บทส่งท้าย 2.2 จักรพรรดิมด
………………..
บทส่งท้าย 2.2 จักรพรรดิมด
“มดตัวกระจ้อยร่อยเช่นเจ้ากล้าฝันกลางวันอยากใฝ่หาหนทางแห่งการบ่มเพาะงั้นหรือ? หากไม่เห็นว่าเจ้าเดินทางมาลำบาก ข้าจะบี้เจ้าให้ตายเสียตรงนี้ไปแล้ว ไปซะ! อย่าทำให้สำนักของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
“เจ้าไปได้ ถึงแม้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะมีความเฉลียวฉลาด แต่ความสามารถของเจ้านั้นด้อยเกินไป ไม่เหมาะกับการบ่มเพาะเต๋าหรอก”
“ฮ่า ๆ! มดตัวกระจ้อยร่อยอยากจะบ่มเพาะ อยากจะใฝ่หาเต๋าเหมือนคนอื่นเขาหรือ? น่าขันสิ้นดี”
“หึ! หากรับเจ้าเป็นศิษย์ สหายเต๋าทั้งหลายคงได้หัวเราะข้าตายสิ รีบไปเสีย ชะตาเจ้าไม่ได้ลิขิตมาให้เลือกเดินทางนี้”
เจ้ามดน้อยไม่เคยคิดเลยว่าถึงมันจะพยายามหาอาจารย์และใฝ่หาเต๋ามาเนิ่นนานหลังจากเขาหมื่นบุปผามาได้ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใยทุกครั้ง อีกทั้งยังถูกเยาะเย้ยถากถางไม่หยุด ทำให้มันสิ้นหวังและรู้สึกเจ็บปวดอยู่หลายครั้งหลายคราว
แต่อาจเพราะแค่ครั้งเดียวยังไม่อาจทำให้เจ้ามดน้อยหมดหวัง แต่พอถูกปฏิเสธมากครั้ง กระทั่งเจ้ามดน้อยเองก็เริ่มรู้สึกสงสัยในตนเองแล้ว
หรือว่า… ข้าจะไม่สามารถบ่มเพาะได้จริง ๆ?
เป็นเพราะอะไรกัน?
ความสงสัยเหล่านี้เป็นเหมือนมีดคมที่เข้าแทงทรมานเจ้ามดน้อยและความหวังน้อย ๆ ให้แหลกเป็นชิ้น
โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ จะไม่มีหนทางให้ข้าได้ใฝ่หาเต๋าเลยหรือ?
ความหงุดหงิด ความสิ้นหวัง ความผิดหวัง และความเจ็บปวดเต็มอกเจ้ามดน้อย มันรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง ได้แต่มุ่งหน้าไปด้วยความหมองมัวเท่านั้น
ไม่มีใครปลอบประโลม ไม่มีใครให้กำลังใจ ไม่มีใครเห็นว่าในใจเจ้ามดเจ็บปวดและหงุดหงิดขนาดไหน
นี่คือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต้องเผชิญ จะมีใครหน้าไหนมาสนใจความรู้สึกมดตัวน้อยกัน?
ต่อมาเจ้ามดน้อยจึงเริ่มสิ้นหวัง มันไร้จุดมุ่งหมาย ไม่เห็นวันที่ตนจะได้พร่างพราวส่องแสงขึ้นมาบ้างเลย มันรู้สึกว่าเช่นนี้ก็สิ้นใจไปเลยเสียดีกว่า อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องทนกับความเศร้าในใจ
ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าความสิ้นหวังแล้ว
ในจังหวะนั้นเอง เจ้ามดน้อยก็ใกล้จะสิ้นใจเต็มทน แต่มันก็ได้พบกับใครบางคนเข้า….
ในวันนั้น พายุห่าใหญ่เทลงมา เมฆาสายฟ้าปกคลุมทั่วท้องนภา
ทั่วร่างมดน้อยเปียกชุ่มเหน็บหนาวจากแรงพายุ ถูกสายน้ำพัดเหวี่ยงไปตามพื้น ทันใดนั้นทั้งความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดทั่วร่างก็เหมือนปะทุขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้เจ้ามดน้อยสัมผัสได้ถึงความตายเป็นคราวแรก
มันรู้เลยว่าคราวนี้คงจะถึงวันตายของมันแล้ว ทว่ามันก็ไม่คิดดิ้นรนอะไรอีก เพราะใจของมันเหี่ยวแห้งรอวันสิ้นใจแล้ว
เป็นตอนนั้นเองที่น้ำเสียงเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความโอหังดังก้องกังวานผ่าลมพายุมา “ปราชญ์และทวยเทพงั้นหรือ? ไร้สาระ! ถึงพวกเจ้าจะเหนือกว่าธาตุทั้งห้า และกุมวิชาเหนือกว่าใคร หากไร้ซึ่งความคำนึงถึงชีวิตสรรพชีวิตทั้งหลาย เหยียบย่ำความยุติธรรม บิดถูกให้กลายเป็นผิด ไม่อาจแยกดีชั่ว เช่นนั้นก็ต้องถูกการ พิพากษาแห่งสังสารวัฏลงโทษ!”
น้ำเสียงนั้นมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม มันเสียงคำรามมังกรที่ดังก้องไปทั่วโลกา
ใจที่แน่นิ่งของเจ้ามดน้อยพลันสั่นสะท้าน มันลืมตาขึ้นมาก็เห็นภาพน่าตกใจที่มันจะจำไม่มีวันลืมเลือน….
