เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1863

บทที่ 1863 ค่ายกลแปดปรมัตถ์

………………..

บทที่ 1863 ค่ายกลแปดปรมัตถ์

โอม!

ผังยันต์เทวะทั้งแปดนั้นสถิตอยู่ทิศทั้งแปด ความผันผวนที่ยิ่งใหญ่ คลุมเครือ และไร้ขอบเขตเกิดขึ้นจากพวกมัน ในขณะที่รัศมีศักดิ์สิทธิ์อันงดงามและรุ่งโรจน์หลั่งไหลออกมา ซึ่งเข้าปกคลุมบริเวณนี้อย่างสมบูรณ์

พวกมันสอดประสานกันจากระยะไกลและเชื่อมโยงเข้าหากัน ก่อเป็นค่ายกลยันต์เทวะอันยิ่งใหญ่ที่ไร้ที่ติ ซึ่งเผยปรากฏการณ์ที่น่ากลัวทุกรูปแบบ

การสรรเสริญจากทวยเทพ นักปราชญ์ท่องตำรา บุปผาสีทองมากมายปลิดโปรยลง แสงเจิดจ้าที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่วงทำนองของเต๋าที่ดังก้องไปทั่วโลกา… มันทำให้บริเวณนี้กลับกลายเป็นเหมือนสวรรค์!

นี่คืออานุภาพของยันต์เทวะ เมื่อพวกมันเชื่อมต่อกับพลังแห่งฟ้าดิน และอัญเชิญพลังของเหล่าทวยเทพแล้ว ก็ยากที่จะบรรลุผลเช่นนี้ได้ หากปราศจากความสำเร็จของจักรพรรดิยันต์อักขระในเต๋าแห่งยันต์อักขระ

“ค่ายกล!”

“อัศจรรย์! ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่ต้องตั้งค่ายกลเท่านั้น จึงจะทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงเภทภัยนี้ได้!”

“นี่คือมรดกในเต๋าแห่งยันต์อักขระจากเขาเทพพยากรณ์หรือไม่? มันเป็นภาพที่หายากจริง ๆ เพียงแค่รัศมีดังกล่าวก็สามารถทำให้โลกตกตะลึง และดูแคลนผู้บ่มเพาะในวิถีเต๋าแห่งยันต์อักขระในใต้หล้าได้แล้ว!”

“นั่นคือยันต์เทวะ! มรดกหลักของเขาเทพพยากรณ์! มันยากที่จะจินตนาการถึงจริง ๆ ความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเฉินซีได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว สมกับเป็นศิษย์น้องของอู๋เซวี่ยฉานจริง ๆ”

“อย่าเพิ่งรีบยินดีเกินไป ท้ายที่สุดมันก็แค่ค่ายกลเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าเฉินซีจะสามารถพึ่งพามันเพื่อขัดขวางฝีเท้าของตงหวงอิ่นเซวียนและเหลิ่งซิงหุนได้”

เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่เฉินซีก่อขึ้น ก็บังเกิดความแตกตื่นวุ่นวายในบริเวณโดยรอบทันที บางคนอุทานด้วยความชื่นชม ในขณะที่บางคนไม่แยแส

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในโลกภายนอกล้วนรู้สึกว่าลมหายใจของพวกเขาถูกพรากไป จากการได้ยลมรดกในเต๋าแห่งยันต์อักขระจากเขาเทพพยากรณ์

เนื่องเพราะโดยปกติแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นฉากนี้ได้อย่างไร?

มันยากที่จะพบเจอ!

หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เฉินซีก็ไม่หยุด

ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน เขานำสมบัติออกมามากมาย ซึ่งเปล่งประกายอันศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมล้นด้วยปราณโกลาหล

น่าแปลกที่พวกมันทั้งหมดเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!

“พระเจ้า! นั่นคือธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้าของตระกูลเป่ย!”

“รีบดูนั่นเร็วเข้า! นั่นคือไข่มุกต้นกำเนิดมังกรของตระกูลจิน!”

“เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ใช่กระบี่วิญญาณทมิฬของตระกูลลั่วเหรอ?”

