บทที่ 1993 หนึ่งหัตถ์ปิดนภา
………………..
บทที่ 1993 หนึ่งหัตถ์ปิดนภา
ทว่า….
ยามพบว่าเฉินซีกำลังจากไป เสวี่ยอวิ๋นก็ยังรู้สึกอิดออดใจเล็กน้อย ดวงตาละห้อยเศร้าหมอง
เสวี่ยฉางคงเห็นแล้วก็อดถอนใจมิได้
ก่อนหน้านี้ เขาเร่งเร้าให้บุตรสาวเกี้ยวพาเฉินซีอย่างเต็มที่ แต่ยามนี้ ยามได้ประจักษ์ศึกสะท้านโลกา เขาก็ตระหนักทันทีว่าบุตรสาวคงไม่มีทางเกี้ยวตัวตนโดดเด่นไร้เทียมทานเช่นเฉินซีได้ ฝืนดึงดันไปก็มีแต่จะล้มเหลว
“ยายหนู อย่าทำเช่นนั้นเลย เฉินซีแบกรับความรับผิดชอบมากมาย เขาหรือจะอยู่ที่นี่ได้นาน หากเจ้าถือเขาเป็นสหาย ภายหน้าไปพบเขาก็ได้นี่” เสวี่ยฉางคงตบบ่าเสวี่ยอวิ๋นพลางเกลี้ยกล่อมนางด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
เฉินซีย่อมเดาความคิดบางส่วนของเสวี่ยอวิ๋นได้ แต่เขาก็ไม่อาจดื่มด่ำไปกับมัน
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องรีบร้อนจากไป เขากังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องแบกรับความรู้สึกของสตรีอีกคน จึงรู้สึกว่าการชิงลงมือสะบั้นมันเสียก่อนสุกงอมเป็นการดีที่สุด
“เช่นนั้น… ก็ดูแลตนเองด้วยนะ” เสวี่ยอวิ๋นสูดหายใจลึก ๆ ดวงตากระจ่างจ้องมองเฉินซีพลางกล่าวเสียงเบา
เฉินซียิ้มบาง “เจ้าก็ด้วยนะ”
ว่าแล้ว เขาก็เตรียมจากไปพร้อมกับถูเมิ่ง ทว่าในตอนนั้นเอง หนึ่งความรู้สึกอันตรายยิ่งปรากฏในใจ ทำให้ร่างของเขาชะงักเฉียบพลัน ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
หือ?
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่น ๆ ก็ผงะไปอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาต่างมองตามสายตาเฉินซี ที่นั่นดูสุดแสนว่างโล่งไร้สิ่งผิดปกติ ทำให้พวกเขาอดงุนงงไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
มีเพียงถูเมิ่งที่เหมือนสังเกตเห็นบางอย่าง สีหน้าของเขาย่ำแย่ลง “อาจารย์อา ดูเหมือน…”
“อย่าพูด!” เฉินซีโบกมือหยุดถูเมิ่งไว้ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
หัวใจของคนอื่น ๆ ยามเห็นเช่นนี้เต้นกระตุก ยามเผชิญจ้าวเอกภพทั้งสิบสองก่อนหน้านี้ เฉินซีไม่ได้มีสีหน้าจริงจังเช่นยามนี้ด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เฮ้อ ข้ามาสายไปอยู่ดีหรือนี่” ขณะนั้นเอง หนึ่งเสียงอันเฒ่าชราอย่างยิ่งพลันแว่วมาในโลกหล้า เช่นสายหมอกอันลอยล่องบางเบา ทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจทราบที่อยู่แท้จริงของเจ้าของเสียง
หัวใจทุกดวงในละแวกหนาวยะเยือกเมื่อได้ยินเสียง เกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ความกลัวอันเกินบรรยายเกาะกุมถ้วนหน้า
หลายบุคคลซึ่งอ่อนแอหน่อยกระทั่งเริ่มร่างสะท้านเทิ้ม ใบหน้าซีดขาว เจียนทรุดกองกับพื้น!
นี่เป็นเพียงฤทธาจากเสียงเท่านั้น!
