บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 201

บทที่ 201 ซากปรักหักพังห้าธาตุ

บทที่ 201 ซากปรักหักพังห้าธาตุ

สภาพอากาศของห้วงทะเลทรายมรณะนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากพายุทรายพัดผ่านและพายุมรสุมที่โหมกระหน่ำอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าห้วงทะเลทรายมรณะจะเข้าสู่ช่วงพักตัวในตอนนี้ แต่ลึกเข้าไปในนั้นก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ดี และแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติเอง ก็เอาชีวิตรอดได้ยากหากติดอยู่ข้างใน

พายุมรสุมห้าธาตุนี้เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยอันตรายของห้วงทะเลทรายมรณะ เนื่องจากพายุชนิดนี้มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด อีกทั้งยังครอบคลุมพื้นที่กว้างไกลนับพันลี้ ยามที่มันเคลื่อนผ่านไปที่ใดก็ตาม จะนำพาหายนะไปทุกหนแห่งและพรากเอาชีวิตของสรรพสิ่งไปด้วย

นอกจากนี้ ที่ศูนย์กลางของพายุก็มีซากปรักหักพังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซากปรักหักพังเหล่านี้คือสมรภูมิของเทพเจ้าและอสูรเมื่อหลายหมื่นปีก่อน อสูรและผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนได้ล้มตายลงที่นี่ ซึ่งมันเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวเจตจำนง เลือดเนื้อ สมบัติวิเศษที่พังเสียหาย และสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ที่ถูกเหลือทิ้งไว้ หลังจากที่กาลเวลาได้ผ่านไปนับหมื่นปี พวกมันก็ได้กลายเป็นสัตว์อสูรที่โหดร้าย สัตว์อสูรเหล่านี้ต่างก็ซุกซ่อนตัวและเคลื่อนไหวไปมาภายในพายุ แล้วถ้าหากมีผู้บ่มเพาะคนใดพลาดหลงเข้าไปในพายุ พวกมันก็จะรุมล้อมเข้ามาเพื่อฉีกกระชากผู้โชคร้ายคนนั้นให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือถูกดูดเอาพลังชีวิตอย่างตายทั้งเป็น

เป็นเพราะการมีอยู่ของซากปรักหักพังและการมีอยู่ของสัตว์อสูรที่ดุร้ายเหล่านี้ จึงทำให้พายุมรสุมห้าธาตุมีสภาพอากาศที่เลวร้ายและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้ เฉินซี ถันไถหง หวงฝู่ฉงหมิง และคนอื่น ๆ ได้เผชิญกับพายุมรสุมห้าธาตุ

พายุมรสุมห้าธาตุนั้นเปรียบเสมือนมังกรดุร้ายหลากสีที่โหมกระหน่ำอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก นอกจากนี้ เฉินซีก็สังเกตเห็นว่าพื้นที่รอบ ๆ พายุนั้นจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลมกระโชกส่งเสียงหวีดหวิวไปทุกหนทุกแห่ง ในขณะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกบดบัดแสงลง ชั้นทรายบนพื้นจะก่อตัวขึ้นเป็นกระแสวังวนจำนวนนับไม่ถ้วน ที่มีแรงดูดมหาศาลซึ่งสามารถกลืนกินสรรพสิ่งขณะที่มันผ่านไป แม้แต่เนินหินที่สูงชัน ก็ยังถูกกระแสวังวนกลืนหายไปในพริบตา

‘ข้าสงสัยนัก พายุมรสุมห้าธาตุที่ครอบคลุมพื้นที่นับพันลี้ จะมีขนาดใหญ่สักแค่ไหนกัน?’

