เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1875

บทที่ 1875 ดั่งอัคคีโหมกระหน่ำ

………………..

บทที่ 1875 ดั่งอัคคีโหมกระหน่ำ

การประกาศกร้าวว่าจะคว้าชัยในสามกระบวนท่า ได้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกงซุนมู่!

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้บ่มเพาะที่กำลังรับชมอยู่ทั้งหมดล้วนตกตะลึงจนกล่าวไม่ออก ท้ายที่สุดแล้ว กงซุนมู่ไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาเป็นถึงศิษย์ผนึกฤทธิ์อันดับสามของสำนักศักดิ์สิทธิ์ และเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่ผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล!

แต่กลับกลายเป็นว่า ยอดอัจฉริยะดังกล่าวได้พ่ายแพ้ให้กับเฉินซีภายใต้สามกระบวนท่าอย่างราบคาบ ดังนั้นจึงสามารถจินตนาการถึงความตกใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้

“เจ้าเฉินซีผู้นี้…แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

“พวกเจ้าทุกคนสังเกตเห็นหรือไม่? ดูเหมือนว่าวิญญาณของกงซุนมู่จะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และเกรงว่ายากจะฟื้นฟูให้สมบูรณ์ได้”

“นี่คือการต่อสู้ เรื่องพวกนี้เลี่ยงได้ยาก แต่ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิต ก็หาได้เป็นอะไรไม่”

การต่อสู้ระหว่างกงซุนมู่กับเฉินซีเพิ่งสิ้นสุดลง และเกิดเสียงแตกตื่นไปทั่วท้องฟ้าเหนือเมืองทศทิศ

บางคนตกใจ บางคนรู้สึกสงสาร…. แม้แต่ยอดฝีมือในขอบเขตมหาราชเทวาก็ยังต้องชื่นชมในใจ ทั้งยังรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าเฉินซีผู้นี้ไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำยังปกปิดพลังฝีมือของเขาไว้อย่างแนบเนียน

“เขาชนะแล้ว! ข้ารู้ว่าเขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน!” เชินถูเยียนหรานถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และใบหน้าของนางก็เปล่งประกายด้วยความสุข ซึ่งขับเน้นให้นางดูงดงามยิ่งขึ้น

“เจ้าหมอนี้ก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดจริง ๆ และยากที่จะเข้าใจยิ่งขึ้น ข้าสงสัยนักว่าผู้ใดจะสามารถดึงพลังที่แท้จริงของเขาออกมาในระหว่างการถกวิถีเต๋านี้ได้”

เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง จวนอวี๋สุ่ย และคนอื่น ๆ ต่างประหลาดใจ สายตาที่พวกเขามองไปที่เฉินซีสะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในความสำเร็จอันรุ่งโรจน์

ที่จัตุรัสแห่งการประชัน เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน สืออวี๋ เย่เฉิน และผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงเก็บงำความคิดของตนเอาไว้ในใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังถือว่าเฉินซีเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่พวกเขาต้องเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่

ฟิ่ว!

เฉินซีเดินลงจากสังเวียน แล้วกลับมายังฝั่งกู่เยี่ยนและถูเมิ่ง

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่แปลกประหลาดต่าง ๆ จากบริเวณโดยรอบ แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ และตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ครั้งที่ยังอยู่ในตระกูลเชินถู เขามั่นใจว่าสามารถบดขยี้กงซุนมู่ได้นานแล้ว หลังจากนั้น เขาเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะภายในเจดีย์แห่งการเริ่มต้นเป็นเวลาห้าปี ส่งผลให้การขัดเกลาปราณแท้ ดวงจิตแห่งเต๋า การรู้แจ้งในเต๋า และแม้แต่การฝึกฝนในเต๋าแห่งกระบี่บรรลุจนเกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ และไม่สามารถเทียบกับอดีตได้อีกต่อไป

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การจัดการกับกงซุนมู่จึงไม่ใช่เรื่องยาก

“ช่างเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้!” ทันใดนั้น พลันเกิดเสียงตะโกนที่ดังและทุ้มลึกดังก้องขึ้น จู่ ๆ ฉือซงจื่อก็รุดมาถึงหน้าโถงบรรจบด้วยสีหน้าซีดเซียว และเสียงของเขาก็ดั่งเสียงฟ้าร้องที่พุ่งผ่านฟ้าดิน ยิ่งไปกว่านั้น ยังแฝงด้วยความโกรธแค้นที่แม้แต่คนหูหนวกก็ยังรับรู้ได้

ทันใดนั้น เสียงอึกทึกครึกโครมโดยรอบพลันหายไป และมันก็เงียบสนิท แม้แต่บรรยากาศก็เริ่มกดดัน ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฉือซงจื่อผู้กำลังโกรธแค้น