“มหาเทพเต๋า….” ม่านตาของเฉินซีหดตัว สีหน้าของเขาเคร่งขรึมถึงขีดสุด
มหาเทพเต๋า!
เมื่อได้ยินวาทะนี้ กระทั่งสีหน้าของถูเมิ่ง เสวี่ยฉางคง เสวี่ยเวิ่นชิง และคนอื่น ๆ ก็แปรเปลี่ยน ความรู้สึกอันตรายอย่างแรงกล้าสุดขั้วแผ่ซ่านในหัวใจ
มหาเทพเต๋าผู้ใดกัน? หรือเขาจะมา… ล้างแค้น?
“เจ้าหนู เจ้าฆ่าคนตระกูลกงเหย่ของข้าไปมากมาย ดังนั้นพวกเจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตเพื่อประโลมวิญญาณคนตระกูลข้า!” เสียงอันเฒ่าชรานั้นดึงขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้แฝงด้วยจิตสังหารอันเฉียบขาดเยียบเย็น
เพียงพริบตา โลกหล้าก็หม่นแสง สรรพสิ่งโหยไห้ กระทั่งมหาเต๋ายังสะท้านสั่น โลกหล้าทั่วทิศปกคลุมด้วยจิตสังการอันชวนพรั่นพรึง!
นี่คือฤทธามหาเทพเต๋า ทุกวาจาการกระทำเต็มไปด้วยฤทธายิ่งยง
“หรือเจ้าจะไม่กลัวล่วงเกินเขาเทพพยากรณ์ของเรา?” ถูเมิ่งตะโกนลั่นเสียงแข็ง กระทั่งยามนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจจับที่อยู่อันแน่ชัดของมหาเทพเต๋าผู้นี้ได้ ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านเกินสงบ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ข้าคิดจะทำเสียอย่าง เขาเทพพยากรณ์จะถือเป็นอะไรได้!” เสียงเฒ่าชรานั้นหัวเราะลั่นสนั่นหล้า
เพียงพริบตา สีหน้าของถูเมิ่งก็แปรเปลี่ยน เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่ามหาเทพเต๋าจากตระกูลกงเหย่จะกล้ากระทำตัวบุ่มบ่ามเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจเสียทีถึงคำพูดที่เทพธิดาแห่งอารามไท่ชูเคยบอกตนไว้…
ทุกตัวตนผู้บรรลุเป็นมหาเทพเต๋าล้วนโหดเหี้ยมไร้ความกลัว พวกเขาไม่ถูกกรรมและกฎเกณฑ์ในโลกหล้าเหนี่ยวรั้ง คิดฆ่าก็ฆ่า ไม่ถือที่มาภูมิหลังของผู้ใดใส่ใจ!
ในที่สุดยามนี้ เฉินซีก็ได้รู้ซึ้งถึงความนัยแห่งวาทะนาง และอดรู้สึกกดดันยิ่งอย่างช่วยไม่ได้
เขาส่งกระแสปราณถึงถูเมิ่งโดยไม่หยุดคิด “สถานการณ์อันตราย จากนี้ข้าจะทุ่มสุดกำลังสู้ ให้เจ้ารีบ…”
ไม่ทันสิ้นคำ สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน
หนึ่งหัตถ์เหี่ยวย่นขนาดมหึมาพลันปรากฏเต็มคลองสายตาอย่างเงียบงันบนท้องฟ้า
หัตถ์นั้นโอฬารโดยแท้ มันปกคลุมทั่วทั้งท้องนภา ดูประหนึ่งคลุมได้ทั้งดาราจักรที่พวกเขาอยู่!
ปราณของหัตถ์นั้นน่าสะพรึงกลัวเกินใดเปรียบ เส้นลายมือดูประหนึ่งตราประทับมหาเต๋า เต็มไปด้วยพลังกฎสูงสุด แผ่อำนาจขยี้โลกหล้าถล่มแหลกยุบเป็นหลุม!
ขณะเดียวกัน เฉินซีรู้สึกอึดอัด แก่นโลหิตทั่วกายดูประหนึ่งถูกแช่แข็ง รู้สึกคลับคล้ายเจียนตายเต็มที
ตุบ! ตุบ!
