บทที่ 1994 ความโกลาหลครั้งใหญ่
………………..
บทที่ 1994 ความโกลาหลครั้งใหญ่
ศิษย์พี่ใหญ่!
ทันใดนั้น เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนี้ หัวใจที่สงบแต่เดิมของเฉินซีก็รู้สึกถึงระลอกคลื่น และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจะพบกับอู๋เซวี่ยฉาน ผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ที่อาณาเขตของตระกูลเสวี่ยภายในดาราจักรนางแอ่นสงัด
เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และพบกับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งในขณะนี้ เฉินซีก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันจริง ๆ
เขาได้ทราบจากถู่เมิ่งแล้ว ว่าเวลาผ่านไปเกือบหกร้อยปีแล้ว นับตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่คำนึงถึงช่วงเวลาสิบปีที่เขาอยู่ในแดนรวนเรลืมเลือน เฉินซีก็ติดอยู่ภายในแดนวิปโยคมานานกว่าห้าร้อยปีแล้ว!
ในเวลานั้น เฉินซีไม่รับรู้ถึงว่าเวลาที่ผ่านไป ท้ายที่สุดแล้ว นับตั้งแต่เข้าสู่แดนวิปโยค เขาก็ตกอยู่ในสภาพหมดสติตลอดมา และในช่วงหมดสตินี้เองทำที่ทำให้การบ่มเพาะของเขาทะลวงอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นจ้าวเอกภพสามดารา
ต่อมาผู้ช่วงชิงคนที่แปด จ้าววิญญาณ จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และตั้งใจที่จะยึดครองตราประทับยุคสมัย ของเฉินซี ซึ่งสิ่งนี้ได้กระตุ้นให้เฉินซีตื่นขึ้นจากสภาวะหมดสติ
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในช่วงที่เขาหมดสติอยู่ในแดนวิปโยค เวลาได้ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว!
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็หนีออกจากแดนวิปโยค และกลับไปยังแดนเทพโบราณแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและน่าตกใจ ซึ่งเกือบทำให้เขาตายเมื่อครู่นี้ และเมื่อเห็นอู๋เซวี่ยฉานมาถึงที่นี่ จึงเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาซับซ้อนเพียงใด
เขาทอดถอนใจด้วยอารมณ์ ทั้งยังรู้สึกงุนงง ตื่นเต้น และอารมณ์อื่น ๆ มากมาย
“นั่นคือ?”
“หรือว่าเขา…จะเป็นเจ้าของมือที่ปกคลุมท้องฟ้า?”
“นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นมหาเทพเต๋าจากตระกูลกงเหย่หรือ?”
คนในตระกูลเสวี่ยสังเกตเห็นอู๋เซวี่ยฉาน แต่พวกเขากลับจำเขาไม่ได้เลย และหลายคนถึงกับเข้าใจผิดว่าอู๋เซวี่ยฉานเป็นมหาเทพเต๋าจากตระกูลกงเหย่
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของหลายคนเปลี่ยนไป
สภาพจิตใจของเฉินซีตอนนี้ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง แต่เขากลับรู้สึกขบขันและกล่าวสิ่งใดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เขาทราบดีว่าพวกเขาไม่เคยเห็นอู๋เซวี่ยฉานมาก่อน และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ก็เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพวกเขาที่จะสับสนต่อตัวตนของศิษย์พี่ใหญ่
อย่างไรก็ตาม ถูเมิ่งไม่อาจระงับตัวเองได้ และอดไม่ได้ที่จะตวาดเสียงดังว่า “ให้ตายเถอะ!? นั่นคืออาจารย์ของข้า นายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ อู๋เซวี่ยฉาน!”
เสียงของเขาราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องไปทั่วโลก
อู๋เซวี่ยฉาน!
เมื่อได้ยินชื่อนี้ พวกเขาทั้งหมดรวมทั้งเสวี่ยฉางคงและเสวี่ยเวิ่นชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อ ในขณะที่ดวงตาเบิกโพลง
นายใหญ่! เขาคือนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ อู๋เซวี่ยฉาน!
