บทส่งท้าย 2.1 จักรพรรดิมด
………………..
บทส่งท้าย 2.1 จักรพรรดิมด
แม้เป็นเพียงคนต้อยต่ำ แต่หากมีความเพียรแล้วก็อาจส่องแสงจ้าเช่นดวงรวียามทิวา
…
ในยามบรรพกาลที่ความรกร้างปกคลุมไปทั่วโลก
สัตว์อสูรทั้งสิบออกอาละวาดไปทั่ว เทพโดยกำเนิดสำแดงฤทธา ในขณะที่ปราชญ์สืบทอดเต๋าและมอบวิชาแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
ยุคบรรพกาลนับเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์อย่างยิ่ง
มันเป็นช่วงเวลาที่เหล่าทวยเทพต่อสู้เพื่อความเป็นใหญ่ มีปราชญ์ถือกำเนิดขึ้นจำนวนมาก นิกายและเผ่าต่าง ๆ ถูกสรรค์สร้างขึ้นมา พวกเขาต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจ สร้างเหตุการณ์ที่ชวนให้ตกตะลึงนับครั้งไม่ถ้วน และทิ้งร่องรอยอันน่าตื่นตามากมายลงในประวัติศาสตร์
ยอดคนในตำนานทั้งหลายได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ในขณะที่ตำนานนับไม่ถ้วนของพวกเขาถูกจารึกไว้บนประวัติศาสตร์ ชื่อของพวกเขาขจรขจายไปทั่วมุมโลก
และมันยังเป็นช่วงเวลาที่มดธรรมดาตัวหนึ่งได้ทิ้งรังของตนไว้ท่ามกลางความโกลาหลอันแสนรุ่งเรืองนี้
มันต้องการที่จะแสวงหาเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของตัวเอง
นานมาแล้ว เคยมีคนกล่าวไว้ว่ามดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยและเล็กจ้อยที่สุดในโลก อายุขัยของพวกมันมีจำกัด แม้แต่พรสวรรค์ก็ยังด้อยกว่าใคร ๆ
ดังนั้นการที่พวกมันจะอยู่หรือจะตาย ไม่ใช่เรื่องที่พวกมันจะสามารถตัดสินใจได้เอง!
เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะถือครองความแข็งแกร่ง สติปัญญา และร่างกายที่น่าเกรงขามซึ่งไม่ด้อยกว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติอย่างมดกลืนกินเทพ
น่าเสียดายที่มันคงเป็นไปไม่ได้
มดธรรมดาจะเทียบกับมดกลืนกินเทพได้อย่างไร? มันเหมือนกับเอาไข่มุกไปแข่งแรงแสงกับดวงจันทร์! เป็นทั้งเรื่องที่ไร้สาระและน่าขัน!
ในฐานะมด มันทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น…
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มดทุกตัวจะยอมรับเรื่องเหล่านั้น อย่างน้อยก็มีมดตัวหนึ่งปฏิเสธที่จะก้มหัวให้ชะตากรรมและหลีกหนีจากการเป็นสิ่งมีชีวิตแสนต่ำต้อย
มันทิ้งรังและออกเดินทางไปเพียงลำพัง
นอกจากนั้น มันยังคงไม่ลืมเสียงถากถางของสหายมดทั้งหลาย บางทีพวกเขาอาจคิดว่าข้าบ้าไปแล้วสินะ?
แต่ทั้งหมดนั่นหาได้สำคัญอีกต่อไป!
แม้ว่าดาวบนท้องฟ้าจะลาลับ พวกมันก็ยังคงทิ้งร่องรอยที่สุกใสและเจิดจ้าไว้บนนั้น
ข้าอยากจะเป็นดังดวงดาว! แม้ได้ส่องสว่างเพียงพริบตาก็ยังมีค่ายิ่งนัก!
ขณะที่มดตัวน้อยเริ่มออกเดินทาง มันก็พยายามให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ ทุกครั้งที่รู้สึกหวาดกลัว วิตก หรือลังเลใจ ความเชื่อมั่นที่มีก็ทำให้มันยังคงเข้มแข็งและฮึกเหิมอยู่เสมอ
…
ชีวิตของมดนั้น ไร้ค่าเกินกว่าจะรู้ว่าสิ่งใดที่ตนปรารถนา มันเองเป็นเพียงมดธรรมดา ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าโลกนี้กว้างใหญ่มากเพียงไหน?
จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดจึงจะเปล่งประกายดังแสงดาว?
มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด
อย่างไรก็ตาม มดตัวน้อยก็ยังคงยืนหยัดในความเชื่อของตน มันบอกกับตัวเองเสมอว่าทางข้างหน้าเกินกว่าจะเดินย้อนกลับ
มีเพียงต้องมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น
เพราะหนทางที่จะทำให้มันแตกต่างออกไปนั้นจะต้องอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้ มดตัวน้อยจึงเดินหน้าต่อไปอย่างพากเพียรเหมือนคนโง่เขลาที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
คำมีคนกล่าวไว้ว่าคนโง่คือคนที่ไม่รู้จักความกลัว
มดตัวน้อยไร้ซึ่งปัญญา ดังนั้นมันจึงไม่กลัวสิ่งใด!
มันไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ผ่านวันเวลามานานเท่าไร รู้เพียงแต่กลางคืนกลางวันได้สลับผันเปลี่ยนมาหลายคราเกินจะนับได้ และในวันนี้ มดตัวน้อยก็มองเห็นมหาสมุทรซึ่งทอดไกลออกไป มันอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความตกใจ “นี่คือทะเลอย่างนั้นหรือ?”
ไม่คาดคิด นกพิราบได้ยินเสียงของมัน เสียงร้องของเจ้านกหวีดอย่างขบขัน มันหัวร่องอหายเสียจนน้ำตารื้นเต็มขอบตากลมดิก
“เจ้ามดน้อยเอ๋ย เจ้าคิดว่าแอ่งน้ำเล็ก ๆ นี้เป็นมหาสมุทรจริง ๆ หรือ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
เสียงหัวเราะของมันดังระงมเสียกระทั่งเจ้ามดตัวน้อยตกใจและบังเกิดความผิดหวัง
กระนั้นไม่นานมดน้อยก็กลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้งและเดินหน้าต่อไป
“นี่! นี่! เจ้ามดน้อย! นั่นเจ้าจะไปที่ไหน?” นกพิราบส่งเสียงตะโกนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจมัน
“ที่ที่ไกลออกไป” มดตัวน้อยเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างแน่วแน่
“ทำไมรึ?” นกพิราบถามด้วยอยากรู้อยากเห็น
“ส่องแสงอย่างดาวตก!” มดตัวน้อยตอบอย่างจริงจัง
นกพิราบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลกไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด ครั้นได้เห็นว่าจิตใจของเจ้ามดน้อยยังคงไม่หวั่นไหว เสียงหัวเราะของมันก็ค่อย ๆ กลืนหายไปในลำคอ มันจ้องมองมดน้อยด้วยสายตาว่างเปล่า ขณะที่มดตัวน้อยเริ่มออกเดินทีละก้าว หัวใจของนกพิราบก็สั่นสะท้าน ความรู้สึกบางอย่างที่เกินจะต้านทานบังเกิดขึ้นในใจของมัน “เจ้ามดตัวน้อย ข้าเชื่อในตัวเจ้า!” มันเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะพูดคำนี้ออกมา
ไม่มีใครรู้ว่ามดตัวน้อยได้ยินหรือไม่ มันยังคงเดินหน้าต่อไป…
ตลอดเส้นทาง มดตัวน้อยได้สัมผัสกับความแตกต่างระหว่างก้อนหินกับภูเขา และได้เข้าใจว่าวัชพืชและต้นไม้คืออะไร
ในที่สุดมันก็เข้าใจว่า ‘มหาสมุทร’ ที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแอ่งน้ำเท่านั้น
ท่ามกลางเส้นทางที่ต้องเผชิญกับฝ่าพายุ แดดผลาญ และอันตรายนานัปการ มันยังคงได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตมากมาย
มีช่วงหนึ่งที่มันเกือบถูกไฟป่าเผาตาย คราวนั้นโชคดีที่ผีเสื้อช่วยชีวิตมันไว้ได้ และผีเสื้อตัวนั้นก็ทำให้มันได้สัมผัสประสบการณ์ในการ ‘บิน’ เป็นครั้งแรก
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...