บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 206

บทที่ 206 แม่น้ำโลหิต

บทที่ 206 แม่น้ำโลหิต

ซากปรักหักพังห้าธาตุในยามนี้ ต่างก็เต็มไปด้วยเสียงของการเข่นฆ่า เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงระเบิดของปราณแท้ และมวลเมฆที่ก่อตัวขึ้นจากฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์ซึ่งกำลังปกคลุมโดยรอบ ดังนั้น เมื่อเฉินซีสังหารเถิงหัวจีจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม เถิงหัวซวี่โกรธเกรี้ยวจนสุดขีดและปลดปล่อยปราณปีศาจภายในร่างกายของเขาโดยไม่ได้ยับยั้งเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงพุ่งไปที่พื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ในมวลเมฆของค้างคาวผลึกเหมันต์ที่หนาแน่นเหมือนกระแสน้ำในทันที ในขณะที่ร่างของเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาทุกคนเช่นกัน

นี่คือ… ปราณปีศาจ?!

ไม่เพียงแต่สีหน้าของหวงฝู่ฉงหมิง หลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ และถันไถหงเท่านั้นที่มืดมน แม้แต่ผู้ฝึกฝนซึ่งอยู่ที่มุมอื่น ๆ ของซากปรักหักพังห้าธาตุ ก็มองไปยังเถิงหัวซวี่ซึ่งอยู่กลางอากาศ

ปราณปีศาจพลุ่งพล่าน!

กลิ่นคาวโลหิตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ขณะที่พวกเขามองไปที่เถิงหัวจี ซึ่งดูราวกับว่าเป็นปีศาจที่หลบหนีออกมาจากขุมนรกและปราณปีศาจจันทร์เสี้ยวโลหิตที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ กายเขา ทำให้นามหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในหัวใจของทุกคนในทันที –– ‘นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต’

“คนผู้นี้เป็นผู้เหลือรอดจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตจริง ๆ!”

“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำ จะไม่ได้หลอกลวงเรา”

“นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต… เหตุใดนิกายอสูรที่เกือบทำให้โลกต้องจมอยู่ในทะเลเลือดและแผ่นดินอันวุ่นวายเมื่อสามพันปีก่อน ถึงมาปรากฏตัวที่นี่”

สีหน้าของหลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ และถันไถหง ต่างเป็นกังวลและสงสัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็กวาดสายตาไปยังหวงฝู่ฉงหมิงที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามอย่างพร้อมเพรียงกัน

สีหน้าของหวงฝู่ฉงหมิงมืดมนถึงขีดสุด เพราะก่อนหน้านี้ เขาได้สาบานและรับประกันด้วยตัวตนของเขาในฐานะองค์ชายแห่งตำหนักจ้าวปัญญา ว่าพี่น้องสกุลเถิงไม่ใช่ศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ใครจะคาดคิดว่าหลังจากนั้นไม่นาน เถิงหัวซวี่กลับเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ด้วยเหตุนี้ มันจะไม่ใช่การตบหน้าสำหรับเขาหรือ?

ที่สำคัญกว่านั้น หวงฝู่ฉงหมิงยังตระหนักได้ว่า ถ้าหากไม่อธิบายความสัมพันธ์ของเขากับพี่น้องสกุลเถิงให้ชัดเจน เรื่องนี้อาจก่อปัญหาให้กับตำหนักจ้าวปัญญาที่เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขาได้ ดังนั้น ผลที่ตามมาเช่นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เขาผู้เป็นเจ้าชายและเชื้อพระวงศ์ของราชสำนัก ก็ไม่อาจแบกรับมันไว้ได้

นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตเป็นศัตรูร่วมของโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่ง ดังนั้นการดำรงอยู่ของมัน จึงเป็นหน้าที่ของผู้บ่มเพาะที่ต้องทำลายล้าง ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะเชื้อพระวงศ์ หากพบว่าเขาเกี่ยวข้องกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต เขาจะกลายเป็นตราบาปของราชวงศ์ซ่งไปโดยปริยาย และต่อให้เขาตายเป็นร้อยครั้ง ก็ไม่อาจชดเชยความผิดของเขาได้

