เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2038

บทที่ 2038 ซ่อนในเงา

………………..

บทที่ 2038 ซ่อนในเงา

เฮ้อ~

เฉินซีถอนใจโล่งอกตอนเดินออกจากแดนมารดากำเนิดบรรพ์ อดหัวเราะเสียงขื่นออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่พบเจอมาในตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้

ระหว่างช่วงนั้น เขาฟื้นฟูพลังสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งกลับมาเป็นขอบเขตจ้าวเอกภพห้าดาราแล้วเช่นกัน

อีกทั้งเขายังฉวยเอาจังหวะนั้นทำความเข้าใจมรดกภายในตราประทับยุคสมัยที่หกอีกด้วย นั่นคือผนึกมายา ได้ประโยชน์มามากมาย

ทว่าเฉินซีก็รู้สึกจนใจเช่นกัน เพราะเฉินไท่ชงมาหาเขาแทบทุกวัน ใช้สารพัดวิธีเพื่อทำให้เฉินซีเข้าตระกูลเฉินให้ได้

แม้ว่าเฉินซีจะปฏิเสธไปทุกครั้ง แต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกปวดหัวอยู่บ้างพอเจอเข้าบ่อย ๆ

เขาจึงรีบออกจากตระกูลเฉินมาทั้งที่ยังไม่พ้นครึ่งปีด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเห็นหน้าเฉินไท่ชงอีก

ไม่ใช่เพราะเกลียดเฉินไท่ชง แต่เพราะกลัวความมุ่งมั่นของเจ้าตัว ขนาดเมื่อครู่ตอนเขาจะจากมา เฉินไท่ชงยังเอาแต่พูดว่าอยากรั้งเขาไว้อยู่เลย แล้วเฉินซีจะไหวได้อย่างไร?

ตอนนี้ที่เขายืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าครามดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล และคิดว่าไม่ต้องเจอนะเฉินไท่ชงไปอีกห้าร้อยปี เฉินซีก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที

กลับเขาเทพพยากรณ์เมื่อไหร่ ข้าจะปิดด่านบ่มเพาะไปเลย หากไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงจะสามารถขึ้นขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราก่อนถึงศึกผู้พิทักษ์วิถี…. เฉินซีคิดอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะหยิบแผนที่ที่ศิษย์พี่มอบให้ไว้ขึ้นมา เขามองมันผ่าน ๆ ก่อนจะแวบร่างหายไปไกลอย่างไร้ความลังเล

เพราะเขามีอู๋เซวี่ยฉานกับถังเสียนคอยนำทางตอนมาแดนมารดากำเนิดบรรพ์ในวันนั้น การเดินทางของเฉินซีจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาไปถึงห้าปี

ครั้งนี้เขาตัวคนเดียว จากการวิเคราะห์แล้ว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากถึงสิบปีกว่าจะจบการเดินทางได้ด้วยความเร็วปัจจุบัน

สิบปี!

แค่การเดินทางเท่านี้ก็ใช้เวลามากแล้ว คิดแล้วก็ทำให้เกิดความจนใจขึ้นมา ที่สำคัญคือมันยังเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายหลากหลายอย่าง!

ไม่เช่นนั้น พื้นที่ซึ่งภูเขาผนึกเทพและแดนมารดากำเนิดบรรพ์ตั้งอยู่ก็คงไม่มีใครมองเป็นเขตหวงห้าม อีกทั้งตั้งแต่โบราณมา กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตมหาเทพเต๋ายังไม่กล้าเข้าไปหากยังไม่รู้จักสถานที่ด้านในดีพอ

แสดงให้เห็นว่าเส้นทางนี้อันตรายขนาดไหน

แน่นอนว่าถึงเฉินซีจะมีแผนที่แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี ระวังไว้สักหน่อยก็อาจจะสามารถกลับมาโดยไม่เจออันตรายใดได้

ฟึบ!

พลังผันผวนพลันปรากฏในห้วงมิติยามดาราจักรวาดผ่าน

เฉินซีเคลื่อนมิติผ่านท้องฟ้าเต็มกำลัง เป็นเหมือนเส้นแสงวาดผ่านฟ้าด้วยความเร็วสูง

เขาเดินทางไปอย่างไม่เสียเวลา ค่อย ๆ ทำความเข้าใจผนึกมายาไปด้วยเงียบ ๆ

หลังจากเจอการแข่งขันแบบนั้นเข้าไปในตระกูลเฉิน ก็ทำให้เฉินซีเข้าใจคุณค่าของตราประทับยุคสมัยเหล่านี้ขึ้นมาก

มันเป็นเหมือนสมุนไพรมหัศจรรย์ที่ช่วยเรื่องการบ่มเพาะพลังได้ เพียงเข้าใจความลึกล้ำ ขัดเกลา และดูดซับมันเข้าไป ก็ทำให้ทะลวงขั้นได้อย่างไม่ยากเย็น อีกทั้งยังไม่ติดคอขวดด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ตอนเขาขัดเกลาและดูดซับผนึกจ้าววิญญาณและผนึกยุทธ์ก็เหมือนกัน พวกมันต่างก็ทำให้เขาสามารถทะลวงขั้น และสามารถขึ้นสู่ขอบเขตพลังปัจจุบันได้ ซึ่งก็คือขอบเขตจ้าวเอกภพห้าดารา

เป็นเครื่องแสดงชัดเจนว่าพลังบ่มเพาะของเฉินซีคงจะทะลวงขั้นได้อีกเมื่อทำความเข้าใจ ขัดเกลา และดูดซับผนึกมายาได้!

