เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1960

บทที่ 1960 พลิกผัน

………………..

บทที่ 1960 พลิกผัน

ตู้ม!

หลังหยิบกระบี่ศักดิ์สิทธิ์แห่งจ้าววิญญาณออกมาแล้ว กลิ่นอายดุดันของอาลูเย่ก็ยิ่งแกร่งกว่าเดิม แกร่งราวกับไม่อาจมีใครเทียบได้ สามารถบดขยี้ทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า

ความได้เปรียบที่เฉินซีได้มาตอนใช้ระเบิดสังหารเทวะก็หายไปด้วยประการฉะนี้

เฉินซีถูกดีดกระเด็นไปเหมือนมดตัวหนึ่ง กระอักเลือดออกมาไม่หยุด พยายามล้มลุกคลุกคลานยืนขึ้นให้ได้ อาภรณ์ทั่วร่างชุ่มไปด้วยเลือด

ความสะบักสะบอมของเขาทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ทนดูไม่ได้ มีทั้งความประหม่าทั้งกังวลอัดแน่นในใจไปหมด

อาลูเย่แกร่งไปแล้ว พลังถึงขั้นจ้าวเอกภพเก้าดาราก็ว่าได้ ยิ่งตอนนี้ยังเอากระบี่พลังทำลายล้างสูงออกมาใช้อีก ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่ในใจขึ้นมา

แต่ถึงกระนั้นเฉินซีก็ดูไม่ได้เจ็บปวดหรือหงุดหงิดแต่อย่างไร ทุกครั้งที่ถูกโจมตีกระเด็นกลับมา เขาก็จะลุกขึ้นกลับไปสู้สุดตัว

เหมือนว่าลืมเป็นลืมตาย ความมุ่งมั่นเกินคนเช่นนี้ทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ทั้งเจ็บทั้งโกรธและเกลียดศัตรูนัก เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่ง

ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อ กระทั่งอาลูเย่ยังต้องประหลาดใจ เพราะจิตต่อสู้ของเฉินซีนั้นแข็งแกร่งมาก ไม่อาจทำลายลงได้เลย

แต่หลังจากนั้น อาลูเย่ก็ยิ้มสบายอารมณ์ออกมาแล้วไม่สนใจอะไรอีก

เพราะยิ่งเฉินซีทำเช่นนี้ ในใจเขาก็ยิ่งรู้สึกอยากลงมือเหี้ยม อยากทำลายความตั้งใจทั้งหมดของเฉินซีลงให้สิ้น อีกฝ่ายจะได้กลายเป็นแค่เหยื่อชั้นต่ำหมอบแทบเท้าพวกเขา!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ภายใต้แรงกดดันของอาลูเย่ เฉินซีถูกดีดกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดย้อมฟ้าจนกลายเป็นสีแดง ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่มีจุดไหนที่ยังเหลือเนื้อดีอยู่เลย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงเฉินซีไม่ตายก็คงได้พิการแน่!

ทำอย่างไรดี? สืออวี๋และคนอื่น ๆ สมองตื้อไปหมด หัวเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี

ทั้งเฉินซียังชนะมาโดยตลอด แต่กลับถูกอาลูเย่กดไว้ได้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย มันต่างอารมณ์กันเกินไป ทำให้ยอมรับได้ยากอยู่บ้าง

“ขยะเอ๊ย!

“แสดงให้ดูหน่อยว่าเจ้าจะดิ้นรนไปได้อีกสักเท่าไหร่”

“เห็นหรือไม่ นี่คือความห่างชั้นระหว่างเจ้ากับข้า มีแผนภาพวารีหลากแล้วอย่างไร? ถึงมหาเทพเต๋ามาช่วยเจ้าก็ไม่รอดอยู่ดี!