“มันเป็นแค่การประลองในการถกวิถีเต๋า แต่เจ้ากลับใช้วิธีการชั่วร้ายเพื่อทำลายจิตวิญญาณของศิษย์สำนักเต๋าข้า เฉินซี.. เจ้ามีเจตนาร้ายใดกันแน่?” ฉือซงจื่อมีรูปร่างผอมเพรียว แต่ในขณะนี้ ร่างของเขาพลุ่งพล่านไปด้วยกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง เมื่อมองจากระยะไกล เขาเป็นดั่งสุริยันที่ส่องแสงเจิดจ้า ซึ่งแผ่แรงกดดันอันไร้ขีดจำกัดมาสู่คน

“จิตวิญญาณเป็นรากฐานของการเข้าใจเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่มันได้ความเสียหายร้ายแรง การฟื้นฟูก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ถึงขั้นอาจส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะในอนาคตด้วยซ้ำ ไม่น่าแปลกใจที่ฉือซงจื่อจะเดือดดาลมาก” ผู้บ่มเพาะหลาคนทอดถอนใจยาวแรง

“อะไรกัน? สำนักศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่อาจพ่ายแพ้ได้หรือ?” เฉินซีเงยหน้าสบตากับฉือซงจื่อ พลางกล่าวด้วยท่าทางสงบไม่สะทกสะท้าน

“เจ้า!” ฉือซงจื่อยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม และไม่หวังอะไรมากไปกว่าฟาดเจ้าเด็กเลวทรามคนนี้ให้ตายคามือ

แต่ในขณะนี้ จู่ ๆ เหวินถิงก็ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว และกล่าวอย่างเฉยเมย “ฉือซงจื่อ นี่คือการถกวิถีเต๋า หากเจ้าไม่พอใจ เจ้าสามารถมาหาข้าได้เลยหลังจากที่การถกวิถีเต๋าสิ้นสุดลง”

ฉือซงจื่อสาดสายตาออกไปดุจกระบี่เยียบเย็น พร้อมกับสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ

“สหายเต๋า โปรดระงับโทสะของเจ้า ท่านเจ้าสำนักของข้าให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการถกวิถีเต๋า โปรดอย่าได้ขัดขวางการถกวิถีเต๋าเพียงเพราะเหตุนี้” ไฮว่คงจื่อกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

แค่วาจาเหล่านี้เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ใจฉือซงจื่อสั่นสะท้าน ท้ายที่สุด เขาก็แค่นเสียงเย็นก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อและกลับไปที่โถงบรรจบพร้อมกับความโกรธ

เหวินถิงพยักหน้าให้เฉินซีแล้วจากไปเช่นกัน

เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

โดยไม่รอช้า ไฮว่คงจื่อก็ประกาศทันทีว่า “การประลองคู่ที่สอง เหลิ่งซิงหุนแห่งนิกายอำนาจเทวะปะทะกับอวี้จิ่วหุยจากตำหนักเต๋าหนี่หวา!”

ความสนใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบ ก็ถูกดึงไปทันที

เหลิ่งซิงหุนเป็นยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจากนิกายอำนาจเทวะที่ไม่มีใครเทียบได้ และสร้างชื่อให้กับตัวเองมานานแล้ว เขามีฉายาว่า ‘ยอดฝีมือในเอกภพจักรวรรดิ’ มามากกว่าหมื่นปี

มีข่าวลือว่า ถ้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน การบ่มเพาะของเขาก็สามารถบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวาเมื่อนานมาแล้ว และสิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดว่า พลังฝีมือของเขาน่าเกรงขามเพียงใด

ดังนั้นเหลิ่งซิงหุนจึงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ให้ความสนใจมากที่สุดในระหว่างการถกวิถีเต๋าครั้งนี้

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อวี้จิ่วหุยจากตำหนักเต๋าหนี่หวาไม่ได้มีชื่อเสียงที่น่าประทับใจนัก แต่นางก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน เนื่องจากนางสามารถผ่านเข้าสู่รอบที่สองได้

ทว่าคู่ต่อสู้ของนางครั้งนี้คือบุคคลอย่างเหลิ่งซิงหุน ดังนั้นผู้ชมส่วนใหญ่จึงมองว่าเป็นเบี้ยล่างในการต่อสู้ครั้งนี้

แต่ที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ เพราะหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มขึ้น อวี้จิ่วหุยได้ระเบิดพลังฝีมือที่เกินความคาดหมายของพวกเขา และนางต่อสู้ติดพันกับเหลิ่งซิงหุนอย่างดุเดือด