“ไม่ใช่แค่สมบัติเหล่านี้เท่านั้น ยังมีแม้แต่ระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ กระจกกร่อนวิญญาณ เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์…”

เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ โลกภายนอกก็เปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจก็ดังก้องไปทั่วโลก มันทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

ใบหน้าของผู้บ่มเพาะแทบทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ

ใครจะจินตนาการได้ว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติจำนวนมากถูกเก็บซ่อนอยู่ในความครอบครองของเฉินซีจริง ๆ

นอกจากนี้ สมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีชื่อเสียง ซึ่งมาจากกองกำลังชั้นนำในเอกภพจักรวรรดิ

แต่บัดนี้ สมบัติวิญญาณธรรมชาติจำนวนมากได้ปรากฏในการครอบครองของเฉินซี ดังนั้นความตกใจที่เกิดขึ้นจึงเห็นได้ชัด

ซึ่งย่อมไม่ขาดผู้มาจากตระกูลชั้นนำเช่นตระกูลกงเหย่ ตระกูลคุนอู๋ ตระกูลตี้ ตระกูลเป่ย ตระกูลลั่ว และตระกูลอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ที่นี่

ดังนั้นใบหน้าของพวกเขาจึงมืดมนทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจ

เพราะนั่นเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขา!

ตอนนี้พวกมันทั้งหมดล้วนถูกใช้โดยเฉินซี และมันทำให้หัวใจของพวกเขาแทบหลั่งเลือด แต่มิอาจทำอันใดได้

เฉินซีได้ยึดสมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้ทั้งหมด ในขณะที่อยู่ที่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เมื่อหลายปีก่อน หากเฉินซีเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดา พวกเขาคงจับและสังหารเขาไปหลายครั้งแล้ว

แต่กลับกลายว่าเฉินซีคือศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ และไม่กล้าทวงสมบัติเหล่านั้นคืน

“เฉินซี… คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกับสมบัติอันล้ำค่ามากมายขนาดนี้”

ในไม่ช้า ทุกคนก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้มากขึ้น

ปัง!

เฉินซีโบกแขนเสื้อวูบหนึ่ง ทันใดนั้น ธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้าก็กลายเป็นลำแสงที่พุ่งเข้าสู่ยันต์เทวะสยบปฐพี

ทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของยันต์เทวะทั้งหมดก็ระเบิดขึ้นอย่างดุเดือด และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

กู่เยี่ยนและถูเมิ่งเป็นคนแรกที่โต้ตอบ พวกเขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่า เฉินซีตั้งใจที่จะใช้สมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้เป็นแกนกลางของค่ายกล และขัดเกลาอานุภาพของยันต์เทวะเหล่านี้จนสมบูรณ์!

ปัง ปัง ปัง!

เป็นที่แน่นอน เฉินซียังคงดำเนินต่อไป และเขาได้วางสมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านั้นไว้ในยันต์เทวะอีกเจ็ดอัน

เมื่อทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น กลิ่นอายของค่ายกลใหญ่ทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว มันทั้งยิ่งใหญ่ และไร้ขอบเขตมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็หยุดและนั่งลงพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก มิหนำซ้ำ สีหน้ายังซีดลงเล็กน้อย

ตั้งแต่เริ่มตั้งค่ายกลมาจนถึงตอนนี้ แม้จะดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วกลับใช้พลังไปมากกว่าครึ่ง ถ้าเขาไม่ได้รับการเกื้อหนุนจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ และไม่ได้บรรลุการหล่อหลอมครั้งที่สามของสัจหฤทัยสูตร เขาก็คงมิอาจทำสิ่งนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้

“ฝันไปเถอะ!” กู่เยี่ยนและถูเมิ่งกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“แล้วหากข้ายื่นเงื่อนไขล่ะ?” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น

เหลิ่งซิงหุนตอบคำอย่างไม่ลังเล “ว่ามา”

เฉินซีกล่าวเสียงเรียบ “ตัวเจ้ากับตงหวงอิ่นเซวียนจะยอมแพ้ในการถกวิถีเต๋ากับข้าหรือไม่? เพราะสำหรับข้าก็คุ้มที่จะแลกเพื่อกำจัดพวกเจ้าทั้งสองคน”