“ยอมแพ้เสียเถอะ! ที่นี่คือหุบเหวทัณฑ์หายนะ เป็นถิ่นของเชื้อสายจ้าววิญญาณโบราณ หากข้าอยู่ก็ไม่มีใครรอดไปได้ เจ้าเองก็เช่นกัน”

“ยังคิดฝืนอีก? มุ่งมั่นเสียจริง ทว่าข้าก็ชอบคนแบบนี้ล่ะ เพราะหลังเปลื้องชะตาคนประเภทนี้แล้วข้าจะรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง”

ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อ อาลูเย่ก็ยิ่งพูดไม่หยุด ทั้งเยาะเย้ยถากถาง ลบหลู่เฉินซีอยู่ทุกทาง

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ได้ยินเข้าก็โกรธจนแทบระเบิด ไม่อาจยั้งปากด่าอาลูเย่ได้

ทว่าอาลูเย่หาได้สนใจไม่ สายตามองแต่เฉินซีราวกับว่าสนใจเพียงแค่การสังหารเฉินซีเพียงอย่างเดียว

สถานการณ์การต่อสู้ในตอนนี้นับว่าหมิ่นเหม่นัก!

มันเป็นการต่อสู้ที่ไร้ความยุติธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะความห่างชั้นพลังระหว่างสองฝ่ายมีมากเกินไป

ถึงตอนนี้ ใบหน้าของเฉินซีโชกเลือด ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงแต่ดวงตาที่ยังมั่นคง ไม่ยอมแพ้ และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด

ไม่รู้เพราะอะไร อยู่ ๆ สืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็ถูกความเศร้ากลืนกิน มันเป็นอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก หวังแค่อยากบ้าระห่ำเข้าจัดการอาลูเย่เสียตอนนี้

ทำไมกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? หรือว่าครั้งนี้เฉินซีจะ… จะเอาตัวรอดไปไม่ได้แล้ว?

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาเป็นครั้งแรก เป็นไปด้วยความเกลียดชังอัดอั้นในหัวใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี!

มันเป็นความเกลียดชังหนาแน่นอยู่ในอก!

น้ำเสียงถากถางของอาลูเย่ยังดังขึ้นอยู่เป็นระยะ เป็นเหมือนเข็มทิ่มแทงใจจนแทบจะแหลกสลายอยู่แล้ว

ทว่าก็เขาไม่รู้เลยว่าในใจอาลูเย่ก็บังเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นเช่นกัน

ไม่คิดเลยว่าเฉินซีบาดเจ็บหนักจนใกล้ตายขนาดนี้ แต่กลับยังรั้งอยู่จนถึงตอนนี้ได้! ให้ความรู้สึกราวกับเป็นปาฏิหาริย์เสียจริง!

แต่อาลูเย่จะใช้ท่าสังหารตอนนี้เลยก็ไม่ได้

ไม่ใช่ว่าเขาอยากเล่นกับเฉินซี แต่เป็นเพราะอยากเปลื้องชะตาเฉินซีให้ได้หมดต่างหาก ซึ่งถ้าอยากทำแบบนั้น เขาก็ต้องทำลายปราการป้องกันดวงจิตแห่งเต๋าของอีกฝ่าย บดขยี้ความมุ่งมั่น ทำลายศักดิ์ศรี ทำให้เป็นเหมือนขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง

ซึ่งนั่นเป็นทางเดียวเท่านั้น หากทำเช่นนั้นได้แล้วก็จะสามารถชิงเอาพลัง แก่นแท้ จิตวิญญาณ กฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์ และพลังทุกอย่างมาจากเฉินซีได้!

แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินซียังมีความมุ่งมั่นอยู่เต็มอก ศักดิ์ศรียังไม่ถูกทำลาย ทั้งดวงจิตแห่งเต๋ายังไม่หวั่นไหวเลยสักนิด!

อาลูเย่จึงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกว่าเรื่องนี้รับมือยากอยู่บ้าง อีกทั้งในใจยังเกิดความรำคาญขึ้นมา

มันก็แค่มดแดนเทพโบราณ! ถึงจะเป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากคนที่เก้าในยุคนี้ และเป็นผู้ช่วงชิงแห่งยุคที่น่าชื่นชม แต่สุดท้ายก็ยังกระจอกอยู่ดี!