เงาร่างองอาจร่างหนึ่งยืนอยู่เหนือฟ้าสูง ร่างเหยียดตรงดั่งเสาค้ำฟ้า เผยกลิ่นอายสูงส่งเหนือใคร คล้ายว่าหากต้องการ ก็ไม่มีใครสามารถขวางทางเขาได้ มหาเต๋ายังต้องยอมสยบ!
ทว่าเหล่าทวยเทพทั้งหลายกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเงาร่างสูงส่งนั้น!
รัศมีสีทองโปรยลงมา ได้ยินเสียงเต๋าร้องสะเทือน ทวยเทพที่มากันหนาแน่นเต็มฟ้าราวกับเดินออกมาจากตำนาน เหมือนเป็นตัวตนที่เหนือกว่าโลกใบนี้ แต่ละเงาร่างล้วนสูงส่งน่าเกรงขาม
เจ้ามดน้อยสังเกตเห็นว่ายอดฝีมือทั้งหลายที่มันเคยพบมาล้วนด้อยกว่าทั้งสิ้น
หลายปีต่อมา มดน้อยจึงได้รู้ว่ายอดฝีมือที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้าในวันนั้นคือจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามซึ่งกุมอำนาจพลังสังสารวัฏ!
ทวยเทพที่ปรากฏตัวในวันนั้นเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับการตายของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม!
เมื่อการต่อสู้สะท้านโลกาปะทุขึ้น มดน้อยก็ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรอีกเพราะพลังการต่อสู้รุนแรงมาก มันยังสงสัยอยู่เลยว่าจะถูกลูกหลงตายไปด้วยหรือไม่
ทว่าเจ้ามดน้อยก็ยังมีชีวิตรอดมาได้หลังจากผ่านศึกที่เขี้ยวกรำยาวนานเจ็ดวันเจ็ดคืน
“ไม่คิดเลยว่าจะมีมดตัวหนึ่งมาอยู่ส่งก่อนข้าจากไปเช่นนี้ สหายน้อย ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีเล่า หากข้ามีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ข้าจะขอดื่มกับเจ้าจนเมาเละกันไปข้างเลย” น้ำเสียงเบาสบายไร้กังวลดังขึ้นในใจมดน้อยจนมันชะงักไป มันเงยหน้าขึ้นมองรอบข้าง แต่ก็เห็นเพียงโลกสีเลือดที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
แม้คำเหล่านั้นจะไม่ใช่เหล้าแรง แต่ก็ให้ฤทธิ์แรงกว่าเหล้า ทำให้เลือดในกายมดน้อยเดือดพล่าน จิตวิญญาณลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มียอดฝีมือดั่งตำนานชวนเจ้ามดน้อยร่ำสุราด้วยกัน! ถึงแม้คำเชิญนั้นยากจะเป็นจริงได้ แต่… เจ้ามดน้อยก็จดจำมันไว้ไม่เคยลืมเลือน
ใช้ชีวิตต่อไปให้ดี! ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ดี จะต้องมีชีวิตที่เปล่งประกายกว่าดาวตกให้ได้!
…
ทว่าถึงใจหลงใหลและเร่าร้อนเพียงใด ก็คงไม่อาจเอาชนะความเป็นจริงได้
มดน้อยจึงกลับไปเดินยังเส้นทางยาวไกลและไม่มั่นคงของมันต่อ เดินทางไปเพียงลำพังบนเส้นทางที่มีแต่อุปสรรคขวากหนามขวางหน้า
ความเย็นชา คำถากถาง คำเยาะเย้ยดูถูกว่ากล่าวทั้งหลาย…. ในสายตาและความคิดของมดน้อยตัวกระจ้อย เส้นทางของการใฝ่หาเต๋านั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมาย
ทว่ามันก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ไปอีก ใจมันมุ่งมั่นแข็งแกร่งยิ่ง
เวลาผันผ่านไป
ไม่รู้ผ่านไปเท่าไหร่ มดน้อยก็เห็นว่าร่างกายมันเริ่มแก่ชราแล้ว ทุกอย่างก้าวไม่ง่ายดายมุ่งมั่นเหมือนแต่ก่อน ร่างกายกับหนักหน่วงไม่มั่นคงแทน
ข้าชราแล้วงั้นหรือ? ความรู้สึกในใจเจ้ามดน้อยนั้นซับซ้อนยิ่ง มันไม่ได้พ่ายแพ้ให้แก่ตนเอง แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับกาลเวลา….
แต่มันไม่มานั่งเศร้าอะไรมากนัก เพียงแต่มุ่งหน้าต่อไปด้วยความเงียบเชียบ
ถึงแม้จะแก่ชรา ถึงแม้พลังชีวิตจะค่อย ๆ หดหาย แต่มันก็ขอตายขณะเดินอยู่ในเส้นทางใฝ่หาเต๋า!
ส่วนเรื่องที่ว่าจะกลายเป็นดาวค้างฟ้าได้หรือไม่นั้น มดน้อยค่อนข้างใจสงบในเรื่องนั้น เบื้องหน้าของมันคือเส้นทาง ยังคงเดินทางตามหาสิ่งนั้นไม่หยุดหย่อน มีแต่แค่เรื่องนั้นเท่านั้นที่สำคัญ
ในยามพลบค่ำของวันหนึ่ง เจ้ามดน้อยผู้แก่ชรายิ่งก็ไม่อาจฝืนทนไหวอีกต่อไป มันหยุดเอนกายลงริมต้นไม้ต้นน้อยเขียวขจีต้นหนึ่ง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...