หลังจากนั้น พวกเขาก็เห็นนิ้วมือทั้งห้าทยอยกันแหลกสลายไป พร่างสายโลหิตลงย้อมนภาแดงฉาน
เกิดอะไรขึ้น?
เฉินซีและถูเมิ่งต่างจังงัง เหตุไม่คาดฝันนี้เกิดเร็วเกินไป เกินความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
เปรี้ยง!
เพียงพริบตา ดวงดาวนั้นก็เหมือนถูกพิรุณโลหิตโปรยชุ่ม กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วฟ้าดิน ย้อมทั่วแดนภพดวงดาวแดงฉาน!
หนึ่งหัตถ์ใหญ่เหี่ยวย่นปิดนภาพังทลายอย่างสมบูรณ์ มีเพียงหยาดพิรุณแดงฉานกระหน่ำย้อม
ยิ่งกว่านั้น นับแต่ต้นจนยามนี้ เสียงของมหาเทพเต๋าจากตระกูลกงเหย่ผู้นั้นก็ปลาสนาการสิ้น!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เฉินซีและถูเมิ่งต่างตะลึง กระทั่งด้วยการบ่มเพาะของพวกเขายังไม่อาจรับรู้สิ่งใด ไม่ว่าพวกเขาจะเค้นสมองคิดเพียงไร ก็ไม่อาจพินิจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนพวกเสวี่ยฉางคงนั้นล้วนผงะจังงังกับที่ เมื่อครู่พวกเขาร่อแร่เจียนตายกันอยู่แล้ว เมื่อเผชิญพิรุณโลหิตทั่วฟ้าในปัจจุบัน สมองของพวกเขาจึงว่างโล่ง เหม่อค้างใจลอย
ไร้ผู้ใดคาดคิดว่าเหตุเกินคาดฝันอันชวนตะลึงเช่นนี้จะมาบังเกิดในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
หนึ่งหัตถ์ใหญ่ปิดนภาสลายหาย เสียงของมหาเทพเต๋าจากตระกูลกงเหย่ผู้นั้นก็ปลาสนาการ สรรพสิ่งเกินคาดเดาคิดฝัน!
“ที่แท้ก็เป็นสัญญาณหลอก…” ครู่ต่อมา มุมปากของเฉินซียกยิ้มอันเปี่ยมอารมณ์ซับซ้อน แม้จะเป็นเช่นนั้น ประสบการณ์นี้ก็ยังทำให้เขาเข้าใจถ่องแท้ถึงความต่างชั้นการบ่มเพาะระหว่างเขาและขอบเขตมหาเทพเต๋า
“ดี! ดีเลย! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” ถูเมิ่งยังไม่ทันหายตกใจ แต่ยามนี้ เขาก็อดฉีกยิ้มกว้างหัวเราะร่ามิได้ เสียงของเขาสุดแสนลิงโลดที่รอดจากหายนะเช่นนี้พ้น
เฉินซีพึมพำ “แต่… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลังจากนั้น ร่างของเฉินซีก็ชะงักเกร็ง ดวงตาเรืองประกายโรจน์รุ่ง
เพราะหนึ่งบุคคลผู้หล่อเหลาทรงพลังพลันปรากฏขึ้นแสนไกลในท้องนภาพร่างพราวอย่างไร้สุ้มเสียง
ร่างนั้นมีเส้นผมขาวโพลนเช่นหิมะ สีหน้าอบอุ่นนุ่มนวล ดวงตาดูประหนึ่งจักรดาราอันแปรเปลี่ยนไร้ขอบเขต เพียงยืนเฉย ๆ ก็ให้ความรู้สึกราวอยู่เหนือสรรพสิ่งในโลกหล้า ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกสงบไร้กังวล
ราวกับว่า ขอเพียงมีเขาอยู่ กระทั่งฟ้าถล่มยังเป็นเรื่องเล็กน้อย
ร่างนั้นย่อมเป็นของนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ อู๋เซวี่ยฉาน!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...