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินซีมองไปยังขอบฟ้าที่อยู่ไกลแสนไกล ทุกหนทุกแห่งกลับถูกปกคลุมด้วยพายุมรสุมห้าธาตุที่ขวางเส้นทางข้างหน้า และถ้าพวกเขาต้องการจะเข้าไปลึกกว่านั้น พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องอ้อมพายุมรสุมห้าธาตุไป

ทว่าพายุมรสุมห้าธาตุกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาแล้ว และไม่ต้องกล่าวถึงการอ้อมไปด้านข้าง แม้ว่าพวกเขาจะหนีกลับไป พวกเขาก็ยังถูกพัดพาเข้าไปอยู่ดี เป็นเพราะพายุนี้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเกินไป จนทำให้ทุกคนไม่อาจทันรับมือและต้องตกอยู่ในความสิ้นหวัง!

“ระยำเอ๊ย! พายุมรสุมห้าธาตุนี้ร่อนเร่ไปทั่วห้วงทะเลทรายมรณะ แต่กลับไม่คาดคิดว่าพวกเราจะเผชิญกับมัน ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์อสูรที่อยู่ภายในพายุก็ไม่มีวันหมดสิ้น และเมื่อเราถูกพัดพาเข้าไปในนั้น เราจะติดอยู่ในซากปรักหักพังห้าธาตุและเผชิญกับการโจมตีของสัตว์อสูรระลอกแล้วระลอกเล่า ท้ายที่สุดชีวิตของพวกเราก็จะถูกพวกมันกลืนกิน!” สีหน้าของหวงฝู่ฉงหมิงมีร่องรอยของลางร้ายในขณะที่เขาคำรามด้วยเสียงแหบแห้ง และดวงตาของเขาก็สั่นไหวด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง

สีหน้าของคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เช่นกัน เพราะไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์อันน่าสะพรึงกลัวแทบจะทันทีที่เข้าไปในห้วงลึกของทะเลทรายมรณะ

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางที่ทรงพลังเป็นอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับพลังของธรรมชาติ พวกเขากลับดูต้อยต่ำ และไม่อาจต้านทานเลยแม้แต่น้อย

“ไม่! ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินมาว่าพายุมรสุมห้าธาตุจะสลายไปทุก ๆ สิบวัน และเมื่อมันสูญเสียพลัง ซากปรักหักพังห้าธาตุจะก็ถูกเผยขึ้นมา ดังนั้นทางรอดเดียวของพวกเราคือมุ่งเข้าไปในพายุและซ่อนตัวในซากปรักหักพังห้าธาตุ ตราบใดที่เราสามารถต้านทานระลอกคลื่นจากการโจมตีของสัตว์ร้ายได้ เราก็จะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย!”

ถันไถหงกล่าวทีละคำ “ทุกคน เราไม่มีทางให้ถอยกลับไปแล้ว ตราบเท่าที่เราสามารถยืนหยัดได้จนถึงที่สุด ไม่เพียงแต่เราจะสามารถอยู่รอดได้เท่านั้น การหาขุมสมบัติของเฉียนหยวนก็จะไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน เพราะตามที่ข้าได้ทราบมา พายุมรสุมห้าธาตุจะปรากฏขึ้นทุก ๆหนึ่งพันปีเท่านั้น และนอกจากนี้แดนเร้นลับ ขุมสมบัติ ซากปรักหักพังจากสมัยโบราณต่าง ๆ ที่ได้หายไปจากพื้นดินจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!”

“ต้องยืนหยัดถึงสิบวันเลยหรือ? เป็นไปได้หรือว่า สัตว์อสูรภายในซากปรักหักพังห้าธาตุจะไม่มีวันหมดสิ้น นอกจากนี้พวกมันล้วนมีระดับขอบเขตเคหาทองคำ และยังมีบางตัวที่ทรงพลังยิ่งกว่า ดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราทั้งเจ็ดคน ข้าเกรงว่าเราจะไม่สามารถต้านทานได้ถึงสามวัน” หลินโม่เซวียนขมวดคิ้วแน่นขณะที่เขากล่าว

“ข้าคิดว่าเป็นการดีที่จะลองสัมผัสกับอันตรายของซากปรักหักพังห้าธาตุ บางทีข้าอาจจะสามารถขัดเกลาความแข็งแกร่งของข้าให้ดียิ่งขึ้นได้” เซียวหลิงเอ๋อร์ยิ้มออกมา และดวงตาของนางเผยให้เห็นถึงความกระตือรือร้นอย่างร้อนแรง

