บทที่ 2056 อันตรายมาถึง
………………..
บทที่ 2056 อันตรายมาถึง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
เฉินซีมุ่งความสนใจทั้งหมดไปกับการค้นคว้าครั้งนี้ ใช้สมบัติล้ำค่าที่ปล้นมาจาก มดเกราะม่วงไปบางส่วนรู้สึกล้าขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว
ตอนนี้ สมบัติทั้งหลายที่ปล้นมาถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ของเฉินซี ของหมิง และของเหมิงเหมิง
แต่ละส่วนก็มากพอสำหรับให้เฉินซีและทุกคนไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิไปหาเพิ่มอีก
เดือนถัดมา เฉินซีที่กำลังพุ่งสมาธิอยู่ก็รู้สึกล้าจึงกวาดมือไปด้านข้างทันที
เฉินซีเอาสมบัติทั้งหมดที่เป็นของตนวางกองไว้ด้านข้าง เวลาเหนื่อยจะได้หยิบมาเติมกำลังได้โดยง่าย
แต่ครั้งนี้พอคว้าไปก็ไม่เจออะไร
เฉินซีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรู้ตัวว่าตนเองเผลอใช้สมบัติไปหมดแล้ว
แน่นอนว่านอกจากความเหนื่อยอ่อนแล้ว การกินสมบัติล้ำค่าเหล่านี้เข้าไปย่อมมีประโยชน์อื่น ๆ อีก
หากต้องสู้กับราชามดเกราะทองอีกครั้งในตอนนี้ ก็ง่ายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ปัญหาเดียวคือ ถึงแม้ว่าเฉินซีจะมีสมบัติให้ใช้มากกว่านี้ แต่พลังต่อสู้ของเขาก็คงไม่เปลี่ยนผันใหญ่โตได้ขนาดนั้นอีกแล้ว
ช่วยไม่ได้นี่นะ พลังต้นกำเนิดภายในสมบัติเหล่านั้นไม่อาจเติมเต็มเฉินซีได้อีกต่อไป
นั่นจึงทำให้เฉินซีเข้าใจยิ่งขึ้นว่า การดึงพลังต้นกำเนิดจากภายนอกมาเติมพลังต้นกำเนิดภายในก็เหมือนการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องสร้างวิชาที่สามารถใช้บ่มเพาะพลังต้นกำเนิดขึ้นมาให้ได้ เขาถึงจะสามารถเหินร่างขึ้นฟ้าได้อย่างราชาโหมวหลัว ราชาจิ่วหลิง และราชากู่เยวียน จากนั้นกลืนแก่นพลังต้นกำเนิดจากเก้าจันทราบนท้องฟ้า
เฉินซีรู้จากเหมิงเหมิงว่าโลกสาบสูญมีราชันอยู่สามคน
ราชาโหมวหลัวคืออสูรนภาตัวสีดำขนาดใหญ่คับฟ้า ซึ่งมักจะครอบครองแก่นพลังต้นกำเนิดจากสามจันทราบนฟากฟ้ายามราตรี
พื้นที่แถบนี้อยู่ในการครอบครองของราชาโหมวหลัว และราชามดเกราะทองที่เฉินซีกับหมิงสังหารไปในวันนั้นก็เป็นลูกน้องของราชาโหมวหลัว
ราชาจิ่วหลิงเป็นราชสีห์เก้าเศียรหน้าตาดุดัน ตัวสีทองอร่าม ซึ่งก็เหมือนกับราชาโหมวหลัว มันควบคุมพื้นที่แถบหนึ่งภายในโลกสาบสูญ ทั้งราชาจิ่วหลิงและราชาโหมวหลัวต่างไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายในอาณาเขตของกันและกัน
มันเป็นผู้ที่ครองอำนาจสูงสุดในหมู่ราชันทั้งสามฐานะสูงส่งกว่าใคร กระทั่งราชาโหมวหลัวกับราชาจิ่วหลิงยังเกรงกลัวมันอยู่บ้าง
ราชากู่เยวียนนั้นควบคุมพื้นที่หนึ่งภายในโลกสาบสูญ ที่แตกต่างจากใครอื่นนั้นคือพื้นที่ที่มันควบคุมนั้นลือกันว่าเป็นต้นกำเนิดของโลกสาบสูญ เหมือนเป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเหยียบย่างเข้ามาภายในหากไร้คำอนุญาตจากราชากู่เยวียน
รวมถึงราชาโหมวหลัวกับราชาจิ่วหลิงด้วย!
เห็นได้ชัดว่าฐานะของราชากู่เยวียนภายในโลกสาบสูญนั้นน่าเกรงขามขนาดไหน
เท่าที่เฉินซีรู้มา หากอยากเข้าใจความลับทั้งหมดภายในโลกสาบสูญและหาทางหนีออกไปให้ได้ อย่างไรเขาก็ต้องได้พบกับราชันทั้งสามเป็นแน่ อีกทั้งยังอาจจะเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันด้วย!