หืม? จากนั้นไม่นาน เฉินซีก็มุ่นคิ้ว เขาส่งจิตออกไป แต่ก็ไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

แปลกจริง เส้นทางนี้มันช่างลึกลับเหลือเกิน ระวังไว้สักหน่อยจะดีกว่า เฉินซีครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะค่อย ๆ ลดความเร็วลง เพราะเมื่อครู่เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจแวบหนึ่ง เหมือนกับด้านหลังมีใครบางคนติดตามเขามาอยู่ตลอด

น่าเสียดายที่มันเป็นความรู้สึกเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นถึงจะพยายามหาอย่างไรก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอีก

เฉินซีจึงเหินร่างเดินทางต่อไปอีกครึ่งวัน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาผลันหยุดเคลื่อนไหว ดวงตาสีดำกวาดตามองรอบข้างอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งยังปล่อยจิตสังหารเยือกเย็นออกมาเช่นกัน

“สหาย เจ้าติดตามอยู่ด้านหลังข้ามานานแล้ว ไม่เผยตัวเสียเลยเล่า?” น้ำเสียงเขาเรียบเรื่อย หากแต่มีกลิ่นอายกดดันและดุดันเคล้าอยู่

รอบข้างเงียบสนิท มีเพียงเสียงของเฉินซีเท่านั้นที่ก้องกังวานไปทั่วราตรีสงัดอันเยือกเย็น

เคร้ง!

เฉินซีพลันหยิบกระบี่ออกมาแล้วซัดการโจมตีออกไป กระแสปราณกระบี่ลั่นครืนกวาดตัวออกไปรอบทิศโดยมีเฉินซียืนอยู่ตรงกลาง ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใดก็ทำลายสิ้น ทุกสิ่งอย่างในรัศมีแสนลี้กลายเป็นผุยผง

เป็นเหตุชวนผวายิ่งกว่าพายุห้วงมิติเสียอีก

อีกทั้งเส้นทางจากแดนมารดากำเนิดบรรพ์ไปยังแดนเทพโบราณก็ไกลมาก นอกจากท้องฟ้าราตรีดำสนิทอันกว้างใหญ่นี้แล้ว ก็ยังมีปรากฏการณ์มิติอันน่าหวาดกลัวอยู่อีกหลายประเภททีเดียว

ยกตัวอย่างเช่น กระแสห้วงมิติ หลุมดำ พายุห้วงมิติ…. แต่ละอย่างดั่งเกิดวันวิปโยคขึ้นในห้วงนภา มีอำนาจทำลายล้างสูงจนแทบทำลายได้ทุกอย่าง จ้าวเอกภพอย่างเฉินซียังรอดยาก กระทั่งมหาเทพเต๋าหากหลุดเข้าไปก็คงยังไม่รอดเลย

หากเฉินซีไม่ได้มีแผนที่ซึ่งศิษย์พี่ทั้งหลายมอบไว้ เขาก็คงไม่กล้าเดินทางมาที่นี่!

แน่นอนว่าภัยธรรมชาติเหล่านี้ไม่ทำให้เฉินซีหวาดกลัวแต่อย่างใด แต่ที่เขากลัวจริง ๆ ก็คือคนแปลกหน้าที่ติดตามอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ต่างหาก

เฉินซีเคลื่อนมิติเดินทางไปอีกหลายเดือน ตลอดทางนั้นไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ทำให้เขาเริ่มวางใจขึ้นมา

ถึงขั้นที่เขาเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายจากไปแล้วหรือยังหนอ

แต่สัญชาตญาณบอกว่าอีกฝ่ายยังอยู่ เพียงแต่เขาไม่เห็นเท่านั้น

หืม? และในวันนี้เอง เฉินซีก็กำลังเคลื่อนมิติผ่านดาราจักรโกลาหล ทันใดนั้นเขาก็ต้องหรี่ตาลงแล้วชะลอการเคลื่อนไหวลงใด

ตอนนี้มี ‘วายุพิฆาตดารา’ พลังรุนแรงกำลังส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ทั้งสองฟากซ้ายขวา ไม่ว่ามันจะเคลื่อนไปทางใด ดวงดาราก็ถูกทำลาย ห้วงมิติทั้งหลายย่อยยับ เหลือไว้เพียงรอยแยกมิติเท่านั้น

มีแต่เส้นทางที่เขาอยู่เท่านั้นที่ยังคงสงบเงียบไร้ภัยอันตรายใด

ทว่าเฉินซีก็สังเกตเห็นว่าด้านหน้าอีกสี่หมื่นลี้มีกลิ่นอายอันตรายรออยู่

เป็นผู้บ่มเพาะพลัง!

อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือน่าเกรงขามเสียด้วย เขากำลังนั่งขัดสมาธิเหมือนเจ้าแห่งห้วงมิติ ไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายดุดันของตนเองแต่อย่างไร

แน่นอนว่าผู้ที่สามารถเดินทางมาถึงท้องฟ้าพร่างพราวที่อยู่ระหว่างแดนเทพโบราณและแดนมารดากำเนิดบรรพ์ได้เช่นนี้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

ทั้งโอกาสที่จะเจอยอดฝีมือจะได้เจอกันในหนทางกว้างใหญ่เช่นนี้ก็มีเพียงนิดเท่านั้น!

ดังนั้นเฉินซีจึงตื่นตัวขึ้นมา เกรงว่าผู้บ่มเพาะพลังผู้นี้อาจจะรอขัดขวางเขาอยู่นานแล้ว!

แน่นอนว่าพอคิดได้ดังนั้น น้ำเสียงไร้อารมณ์หากแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งกดดันก็ดันก้องมาจากที่ไกล “เฉินซี ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]