“เจ้ามันบ้า! ยังจะกล้าล้อเล่นในสถานการณ์เช่นนี้อีกหรือ?” หลินโม่เซวียนด่าทอด้วยความรำคาญ

“พวกเจ้าพอได้แล้ว!” หวงฝู่ฉงหมิงตะคอกออกมาอย่างรุนแรง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทุกคน เราไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้ว และต้องมุ่งเข้าไปเท่านั้น! ตราบเท่าที่เราสามารถยืนหยัดจนพายุมรสุมห้าธาตุสลายไป โชคลาภก้อนโตก็จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม หรือว่าพวกเจ้าทุกคนไม่ได้ปรารถนาถึงมัน? อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่มีไม้ตายไว้ช่วยชีวิต ณ เวลานี้ ถึงเวลาใช้พวกมันแล้ว!”

เมื่อกล่าวถึงไม้ตายไว้ช่วยชีวิต หลินโม่เซวียนและเซียวหลิงเอ๋อร์ต่างก็ตกตะลึง และดวงตาของพวกเขาก็กะพริบโดยไม่หยุด และไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

ครืนนนนน! ครืนนนน!

ในขณะนี้ พายุมรสุมห้าธาตุได้ปิดกั้นผืนฟ้าและปกคลุมผืนโลก พัดพามวลเม็ดทรายกระจายไปทั่วทุกทิศทาง นอกจากนี้ อานุภาพของมันยังเพิ่มขึ้นมากและโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จนทำให้อากาศแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ และบดขยี้สรรพสิ่งที่ขวางทาง

เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนธรรมดาทั่วไปอาจจะรู้สึกหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกร่าง แต่หวงฝู่ฉงหมิงกับคนอื่น ๆ กลับสงบนิ่งเสียเหลือเกิน พวกเขาต่างก็เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ทรงพลังและบุคลิกที่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง

“ไปกันเถอะ! ระวังอย่าได้คลาดกัน!” หวงฝู่ฉงหมิงตะโกนเสียงดังขณะที่เขาบินออกไปและโคจรปราณแท้ของเขาเพื่อใช้สมบัติวิเศษที่มีคุณสมบัติการป้องกัน พุ่งตรงไปที่พายุมรสุมห้าธาตุ

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้ ก็ทำได้เพียงกัดฟันและควักสมบัติวิเศษที่มีคุณสมบัติการป้องกันต่าง ๆ ออกมาก่อนที่จะติดตามหลังเขาไปติด ๆ ในบรรดาสมบัติวิเศษที่ใช้ป้องกันเหล่านี้ มีทั้งระฆัง โล่ และร่ม แต่ละชิ้นถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหรา เต็มไปด้วยปราณวิญญาณ และถูกห่อหุ้มด้วยลวดลายอักขระต่าง ๆ พวกมันทั้งหมดเป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอดของโลก ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนไม่ใช่สินค้าธรรมดาทั่วไปที่สามารถพบได้ในท้องตลาด และมีอานุภาพที่น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

“เฉินเค่อ จงตามข้ามา ห้ามคลาดกับข้าเป็นอันขาด!” ถันไถหงตะโกนเสียงดังพร้อมกับล้วงเอาสมบัติวิเศษที่เป็นแผ่นหินจารึกซึ่งถูกแกะสลักเป็นภาพภูเขา แม่น้ำ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว พวกมันล้วนเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณมหาศาล พร้อมกับสร้างม่านแสงสีฟ้าบริสุทธิ์ห่อหุ้มเขาและเฉินซีไว้ ก่อนที่จะติดตามหลังคนอื่น ๆ ไปติด ๆ

แผ่นหินจารึกนี้เป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอดเช่นเดียวกัน และเมื่อรวมกับถันไถหงซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจุติ ก็ไม่ใช่การยากสำหรับเขาที่จะพาเฉินซีติดตามไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]