ประกายอันน่าสะท้านขวัญปรากฏขึ้นในดวงตาของเหลิ่งซิงหุน ความเดือดดาลพุ่งทะยานสุดขีด

“อย่าเสียเวลาอีกเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป รังแต่เสียเวลามากขึ้นเท่านั้น” ตงหวงอิ่นเซวียนหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงกล่าว “ออกไปข้างนอกกันเถอะ เราสามารถคลี่คลายปัญหาทั้งหมดนี้ได้ ก่อนที่ม่านรัตติกาลจะมาเยือน”

“ตกลง” เหลิ่งซิงหุนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ

ทันใดนั้น เหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนก็โจมตีอย่างดุเดือด

ฝ่ายแรกควักไม้บรรทัดหยกดำออกมา ในขณะที่ฝ่ายหลังชักกระบี่ทองสัมฤทธิ์โบราณ และโจมตีค่ายกลอย่างต่อเนื่อง

การที่ทั้งสองควักสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมา แน่นอนว่าพวกเขาตั้งใจที่จะทำลายค่ายกลนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!

ตู้ม!

เมื่อถูกโจมตี ค่ายกลทั้งหมดก็เริ่มผันผวนทันที ระลอกคลื่นเป็นวงกลมเกิดขึ้น ในขณะที่รัศมีศักดิ์สิทธิ์ไหลหลั่งออกมา ส่องสว่างไปทั้งฟ้าดิน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฉินซีไม่ลังเลที่จะสำแดงอานุภาพของค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ และต้านทานการโจมตีเหล่านี้อย่างเต็มกำลัง

“มันอาจไม่น่าเกรงขามอย่างที่เราคาดไว้” การโจมตีครั้งนี้ทำให้เหลิ่งซิงหุนสามารถระบุพลังของค่ายกลที่อยู่เบื้องหน้าได้ราง ๆ และรอยยิ้มเย็นเยียบก็ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างอดไม่ได้

“โจมตีพร้อมกัน! อย่าได้ลังเลอีกเลย!” เขาสั่งเบา ๆ จากนั้นก็โจมตีอีกครั้ง

ครืน!

ศิษย์คนอื่น ๆ ไม่กล้าที่จะออมพลัง และโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยพลังเต็มพิกัด ชั่วขณะหนึ่ง ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ก็เต็มไปด้วยเสียงโครมครามกึกก้อง ขณะที่สมบัติทุกประเภทได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า บังเกิดเป็นแสงสีเจิดจ้ามากมาย

ในค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของเฉินซีเคร่งขรึม ร่างสูงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ควบคุมค่ายกลเพื่อต้านทานการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

พลังศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย และเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันโชติช่วงออกมา พลังศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาลภายในร่างดุจกระแสน้ำที่พุ่งเข้าสู่ค่ายกลอย่างไม่หยุดยั้ง และรักษาการไหลเวียนของมันไว้

น่าเสียดายว่าที่นี่คือพิภพกุมภเต๋า ดังนั้นจึงไม่มีแหล่งพลังงานใด ๆ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นรากฐานของค่ายกลได้ หากเขาอยู่ในโลกภายนอก เฉินซีจะสามารถพึ่งพาพลังฟ้าดินเพื่อเป็นแหล่งต้นกำเนิดของพลังงานของค่ายกลได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการจัดการกับการโจมตีเหล่านี้ทั้งหมดจะง่ายเหมือนกับการเป่าฝุ่นไม่มีผิด

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เขามีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬอยู่ในร่าง และเพียงพอที่จะให้พลังศักดิ์สิทธิ์แก่เขาอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งนี้นับว่าชดเชยข้อบกพร่องได้มาก

แต่ข้อเสียก็คือ เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เฉินซีครอบครองไม่อาจทนต่อการดูดกลืนที่จำเป็นต่อการคงสภาพของค่ายกลไว้ได้ พวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย!

ซึ่งนี่คือสิ่งที่เฉินซีกังวลมากที่สุด!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]