ดังนั้นเฉินซีจึงได้แต่เก็บตัวเงียบ ค่อย ๆ สั่งสมกำลังจนกว่าจะสู้อีกฝ่ายไหว
…
ถึงแม้ว่าเฉินซีจะเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ดวงตาเขายังสุกใส เพราะหลังจากที่ตั้งสมาธิมาเดือนกว่า เขาก็เริ่มเห็นเค้าโครงของวิชาที่จะสร้างขึ้นมาได้แล้ว
ที่เหลือก็มีแต่ต้องเติมรายละเอียดปลีกย่อยของวิชาบ่มเพาะนี้ลงไปเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อหากแต่ห้ามผิดพลาด กว่าจะออกมาดีก็ต้องใช้เวลา
สิ่งที่น่ากล่าวถึงคือเขาตั้งชื่อให้วิชาบ่มเพาะที่ยังไม่ทันสร้างขึ้นได้สำเร็จแล้ว สรรค์สร้างต้นกำเนิด!
มันเป็นการสร้างวิชาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อทำการบ่มเพาะความลับแห่งพลังต้นกำเนิด มันจึงมีชื่อเรียกว่าเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิด!
หืม? เฉินซีพลันสังเกตเห็นว่าหมิงที่ปกติจะยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายเขา วันนี้กลับไม่อยู่เหมือนเคย
นางไปไหนแล้ว?
เป็นจังหวะนั้นเองที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล จากนั้นร่างบางของหมิงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา
เฉินซีเห็นแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็สัมผัสได้ว่านางมีกลิ่นอายดุดันแผ่ออกมา เหมือนจะได้กลิ่นเลือดจาง ๆ ออกมาด้วย
“ไปสู้มาหรือ?” เฉินซีถาม
เช้าตรู่วันต่อมา เฉินซีพาหมิงและเหมิงเหมิงออกจากถ้ำใต้ดินไปอย่างเงียบเชียบ
เฉินซีคิดจะวางกับดักไว้สักหลายแห่งก่อนพวกเขาจากไป เพราะจะช่วยเสาะหาตำแหน่งศัตรูและซื้อเวลาให้พวกเขาได้บางส่วน
ส่วนเหมิงเหมิง หลังจากคิดอยู่นานแล้ว สรุปก็จะไปกับเฉินซีกับหมิงให้ได้ ทำเอาเฉินซีถอนหายใจออกมา ถึงเจ้ากระต่ายจะมีพลังบ่มเพาะต่ำต้อย แต่มันก็มีความซื่อสัตย์ ดีกว่าผู้บ่มเพาะมนุษย์บางคนเสียอีก
ฟุบ!
เฉินซีเลือกตำแหน่งแล้วเคลื่อนมิติไป
หลังจากพลังต่อสู้สูงถึงขั้นขอบเขตเซียนทองคำแล้ว เฉินซีกับหมิงก็สามารถใช้พลังได้หลายอย่าง การเคลื่อนมิติก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ส่วนจุดมุ่งหมายเป็นที่ใด กระทั่งเฉินซีก็ยังตอบไม่ได้ รู้แค่ว่าต้องออกไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นอันตรายได้ตามติดหลังมาเป็นแน่
สามวันให้หลัง ณ ถ้ำใต้ดินที่เดิมทีเป็นของเหมิงเหมิง
อสรพิษบินตัวสีดำสนิทเคลื่อนกายเข้ามาราวกับลมอัปมงคลหอบหนึ่ง ดวงตาสีแดงเลือดดูเย็นชาของมันจับจ้องไปยังทางเข้าถ้ำ ก่อนเอ่ยขึ้น “สามวันที่ผ่านมานี้พวกมันไม่มีความเคลื่อนไหวเลยหรือ?”
“แปลกจริง….” อสรพิษบินสีดำคิดเล็กน้อยก่อนกระพือปีกสีดำขนาดใหญ่
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
คลื่นระเบิดดังลั่นสนั่นฟ้า ปรากฏเป็นกระแสสายฟ้าสีดำน่าสะพรึงพุ่งเข้าโจมตีทางเข้าถ้ำแห่งนั้น
ตู้ม!
พลันปรากฏพลังผันผวนขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ เห็นรัศมีศักดิ์สิทธิ์เต็มท้องฟ้าบังเกิดขึ้นตอนที่สายฟ้าสีดำซัดเข้าใส่หน้าทางเข้าถ้ำ ทำลายการโจมตีทั้งหมดจนสลายหายสิ้น
“หือ?” อสรพิษบินหรี่ตาลง ก่อนนัยน์ตาจะฉายแววอำมหิต มันอ้าปากกว้าง สายฟ้าเส้นสีดำพุ่งออกมาอีกครั้ง
เสียงลั่นครืนดังสะท้านฟ้าดิน ค่ายกลที่เฉินซีวางไว้หน้าถ้ำจึงถูกระเบิดกระจุย
เมื่อเห็นดังนี้ อสรพิษบินจึงเปลี่ยนร่างเป็นเส้นแสงแล้วพุ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงแหลมอันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวโกรธาก็ดังลั่นออกมาจากด้านใน “บัดซบ! ไอ้คนนอกสองตัวนั้นมันหนีไปแล้ว! รีบไล่ตามมันไป!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...