ในความคิดของเสวี่ยฉางคงและคนอื่น ๆ ชื่อนี้เปรียบเสมือนตำนานที่ไม่มีใครแทนที่ได้ ชื่อเสียงของเขาเกรียงไกร จนแม้แต่ในแดนเทพโบราณทั้งหมด ก็มีไม่กี่คนที่เทียบเคียงกับเขาได้
ทว่าบัดนี้ บุคคลที่ไม่ธรรมดาในตำนานดังกล่าว ได้ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาพวกเขาแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกตกใจเพียงใด
เฉินซีไม่สามารถใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนั้นได้ หลังจากที่เขาหายจากอาการตกตะลึง ร่างของเขาก็พุ่งไปที่อู๋เซวี่ยฉาน และเขาก็กล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุขอย่างยิ่ง
อู๋เซวี่ยฉานพินิจเฉินซีหัวจรดเท้า จากนั้นก็ทอดถอนใจยาวแรงหลังจากผ่านไปพักใหญ่ “ถ้าข้าไม่มาที่นี่ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าศิษย์น้องเล็กของข้าได้บรรลุการบ่มเพาะถึงขอบเขตนี้แล้ว?”
ขณะที่กล่าว อู๋เซวี่ยฉานก็สวมกอดเฉินซี นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และนอกจากจะรู้สึกประทับใจแล้ว เขายังรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“คราวนี้เจ้าทำได้ดีมาก” อู๋เซวี่ยฉานตบไหล่เฉินซี แล้วกล่าวพร้อมยิ้ม
“ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วไอ้เฒ่าจากตระกูลกงเหย่….” เฉินซีเอ่ยถาม
อู๋เซวี่ยฉานกล่าวอย่างสบาย ๆ “กงเหย่เจิ้งหรือ? มันตายไปแล้ว”
เฉินซีเข้าใจทันทีว่า เจ้าของมือขนาดมหึมาก่อนหน้านั้น คือกงเหย่เจิ้งที่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขากล่าวถึง และในช่วงเวลาคับขันเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ามันระเบิดเป็นชิ้นเสี่ยง เพราะศิษย์พี่ใหญ่ของเขาได้ลงมือจากเงามืดนั่น
เมื่อหวนคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ได้สังหารมหาเทพเต๋าอย่างไร้เสียงได้อย่างไร เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม “ศิษย์พี่ใหญ่แข็งแกร่งปานใดกัน?
“นายใหญ่!” ในขณะเดียวกัน เสวี่ยฉางคงและคนอื่น ๆ ก็ฟื้นจากอาการตกใจ จากนั้นพวกเขาโค้งคำนับพร้อมกัน ซึ่งใบหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและความชื่นชม
อู๋เซวี่ยฉานและเฉินซีสบสายตาและยิ้มให้กัน จากนั้นพวกเขาก็หยุดนึกถึงอดีต
อู๋เซวี่ยฉานโบกแขนเสื้อวูบหนึ่ง จากนั้นสายฝนศักดิ์สิทธิ์ก็ปกคลุมฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ทันที
พื้นดินที่แตกร้าวและรกร้างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม….
“ผ่านไปหลายร้อยปีตั้งแต่นั้นมา ทุกคนล้วนคิดชายคนนั้นได้เสียชีวิตในแดนรวนเรลืมเลือนแล้ว แต่ใครจะคาดคิด…ว่าเขาจะปรากฏตัวในแดนเทพโบราณอีกครั้ง!?”
“มันไม่ใช่แค่นั้น ข้าได้ยินมาว่า เฉินซีปรากฏตัวในดาราจักรนางแอ่นสงัดอันห่างไกลอย่างไม่คาดคิด และเขาอาศัยการบ่มเพาะของเขาที่ขอบเขตจ้าวเอกภพสามดาราเพื่อทำลายล้างจ้าวเอกภพทั้งสิบสองคนในรวดเดียว และช่วยตระกูลเสวี่ยจัดการกับภัยพิบัติ!”