“ทุกคนโปรดอย่าได้เข้าใจผิด ข้าก็โดนเจ้าสองคนนี้หลอกเช่นเดียวกัน ดังนั้นโปรดอย่าได้กังวล ข้าจะกวาดล้างผู้เหลือรอดจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตเหล่านี้ด้วยสองมือของข้าเองในภายหลัง!” หวงฝู่ฉงหมิงกล่าวด้วยสายตาอาฆาต และได้ตัดสินใจในทันทีว่าจะสังหารเถิงหัวซวี่ เพื่อแยกตัวออกจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต

“องค์ชายน้อย เราจะต้องรออะไรอยู่อีก? ไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้เถอะ!” ถันไถหงกล่าวอย่างดุดันด้วยโทสะ อันที่จริง เขาเองก็มีส่วนผิดอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะพี่น้องสกุลเถิงคู่นี้เป็นศิษย์ของผู้มีพระคุณของเขา และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงพาคนทั้งสองไปค้นหาขุมสมบัติในห้วงทะเลทรายมรณะ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าคนทั้งสองจะเป็นผู้เหลือรอดจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตกัน?

แต่สิ่งที่ทำให้ถันไถหงรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ ก็คือเรื่องที่พี่น้องสกุลเถิงได้แนะนำเขาให้รู้จักกับหวงฝู่ฉงหมิง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าหวงฝู่ฉงหมิงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะนี้ เขาและหวงฝู่ฉงหมิงจะต้องล้างบาปให้ตัวเอง และตัดสายสัมพันธ์ใด ๆ ก็ตามที่พวกเขามีกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ด้วยเหตุนี้ การฆ่าเถิงหัวซวี่จึงเป็นสิ่งเร่งด่วนที่สุดในยามนี้

หวงฝู่ฉงหมิงกวาดตามองถันไถหง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านผู้นำตระกูลถันไถ โปรดระงับอารมณ์เสียก่อน เมื่อเถิงหัวซวี่และเจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำต่อสู้เสี่ยงชีวิตจนพวกมันได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย หากเราลงมือตอนนั้น มันก็คงไม่สายเกินไป นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่เราจะสามารถทำลายล้างเศษซากของนิกายอสูรได้เท่านั้น แต่เราจะมีโอกาสได้รับทักษะแปรสภาพร่างกายของเจ้าเด็กคนนั้นมาอีกด้วย”

ถันไถหงรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจของเขา และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา คนผู้นี้เสียสติไปแล้ว เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ แต่เขากลับคิดถึงทักษะแปรสภาพร่างกายของเฉินเค่ออยู่อีก…

เมื่อพวกเขาได้ยินการสนทนาระหว่างถันไถหงกับหวงฝู่ฉงหมิง สีหน้าของหลินโม่เซวียนกับเซียวหลิงเอ๋อร์ก็ผ่อนคลายลง และนิ่งเงียบ อันที่จริง พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนที่มีความคิดละเอียดอ่อน ทว่าถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะเปิดเผยในตอนนี้

โฮก! โฮก! โฮก! โฮก!

ในขณะนี้ เสียงคำรามของสัตว์อสูรที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมดังมาจากซากปรักหักพังห้าธาตุแทบจะพร้อม ๆ กัน

พวกเขาสังเกตเห็นด้วยความตกใจว่า สัตว์อสูรทั้งหมดในรัศมีนับพันลี้ กำลังเคลื่อนไหวเป็นฝูงราวกับคลื่นยักษ์ซัดสาดเข้าหาตำแหน่งของเฉินซีและเถิงหัวซวี่

ปีศาจอสรพิษเพลิง

แร้งทองคำ

ปีศาจเถาวัลย์คราม

กระทิงศิลายักษ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]