้งร่างของเฉินซีถูกโจมตีด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สีหน้าของเขาซีดลง และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“มันละทิ้งสมบัติวิญญาณธรรมชาติเพื่อหลบหนีจริง ๆ…” ท่ามกลางเถ้าธุลีจากการปะทะกัน คลื่นเสียงเยาะเย้ยดังก้องกังวาน
“ไปนำสมบัตินั้นมา แล้วเราจะไล่ล่ามันต่อไป ให้ข้าดูว่ามันจะหลบหนีไปได้นานสักแค่ไหน ในเมื่อนาวาสูญญวิสุทธิ์อยู่ในความครอบครองของเรา!” ตงหวงอิ่นเซวียนหัวเราะเสียงเย็นขณะออกคำสั่ง
ศิษย์คนหนึ่งทะยานออกไปโดยตั้งใจที่จะชิงร่มกรอบทองแสงครามมา
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเหลิ่งซิงหุนจะสังเกตเห็นบางสิ่ง และม่านตาของเขาก็หดตัวลง ในขณะที่เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “รีบหนีไป! เร็วเข้า!”
หนีเหรอ?
หลายคนตกตะลึง ไยเราต้องหนีในเวลาเช่นนี้ด้วย?
ปัง!
ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวและสะท้านขวัญก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ทันใดนั้น ร่มกรอบทองแสงครามก็ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ จนบังเกิดกระแสพลังที่กวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบและปกคลุมไว้
มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป!
ใครจะจินตนาการได้ว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ถือกำเนิดขึ้นจากภายในความโกลาหล และเป็นที่สิ่งได้จะที่รับโดยโชคลาภเท่านั้น กลับระเบิดตัวเองออกมาทันที!?
ใครจะจินตนาการได้ว่า การดำรงอยู่เช่นสมบัติวิญญาณธรรมชาติจะถูกทำลายได้จริง
พวกเขาไม่เชื่อว่าเฉินซีจะสามารถหลบหนีการตามล่าของกลุ่มเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนได้
…
เบื้องหน้าคือยอดเขาสูงชันหลายลูกเรียงรายสลับกัน
เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน แล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ จากนั้นก็ลงไปในช่องเขาหนึ่งที่ใจกลางกลุ่มภูเขา
“ตอนนี้ พวกมันได้หมายหัวเราไว้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีต่อ ดังนั้นข้าคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อจัดการกับพวกมัน” เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และระงับพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย จากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“อาจารย์อา ท่านคิดหมายทำอันใด?” ถูเมิ่งอดไม่ได้ที่จะถาม
“ตั้งค่ายกล” ขณะที่กล่าว เฉินซีก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และด้วยการสะบัดนิ้ว ปราณกระบี่หลายสายได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ทันใดนั้น ภูเขาในรัศมียี่สิบห้าลี้ก็ถูกตัดออก และกลายเป็นพื้นดินราบเรียบ
หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จ เฉินซีก็ไม่ลังเลที่จะทะยานผ่านอากาศไปมา ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็สะบัดแขนเสื้อ ทำให้อักขระยันต์หนาทึบและคลุมเครือกระจายออกไป
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
“ฮ่า!” เฉินซีระบายลมหายใจผ่านทางปากของตน
ครืน!
อักขระยันต์หนาทึบที่แผ่ขยายได้ผสานเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นผังอักขระยันต์เทวะที่ลอยอยู่เหนือทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ยันต์เทวะพฤกษาคราม!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ความตกตะลึงเสี้ยวหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะกลืนกินแววตาของกู่เยี่ยนและถูเมิ่ง ยันต์เทวะก่อตัวขึ้นในทันที!
ความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาในเต๋าแห่งยันต์อักขระนั้น ได้ห่างชั้นกับพวกเขามากเกินไป!
ตามความรู้ของพวกเขา แม้ว่าจะอยู่ในเขาเทพพยากรณ์ แต่มีเพียงการดำรงอยู่ในขอบเขตมหาราชเทวาอย่างเหวินถิงเท่านั้นที่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้
“ฮ่า!”
“ฮ่า!”
“ฮ่า!”
ทันทีที่กู่เยี่ยนและถูเมิ่งตกตะลึง เสียงมากมายดังก้องมาจากระหว่างริมฝีปากของเฉินซี และสะท้อนไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ราวกับมีประกาศิตจุติลงมาจากสวรรค์ ผังยันต์เทวะจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากอากาศ ส่องสว่างฟ้าดิน และเปล่งรัศมีอันน่าเกรงขามมากมาย
ตามลำดับ ได้แก่ ยันต์เทวะผสานธาตุ ยันต์เทวะคงคาทมิฬ ยันต์เทวะไฟโลกันตร์ ยันต์เทวะสยบปฐพี ยันต์เทวะอสนีบาตทมิฬ ยันต์เทวะวิหคอมตะวายุ และยันต์เทวะวิญญาณอสูร
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...