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของทุกคนอย่างแท้จริง และมันทำให้ความประทับใจของพวกเขาที่มีต่ออวี้จิ่วหุยลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในพิภพกุมภเต๋า และเกือบจะถูกกำจัดออกจากการแข่งขันนั้น เป็นเพราะศัตรูของเขามากด้วยจำนวนที่ล้นหลาม

การประลองคู่ที่หก ถูเมิ่งจากเขาเทพพยากรณ์ปะทะเซวี่ยเซียวจื่อจากนิกายอำนาจเทวะ

การประลองครั้งนี้ทำให้เฉินซีประหลาดใจจริง ๆ เพราะตามที่เขาเข้าใจ พลังฝีมือของถูเมิ่งก็เพียงพอที่จะพิชิตชัยคู่ต่อสู้ของเขาได้

แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ถูเมิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และส่งผลให้เซวี่ยเซียวจื่อคว้านี้โอกาสเพื่อล้มเขาได้ในรวดเดียว!

“ดูเหมือนว่าเซวี่ยเซียวจื่อคนนี้ จะเป็นอีกคนที่ปกปิดพลังฝีมือไว้อย่างแนบเนียน ในอดีตข้าให้ความสนใจเหลิ่งซิงหุนมากเกินไป และมองข้ามคนอื่น ๆ ในนิกายอำนาจเทวะ…” เฉินซีแอบถอนหายใจ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่ารู้สึกเสียใจ แม้ว่าถูเมิ่งจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ได้รับหม้อจารึกเต๋าโบราณ ดังนั้นจึงเพียงพอสำหรับเขาที่จะเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน

“อาจารย์อา ข้า….” ถูเมิ่งรู้สึกหดหู่ ละอายใจ และอารมณ์เสีย

“อย่าเก็บไปใส่ใจ” เฉินซีปลอบใจ “พลังฝีมือของเซวี่ยเซียวจื่อผู้นี้ไม่ธรรมดา มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

บางครั้งการยอมรับว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าก็ไม่ใช่เรื่องน่าละอาย เพราะมีแต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ฝีมือกล้าแกร่งเท่านั้น จึงจะทำให้ตระหนักถึงจุดอ่อนของตน

การประลองคู่ที่เจ็ด เย่เฉินแห่งสำนักเต๋าปะทะอินอู่ซวงจากตำหนักเต๋าหนี่หวา

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เย่เฉินก็เป็นผู้คว้าชัยไป

แต่ช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ คือเมื่อเย่เฉินใช้มรดกอย่างวิชาดาบราตรีนิรันดร์ มันเป็นสุดยอดวิชาของตระกูลเย่แห่งนิรันดร์ที่ไร้ซึ่งผู้สืบทอดมานานนับไม่ถ้วน และไม่มีทางที่จะบ่มเพาะหากปราศจากรากเต๋าวิภูจักรวรรดิ

รากเต๋าวิภูจักรวรรดินั่นหายากเป็นอย่างมาก พวกมันหายากยิ่งกว่ารากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า และอาจกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติของฟ้าดิน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวิชาดาบราตรีนิรันดร์จึงไม่มีผู้สืบทอดสำเร็จมาเป็นเวลานาน

ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นสุดยอดวิชาที่หายไปจากโลกนี้ ได้ปรากฏในมือของเย่เฉินโลกนี้อีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ที่นี่จึงตกตะลึงกันถ้วนหน้า

เพราะนั่นหมายความว่าเย่เฉินได้ขัดเกลาและดูดซับรากเต๋าวิภูจักรวรรดิเมื่อเขาบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ทำให้เขาครอบครองศักยภาพสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นวิภูจักรวรรดิ!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีจำได้ชัดเจนว่า หลายคนได้กล่าวว่าเย่เฉินนั้นขัดเกลาและดูดซับรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงกลายเป็นรากเต๋าวิภูจักรวรรดิได้?

เขาได้รับรากเต๋าวิภูจักรวรรดินี้มาจากไหนนั้น เป็นดั่งปริศนาที่ทำให้เฉินซีไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกประหลาดใจและสับสนได้ ซึ่งในที่สุด เฉินซีก็เข้าใจว่าเขาได้ประเมินเย่เฉินต่ำไปในอดีต

“คนผู้นี้แม้ดูอิสระ และไม่ถูกผูกมัด แต่แท้จริงแล้วเขากลับปกปิดพลังฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม!”

“ดังนั้นข่าวลือก็เป็นเรื่องจริง รากเต๋าวิภูจักรวรรดิที่สืบทอดมาจากยุคที่แล้วนั้นได้ตกอยู่ในมือของตระกูลเย่จริง ๆ” หลังจากที่เย่เฉินกลับมาจากสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ เหลิ่งซิงหุนก็กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของความกลัว

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]