บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 203

บทที่ 203 ฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์

บทที่ 203 ฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์

ฆ่า!

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเฉินซีทะยานพุ่งสูงขณะที่เขาหยุดยั้งการสกัดกั้น แต่กลับพุ่งตัวออกไปข้างหน้า เขาทุ่มพลังในการต่อสู้อย่างเต็มที่ ทำให้เลือดในร่างกายร้อนระอุพลุ่งพล่าน จนดูเหมือนกระบี่ที่เปี่ยมล้นด้วยเจตนาสังหาร และปลดปล่อยกลิ่นอายดุร้ายอย่างหาใดเปรียบ

ฝูงปีศาจอสรพิษเพลิงเหล่านั้นไม่อาจเฉียดเข้าใกล้ชายหนุ่มได้เลย ขณะที่พวกมันถูกฟาดจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจาย อีกทั้งแก่นแท้อัคคีของมันก็ถูกยึดเอาไป ภาพที่ปรากฏคนเพียงคนเดียวขัดขวางทั้งกองทัพ บรรดาคนที่อยู่ข้างหลังถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด

ราวกับพวกนั้นกลัวว่าเฉินซีจะกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของสาธารณชน หวงฝู่ฉงหมิงและหลินโม่เซวียนทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่ทุกคนจะขับดันพลังของตนอย่างเต็มที่ จนบังเกิดเป็นฝนกระบี่และลำแสงดาบนับไปถ้วน พร้อมกันนั้นก็ซัดสมบัติวิเศษและทักษะหลากหลายออกมาราวกับเป็นสิ่งไร้ค่า ชั่วพริบตาเดียวปีศาจอสรพิษเพลิงนับพันก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น ทั้งพลังจู่โจมแกร่งกล้าของคนเหล่านั้นก็เหนือกว่าเฉินซี

คนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์สายหลักขอบเขตแกนทองคำจากนิกายที่มีชื่อเสียงในแผ่นดินซ่งทั้งสิ้น อย่าว่าแต่พลังการบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงกว่าเฉินซีเลย แม้แต่สมบัติวิเศษและทักษะที่แต่ละคนมีก็ล้วนอยู่ในระดับปฐพีขั้นสูงเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นหลายคนยังปิดบังพลังบ่มเพาะเพื่อเข้าร่วมชุมนุมดาวรุ่งที่จะมีขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า มิฉะนั้นด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมา คนพวกนี้คงได้บรรลุขอบเขตจุติไปนานแล้ว

ครืนนนน!

กระแสปราณแท้โปรยปรายลงมาเบา ๆ เป็นสาย ซึ่งเป็นเหตุให้ทุกที่ที่มันผ่าน ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่แตกสลายเป็นเสี่ยง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สาดแสงสลัวเลือนราง ยามนี้ปีศาจอสรพิษเพลิงก็ไม่อาจต่อสู้ดิ้นรนได้อีกต่อไป ร่างของมันจึงค่อย ๆ แหลกสลายกลายฝุ่นผงก่อนจะปลิวหายไป

และเรื่องนี้ยังเป็นประโยชน์แก่เฉินซีอย่างยิ่ง หลังจากที่ปีศาจอสรพิษเพลิงถึงแก่กาลพินาศ พวกมันได้ทิ้งแก่นแท้อัคคีที่มีขนาดใหญ่และแน่นหนามหาศาล เฉินซีจัดการดูดซับไว้ด้วยพลังรุนแรง ประหนึ่งวาฬกำลังฮุบน้ำ ขณะที่แก่นแท้อัคคีถูกดึงเข้าสู่อักขระจ้าววิญญาณอัคคีที่สามอย่างครบถ้วน จากนั้นจะเกิดการแปรสภาพไปเป็นปราณจ้าววิญญาณเพื่อรวมตัวเป็นปราณจ้าววิญญาณแก่นแท้ดารานั่นเอง