ทว่าก็เป็นเจ้าคนนี้ที่อดทนฝืนต้านพลังของอาลูเย่มาจนถึงขั้นนี้ได้ อาลูเย่จะยอมรับเรื่องนี้ได้หรือ?

ตู้ม!

อาลูเย่จึงยิ่งลงมือหนักหน่วง วิธีการทรมานศัตรูยิ่งโหดร้ายดุดันมากขึ้น

“ไอ้บัดซบ! ดูเหมือนข้าจะไร้ทางเลือก คงต้องลงมือสังหารเจ้าก่อนได้เปลื้องชะตาเสียแล้ว ถึงทำเช่นนั้นจะไม่สามารถชิงเอาความแข็งแกร่งทุกอย่างของเจ้ามาได้ แต่ก็ดีกว่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น…” สัญชาตญาณมันบอกเขาว่า หากยังไม่ลงมือตอนนี้ จะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลงมือแล้วซัดท่าปลิดชีพออกมาทันที

ตู้ม!

กระบี่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า แผนภาพโบราณดูลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้น อีกทั้งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ยังส่องสว่างฉาบทั่วฟ้าดิน

กระบี่ศักดิ์สิทธิ์แห่งจ้าววิญญาณซัดลงมา!

ท้องนภาลั่นครืน ทุกสิ่งอย่างล่มสลาย อำนาจการโจมตีนี้กล้าแข็งและเกินจินตนาการจนร่างพวกสืออวี๋แข็งค้างไป กระทั่งเลือดภายในกายยังถูกแช่แข็ง ถึงขั้นที่จิตวิญญาณเกือบหลุดจากร่าง หายใจแทบไม่ได้กันเลยทีเดียว

น่ากลัวยิ่ง!

เจ้านี่หมายสังหารเฉินซีในการโจมตีเดียว!

เพียงพริบตาเดียว สีหน้าสืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าในพลัน ไม่อาจเก็บความกังวลในใจไว้ได้อีกต่อไป รีบพุ่งเข้าหาแท่นสังเวยเต็มกำลัง

ตอนนี้เฉินซีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ร่างอาบเลือดเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เหมือนกับเกรงกลัวการโจมตีตรงหน้าจนขยับไม่ออก

ทว่าสายตาเขากลับมุ่งมั่นกระจ่างใสยามมองปราณกระบี่ที่ซัดเข้าใส่

เหมือนกับกำลัง… รอความตายอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าจะรู้แล้วว่าตนเองทำอะไรไม่ได้จึงไม่คิดฝืน?

อาลูเย่ไม่อาจรู้คำตอบ แต่เห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากสังหารเฉินซีลดลงแต่อย่างไร เพราะเขาเองก็หยุดการโจมตีไม่ได้แล้วเช่นกัน

ครืน!

ปราณกระบี่เคล้าจิตสังหารกำลังจะซัดเข้าใส่เฉินซีแล้ว

สืออวี๋และคนอื่น ๆ พุ่งเข้าหาแท่นสังเวยอย่างบ้าคลั่ง

อาลูเย่เผยยิ้มเย็นเจือแววผู้ชนะ

เวลาเหมือนถูกหยุดอยู่ตรงนั้น ภาพแปลกประหลาดทั้งหลายฉายผ่านสายตาเฉินซี จากนั้นแววตาพลันไร้อารมณ์ เยือกเย็น หากแต่สงบสุขอย่างถึงที่สุด

จังหวะนั้นเอง คัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งก็ค่อย ๆ เปิดหน้ากระดาษออกตรงหน้า

เหมือนเป็นการเริ่มต้นแห่งยุคใหม่

เหมือนการเริ่มต้นแห่งการเกิดดับ

ทันใดนั้นฟ้าดินก็พลิกกลับ!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]