“โอ้สวรรค์ เพียงผ่านไปไม่กี่ร้อยปี เขา…กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“เขาจะต้องได้รับโชคลาภในแดนรวนเรลืมเลือนอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาจะทะลวงผ่านจากขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลไปสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพสามดาราในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ไม่หรอก มันไม่ง่ายอย่างนั้นอย่างแน่นอน มันน่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเขาที่จะสังหารจ้าวเอกภพทั้งสิบคนได้ด้วยตัวเอง ในขณะอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพสามดารา ท้ายที่สุดแล้ว จ้าวเอกภพเหล่านั้นมาจากกองกำลังอันดับหนึ่งทั่วทั้งเอกภพจักรวรรดิ และไม่มีสักคนที่มีฝีมือธรรมดา! แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเฉินซี นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลังยุทธ์ของเฉินซีในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด!”
“แน่นอน ข้าได้ยินมาว่า แม้แต่นายใหญ่อู๋เซวี่ยฉานก็ปรากฏตัวในภายหลัง และเขาก็สังหารมหาเทพเต๋าที่ตระกูลกงเหย่มีแค่คนเดียว!”
“โอ้สวรรค์!”
…
ในช่วงเวลาต่อมา ข่าวลือมากมายที่เกี่ยวข้องกับเฉินซีถูกหยิบยกมาอย่างไม่หยุดยั้ง และแดนเทพโบราณทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นแห่งความโกลาหลครั้งใหญ่
ไม่มีใครคาดคิดว่าทันทีที่เฉินซีปรากฏตัวหลังจากหายตัวไปเป็นเวลาหลายร้อยปี เขาจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่จนทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน มันจึงเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาบรรลุขอบเขตจ้าวเอกภพสามดาราในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่ร้อยปี และสังหารจ้าวเอกภพทั้งสิบสองคนด้วยตัวเอง ได้กลายเป็นหัวข้อที่ผู้บ่มเพาะต่างยินดีที่ได้กล่าวถึง
แม้ว่าบางคนจะยินดี แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกเสียใจ และเป็นกังวลอย่างแน่นอน
ในไม่ช้า ตัวตนของจ้าวเอกภพทั้งสิบสองคนก็ถูกเปิดเผย และทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในทันที
เพราะจริง ๆ แล้ว จ้าวเอกภพเหล่านั้นมาจากกองกำลังอันดับหนึ่งของเอกภพจักรวรรดิ เช่นตระกูลกงเหย่ ตระกูลลั่ว ตระกูลคุนอู๋ ตระกูลจิน ตระกูลตี้…
ถึงขนาดที่แม้แต่ตัวตนของมหาเทพเต๋า กงเหย่เจิ้งที่ถูกอู๋เซวี่ยฉานสังหารก็ถูกเปิดเผยแล้ว
ทันใดนั้นโลกทั้งโลกก็ปั่นป่วน นี่เป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะท้านโลกา และผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมของเอกภพจักรวรรดินั้นมีมากมายมหาศาล มันถึงขั้นที่อาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ ๆ มากมาย แล้วใครจะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร?
เหล่ากองกำลังมากมายยังสังเกตเห็นว่า ตระกูลเสวี่ยซึ่งอาศัยอยู่ในดาราจักรนางแอ่นสงัดอันห่างไกล ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเหตุการณ์ต่อเนื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะจะไม่มีใครกล้ารุกรานพวกเขา ในขณะที่พวกเขาได้รับการคุ้มครองโดยเขาเทพพยากรณ์
สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกอิจฉาตระกูลเสวี่ย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเริ่มเดาได้ว่า ตระกูลเสวี่ยได้ใช้วิธีใดเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเขาเทพพยากรณ์
โดยสรุปแล้ว เฉินซีที่หายตัวไปหลายร้อยปีได้กลับมาแล้ว และเหตุการณ์สำคัญมากมายก็เกิดขึ้นพร้อมกับการกลับมาของเขา
ในทางกลับกัน ในขณะที่โลกภายนอกกำลังถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างมีชีวิตชีวา เฉินซี ก็กลับมาที่เขาเทพพยากรณ์พร้อมกับอู๋เซวี่ยฉาน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...