“ฮะ บัดซบ! ไอ้บ้านั่นมันกล้าฉวยแก่นแท้อัคคีที่ควรเป็นของข้าไปด้วย!” หลินโม่เซวียนพลันหยิบสมบัติวิเศษที่มีรูปร่างคล้ายน้ำเต้าออกมาทันที และทำท่าเหมือนต้องการจะสูบกลืนแก่นแท้อัคคีที่อยู่บนท้องฟ้า แต่เจ้าตัวไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว ตอนนี้ชายหนุ่มได้สูบเอาแก่นแท้อัคคีเกือบทั้งหมดเข้าร่างของเขาไปเสียแล้ว หลินโม่เซวียนกัดฟันกรอดจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น

อันที่จริง มิใช่เพียงหลินโม่เซวียนเท่านั้น ทั้งหวงฝู่ฉงหมิง เซียวหลิงเอ๋อร์ พี่น้องตระกูลเถิงและแม้แต่ถันไถหง ต่างพากันหยิบสมบัติวิเศษของตนออกมาแล้วด้วยความตั้งใจที่จะฉกฉวยแก่นแท้อัคคี แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินซีจะเร็วนัก แค่ชั่วอึดใจแก่นแท้อัคคีที่ลอยอยู่ในบริเวณรัศมีร้อยจั้งกลับถูกเฉินซีสูบเข้าร่างกายจนเกลี้ยง

ทันใดนั้นสีหน้าและการแสดงออกของพวกเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัว ทั้งหมดมองดูเฉินซีด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

กระทั่งการต่อสู้มาถึงจุดหนึ่ง เหล่าปีศาจอสรพิษเพลิงที่หลากมาเป็นกระแสเริ่มลดน้อยถอยลงจนเกือบจะไม่เหลือแล้วนั้น ทุกคนจึงสังเกตเห็นพฤติกรรมของเฉินซีได้อย่างชัดเจน

จากที่เห็น เฉินซีเปรียบได้ดั่งหลุมลึกที่ถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม ด้วยเขาดูดกลืนแก่นแท้อัคคีอย่างสบายไร้กังวล และโดยไม่เพียงไม่ส่งผลข้างเคียงเท่านั้น แต่กลับทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นทีละน้อยด้วย!

‘นี่มันเป็นการแปรสภาพร่างกายอะไรกันแน่? คนผู้นั้นไม่ได้กลัวว่าแก่นแท้อัคคีที่เข้าไปจะทำลายอวัยวะภายในจนกระทั่งระเบิดตายเลยหรือ?’ เซียวหลิงเอ๋อร์มองอย่างตกตะลึง จริงอยู่นางใช้ทักษะการบ่มเพาะพลังที่เป็นธาตุไฟและมีความเข้าใจในธาตุไฟอย่างลึกซึ้ง แก่นพลังประเภทนี้เกิดขึ้นจากฟ้าดินที่มีอำนาจยำเกรงและเหี้ยมโหด อีกทั้งยังเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับแปรสภาพสมบัติวิเศษขั้นสุดยอดทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อใดที่ผู้บ่มเพาะถูกทำให้มัวหมองด้วยธาตุไฟ เมื่อนั้นเนื้อหนังมังสาของเขาจะถูกเผาไหม้ ต่อจากนั้นกระดูกจะหลอมละลายเหลือเพียงเถ้าถ่านในทันที

ถึงกระนั้นเฉินซีกลับใช้แก่นแท้อัคคีนี้ในการขัดเกลาร่างกายและเสริมพลังบ่มเพาะของตนเอง ซึ่งเป็นทักษะการแปรสภาพร่างกายที่แปลกประหลาดอันเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของนางเสียอีก

‘เมื่อผู้บ่มเพาะที่เป็นคนธรรมดาดูดกลืนพลังจากโลกอื่นเพื่อเสริมทักษะการแปรสภาพร่างกาย สิ่งที่ต้องระวังคือการดูดกลืนพลังนั้นอาจส่งผลทำลายรากฐานแห่งเต๋าของตนเองได้ แต่ดูเจ้าเด็กหนุ่มนั่นกลับไม่เป็นอันตรายและยังทำให้ข้าได้เห็นทักษะแปรสภาพร่างกายระดับนี้เป็นครั้งแรกด้วย’ แววตาลึกล้ำที่มองดูเฉินซีของหลินโม่เซวียนก็ปะทุให้เห็นความโลภที่แผดเผาขณะที่เจ้าตัวนิ่งคิด ‘พลังบ่มเพาะปราณแปรสภาพของข้าเวลานี้เกือบถึงขีดสุดแล้ว ข้าจะต้องเพิ่มพลังบ่มเพาะของตัวเอง จากนั้นพลังบ่มเพาะทักษะการแปรสภาพก็จะทวีคูณขึ้นซึ่งไม่นับว่าแย่นัก แต่ถ้าข้าสามารถยึดทักษะบ่มเพาะพลังของเด็กหนุ่มคนนั่นมาได้ จะส่งผลให้โดดเด่นที่สุดในชุมนุมดาวรุ่งที่จะมีขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้าอย่างแน่นอน!’

‘ทักษะแปรสภาพร่างกายช่างล้ำลึกนัก ดูท่าว่าจะเหนือกว่าทักษะขัดเกลากายาเก้าพญาอสรพิษแปลงมังกรของข้าเสียด้วยซ้ำ แต่ทักษะขัดเกลากายาของข้านั้นเป็นทักษะแปรสภาพร่างกายที่ในหมู่เชื้อพระวงศ์ถือว่าเป็นทักษะที่สูงค่า!’ สายตาของหวงฝู่ฉงหมิงเป็นประกายวูบวาบด้วยห้วงความคิดที่วนเวียนอยู่มากมาย

ถันไถหงกวาดสายตามองใบหน้าคนอื่นรอบข้างทีละคน ๆ บัดนี้เขาตระหนักได้ทันทีว่าเฉินซีอาจตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว!

ความมั่งคั่งไม่ควรเปิดเผยให้คนอื่นรู้ นับประสาอะไรกับทักษะการแปรสภาพร่างกายที่เยี่ยมยอด!

‘ไม่แปลกที่จื่อเซวียนจะให้ความสำคัญแก่เขานักหนา! ถ้าเขาไม่ตามข้าเข้าสู่ห้วงทะเลทรายมรณะ บางทีอีกไม่กี่ปีเขาอาจกลายเป็นยอดฝีมือน่าเกรงขามสั่นสะเทือนโลกหล้าขึ้นมาอีกคนก็ได้ แต่เคราะห์ร้ายที่พลังของเขาในตอนนี้สู้กับใครคงยาก และต่อให้ทักษะบ่มเพาะพลังจะล้ำลึกแค่ไหน คนอื่นจะได้ประโยชน์เสียมากกว่า…’ ถันไถหงคิดแล้วได้แต่ถอนใจเงียบ ๆ

ขณะนั้นเฉินซีไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพที่เขาฝึกฝนมา ได้กระตุ้นความละโมบและอยากที่จะแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตายขึ้นในหัวใจของคนหลายคน แต่ผู้ที่สังเกตพบความผิดปกติกลับเป็นหลิงไป๋

“เฉินซี คนพวกนั้นท่าทางจะไม่หวังดีต่อเจ้า ระวังตัวด้วย” เฉินซีเข้าใจดีว่าความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้ตนต้องใช้ความระมัดระวัง หลังจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ ขนาดของแก่นแท้ดาราภายในอักขระจ้าววิญญาณอัคคีที่สามขยายใหญ่ขึ้นและสว่างสดใสมากขึ้นทุกที ๆ ราวกับมีกองไฟลุกโชนอยู่ข้างใน เส้นสายวิบวับและโปร่งแสงปรากฏขึ้นในนั้น หากเพียงไม่นาน เส้นสายเหล่านั้นได้ก่อร่างเป็นแก่นแท้ดาราลอยอยู่เหนืออักขระจ้าววิญญาณทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]