บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 197

บทที่ 197 ถันไถหง

เซียนสวรรค์!

ตัวตนในตำนานที่รอดชีวิตจากเก้าคลื่นแห่งทัณฑ์สวรรค์มาได้และบรรลุสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์จนกลายเป็นผู้ควบคุมอำนาจเต๋าแห่งสวรรค์ ยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอย่างภาคภูมิ เป็นเจ้าเหนือหัวตลอดกาล ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนเฝ้าฝันถึงขอบเขตสูงสุดนี้!

ข่าวที่ชิงซิ่วอี้เป็นเซียนสวรรค์มาเกิดใหม่เป็นข่าวที่น่าตกตะลึงนัก ทำให้เกิดความประหลาดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของนางยังได้รับความเคารพสูงส่งมากกว่าทุกคนที่เฉินซีรู้จัก และแม้แต่เป่ยเหิงก็ไม่ได้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่เท่านาง

เพราะหนึ่งคนเป็นเซียนปฐพี อีกคนเป็นเซียนสวรรค์ คนหนึ่งอยู่บนสวรรค์ อีกคนอยู่บนดิน ระยะห่างที่เหมือนหุบเหวเช่นนี้ ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้อย่างสมบูรณ์

แม้ว่าชิงซิ่วอี้จะเป็นเซียนสวรรค์ผู้กลับมาเกิดใหม่ แต่ความแข็งแกร่งยังไม่ได้หนึ่งในหมื่นส่วนของเซียนสวรรค์เลย แต่เมื่อระดับการบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้น จิตและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเซียนสวรรค์ของนางก็จะตื่นขึ้น แค่การรู้แจ้งถึงเต๋าที่มาจากขอบเขตเซียนสวรรค์นั้นมากพอจะช่วยให้นางบรรลุความสูงส่งที่คนธรรมดาไม่อาจก้าวถึงแล้ว นางเป็นเหมือนดวงอาทิตย์สว่างรุ่งโรจน์ จึงไม่มีใครกล้าดูถูกนาง

เช่นเดียวกับตอนนี้ ในฐานะที่เป็นนายท่านแห่งหอขุมทรัพย์สวรรค์ พลังในปัจจุบันของเฝิงจวิ้นเหอจึงอยู่ในขอบเขตสถิตกายา ทว่าเขาได้แต่มองนางจากไปโดยไม่กล้าหยุดรั้ง

เนื่องจากนางสามารถกลับมาจุติและฝึกฝนได้อีกครั้ง ความสำเร็จเช่นนี้ชี้ชัดว่านางควรเป็นบุคคลน่าเกรงขามในหมู่เซียนสวรรค์ ‘ข้าเชื่อว่าหากพยายามมากพอ มันก็เป็นไปได้ที่ข้าจะเหนือกว่านางในสักวันหนึ่ง’ เฉินซีแอบกำหมัดแน่นและหลุดจากภวังค์ความตกใจ ภูมิหลังของชิงซิ่วอี้ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้ แต่ยังช่วยกระตุ้นเจตจำนงต่อสู้อันไร้ที่สิ้นสุดของเขาอีกด้วย

“นายน้อย เพื่อเป็นการชดใช้ หอแสดงกระบี่แห่งหอขุมทรัพย์สวรรค์ของข้าได้มอบของขวัญให้นายน้อยเป็นพิเศษ โปรดรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ด้วย” ตอนนี้ผู้ดูแลหญิงผู้งดงามเดินมาอีกครั้ง นางถือกล่องหยกไว้ในมือพลางพูดด้วยความเคารพ

“ไม่มีความจำเป็นหรอก ข้าไม่ได้ทำอะไรที่สมควรได้รับสิ่งนี้ เอาไปคืนเถอะ” เฉินซีส่ายหัวพลางพูด เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็สังเกตเห็นว่าเฝิงจวิ้นเหอผู้เป็นนายท่านแห่งหอขุมทรัพย์สวรรค์ ได้หายตัวไปแล้ว

“นายน้อย กระบี่เหล่านี้คือกระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอด เป็นชุดกระบี่ธาตุทั้งหมดห้าชุด กระบี่คู่หยิน กระบี่คู่หยาง กระบี่ลม กระบี่สายฟ้า และกระบี่ดาราจักร ทั้งหมดนี้เป็นศัสตราวิเศษอันล้ำค่าที่ท่านหญิงสุ่ยฮวาคัดเลือกมาให้นายน้อย นางกล่าวว่าหากท่านไม่ยอมรับ ศัสตราวิเศษเหล่านี้ไว้ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน ข้าควรโยนมันทิ้งกลางถนนให้คนอื่นมาเก็บไปเสีย” ผู้ดูแลหญิงอธิบายด้วยสีหน้าน่าสงสาร

เฉินซีกลับรู้สึกเย็นยะเยือกในใจเมื่อได้ยิน กระบี่ทั้งสิบเล่มนี้บังเอิญตรงกับเจตจำนงเต๋าที่เขาเข้าใจพอดี เห็นได้ชัดว่าท่านหญิงสุ่ยฮวารู้เช่นกันว่าเฉินซีเข้าใจเจตจำนงเต๋าสูงสุดสิบประเภท ดังนั้นนางจึงช่วยเขาเลือกกระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดมาสิบเล่ม ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ได้ปรากฏตัวเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ

‘ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ถ้ามันขัดกับความตั้งใจของข้า ข้าย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน’ เฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่งและรับกล่องหยกมาในที่สุด

“นายน้อย ท่านหญิงยังบอกอีกว่านายน้อยกำลังมุ่งหน้าไปยังห้วงทะเลทรายมรณะครั้งนี้เพื่อดูดซับปราณหยางนพเก้าล้ำลึก ดังนั้นท่านน่าจะยังขาดปราณหยินนพเก้าลึกล้ำอยู่ เพราะอย่างนั้นนางจึงรวบรวมปราณหยินนพเก้าลึกล้ำให้นายน้อยด้วยตัวเอง ข้าหวังว่านายน้อยจะรับมันไว้” เมื่อเฉินซีตั้งใจจะหันหลังจากไป ผู้ดูแลหญิงคนนั้นก็หยิบขวดหนังแกะที่มีลักษณะคล้ายหยกออกมาและเอ่ยเสียงสุภาพ

‘ผู้หญิงคนนี้สามารถคิดอ่านทุกอย่างได้ถูกต้องทั้งสิ้น ของขวัญสองชิ้นที่นางให้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการโดยด่วน และข้าไม่อาจปฏิเสธได้เลย’ เฉินซีลอบถอนหายใจ เขาไม่ได้มีความสุขเลยที่จะได้กองสมบัติล้ำค่าเหล่านี้มาครอง

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาท่องเข้าไปในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ รวบรวมสิ่งของหลากหลายอย่างมาจนกองเป็นภูเขา จากนั้นก็ใส่มันไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติ แล้วส่งให้ผู้ดูแลหญิงพลางกล่าวว่า “ของขวัญจำต้องแลกเปลี่ยนกัน นี่คือความปรารถนาดีของข้า หวังว่าเจ้าจะสามารถส่งต่อให้กับท่านหญิงสุ่ยฮวาได้” พูดแล้ว เฉินซีก็หยิบขวดหยกอีกขวดที่บรรจุวารีวิญญาณขนาดหนึ่งพันชั่งออกมาและคลี่ยิ้ม “ขอบคุณที่อุตส่าห์ลำบาก วารีวิญญาณหนึ่งพันชั่งนี้ถือเป็นของตอบแทนคำขอบคุณ หวังว่าเจ้าจะรับมันไว้”

พูดจบ เฉินซีก็ไม่รั้งรออยู่อีก แล้วจึงเดินจากไป เขากลัวว่าถ้าเขายังรั้งอยู่ที่นี่ต่อและยิ่งได้สมบัติล้ำค่าเยอะขึ้นอีก เขาจะไม่อาจรับมันไว้ได้อีก

แต่เมื่อเพิ่งจะเดินออกจากประตูก็พบกับคนคุ้นเคย ถันไถจื่อเซวียนและชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเย็นชาและผมสีเทายืนอยู่ข้าง ๆ

ชายวัยกลางคนผู้นี้ยืนด้วยท่าทางมีภูมิฐาน มือไพล่ไว้ด้านหลัง รอบกายเขาราวกับมีสนามพลังไร้รูปร่างหมุนเวียนอยู่ ราวกับว่าการเคลื่อนไหวเพียงนิดก็สามารถทำลายอากาศรอบกายได้

นี่คือภาพของผู้ที่กำลังจะก้าวสู่ขอบเขตจุติ เรียกว่าขอบเขตกึ่งจุติ!

เฉินซีไม่จำเป็นต้องเดาด้วยซ้ำว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คือถันไถหง บิดาของถันไถจื่อเซวียน และผู้นำตระกูลถันไถ และยังเป็นนายท่านแห่งกิจการค้าขายอันดับหนึ่งแห่งเมืองห้วงทะเลทรายมรณะ ซึ่งเรียกว่า ‘กิจการคุมสมบัติ’

“เจ้าคือเฉินเค่อหรือ เจ้าดูเป็นผู้กล้าหนุ่มที่ไม่ธรรมดาทีเดียว ขอขอบคุณที่ช่วยให้ลูกสาวของข้ากลับเมืองมาได้อย่างปลอดภัย” ถันไถหงกวาดตามองเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าเย็นชาพลันผ่อนคลายมากขึ้น

‘หืม? หรือว่าถันไถจื่อเซวียนจะบอกเขาเรื่องที่ข้าสังหารหานกู่เยว่และคนอื่น ๆ ไปแล้ว?’ เฉินซีมองไปทางถันไถจื่อเซวียนที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างตะลึงเล็กน้อย

“สหายเต๋าเฉินเค่ออย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแต่รายงานให้ท่านพ่อฟังว่าหานกู่เยว่และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลหานถูกผู้อาวุโสลึกลับสังหาร ส่วนท่านเพียงแค่ผ่านมาและส่งพวกเรากลับไปที่เมืองเท่านั้น ท่านพ่อของข้าเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อขอบคุณเท่านั้น” ถันไถจื่อเซวียนอธิบายผ่านกระแสปราณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]