บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 207

บทที่ 207 ตัวอักษร ‘十’ จากพู่กันพิพากษามาร

บทที่ 207 ตัวอักษร ‘十’ จากพู่กันพิพากษามาร

“ฮ่า ๆๆ! ข้าใช้แก่นโลหิตของข้าไปตั้งครึ่งหนึ่ง เพื่อร่ายเขตแดนเต๋าแห่งแม่น้ำโลหิตขั้นสูงสุด และแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็ยังต้องตกลงไปในนั้น หากไม่ล้มตาย ก็ยังต้องบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี แล้วสายฟ้าน้อย ๆ ของเจ้าจะสามารถต้านทานมันได้อย่างไร? เฉินซี ข้าขอสาบานว่าข้าจะฆ่าเจ้า ค่อย ๆ ทรมานเจ้าอย่างโหดเหี้ยมจนตาย และกักขังวิญญาณของเจ้าให้ได้รับความทรมานจากการถูกอสูรนับพันกัดกิน จากนั้นจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าหลุมฝังศพพี่ใหญ่ของข้าทั้งวันทั้งคืนด้วยความสำนึกผิด!”

ยามเขาจ้องมองไปยังเฉินซีที่เป็นเหมือนเศษฟางที่ดิ้นรนไม่หยุดอยู่ในแม่น้ำโลหิต เถิงหัวซวี่กำลังยืนอยู่เหนือแม่น้ำโลหิต และไม่สามารถหยุดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งได้ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องการเอาเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ยันต์สยบวิญญาณเก้าพยางค์แห่งสัจธรรมกลับคืนมา และแย่งชิงทักษะแปรสภาพร่างกายของเจ้าเช่นกัน โอ้ จริงสิ! เจ้าตัวเล็กนั่นด้วย เขาสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสมบัติวิเศษ และบ่มเพาะได้เหมือนมนุษย์ ดังนั้นข้าจะจับมันมาขัดเกลาให้เป็นอาวุธมารชั้นเลิศสำหรับตัวข้าเอง!”

“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดจะหลอมข้าให้กลายเป็นอาวุธมาร? ชะตาเจ้าขาดแล้ว! และนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าจะต้องประสบกับการทำลายล้าง ก็เป็นเพราะเจ้าคือต้นเหตุ!” หลิงไป๋กัดฟันด้วยความโกรธ และหมุนเวียนการบ่มเพาะของเขาด้วยพละกำลังทั้งหมด ในขณะที่กระบี่แดนนิพพานได้ผสานกับสายฟ้าที่โหมกระหน่ำ คำรามก้องดั่งมังกรทะยานฟ้า และเขาไม่ปรารถนาถึงสิ่งใดอีก นอกจากการประหัตประหารกับเศษเดนของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตที่หยิ่งผยองและจองหองคนนี้ให้เละเป็นเนื้อสับจนตาย

เฉินซีกลับมีสีหน้าสงบนิ่งและดูเหมือนว่าเขาจะแสร้งเป็นหูหนวกต่อคำพูดของเถิงหัวซวี่ ขณะกำลังต้านทานกระแสน้ำโลหิตที่ไหลเชี่ยวและวิญญาณพยาบาทที่หลั่งไหลออกมา และเขาก็กำลังคิดหาวิธีที่จะสังหารเถิงหัวซวี่อยู่ในใจอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขตแดนเต๋าแห่งแม่น้ำโลหิตของเถิงหัวซวี่นั้นทรงพลังจริง ๆ และมันก็เหนือกว่าเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของหานกู่เยว่ ซึ่งก็เป็นเพราะว่า เมื่อมีคนอยู่ภายในอาณาเขตของมัน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องทนรับการโจมตีของวิญญาณพยาบาทจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่ยังต้องต้านทานแรงกดดันมหาศาลที่หลั่งไหลออกมาจากแม่น้ำโลหิตด้วย เพราะฉะนั้น ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้ถูกแม่น้ำโลหิตกลืนหายเข้าไปในพริบตา ก่อนที่วิญญาณจะถูกกืนกินและไม่เหลือแม้แต่เลือดเนื้อ

จนถึงตอนนี้ เฉินซีจึงทำได้เพียงใช้กระบี่อัสนีนภากับเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าเพื่อคุ้มกันตัวเองเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขากลับไม่สามารถสังหารเถิงหัวซวี่ และไม่อาจหลบหนีออกจากเขตแดนเต๋าไปได้เช่นกัน

‘เขตแดนเต๋าแห่งแม่น้ำโลหิตนี้ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันคล้ายกับเขตแดนเต๋ากร่อนโลหิตของหลัวซิ่วยิ่งนัก? พวกเขาทั้งคู่มีทะเลเลือดที่เอ่อล้นและเต็มไปด้วยวิญญาณพยาบาทที่ทั้งชั่วร้ายและกระหายเลือดจนถึงขีดสุด…’ เฉินซีดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง และทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ในระหว่างการจัดอันดับมังกรซ่อนครั้งนั้น เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่ระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารกลับกำจัดหลัวซิ่วโดยปราศจากการควบคุมด้วยตัวเอง

‘ระเบียนแดนมรณะ พู่กันพิพากษามาร… ถ้าตามที่หลัวซิ่วกล่าวมานั้น สมบัติวิเศษคู่นี้มีกลิ่นอายของหกวิถีสังสารวัฏและการชำระล้าง บางทีพวกมันอาจจะตอบโต้วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้โดยกำเนิดหรือเปล่า?’ เฉินซีนึกถึงสิ่งที่หลัวซิ่วกล่าวไว้ก่อนหน้านี้และนึกถึงเหตุการณ์ที่พู่กันพิพากษามารทำลายล้างหลัวซิ่วทันใด จากนั้นเขาก็นึกแผนการออกในทันที

“เถิงหัวซวี่ เจ้าจำสิ่งนี้ได้ไหม” เฉินซีเอาระเบียนแดนมรณะขึ้นมา ทันทีที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันสูงส่ง กว้างใหญ่ และเที่ยงธรรมของยมโลกก็พวยพุ่งออกมาอย่างดุเดือด

ครืนนน! ครืนนน! ครืนนน!

เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่บริสุทธิ์และกว้างใหญ่ของแดนยมโลก วิญญาณพยาบาทจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในแม่น้ำโลหิตก็มีสีหน้าตื่นตระหนก และเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช ราวกับว่าพวกมันได้พบกับผู้กอบกู้ และพยายามคว้าจับระเบียนแดนมรณะอย่างสุดกำลัง

“ระเบียนแดนมรณะ? นี่ไม่ใช่คัมภีร์อสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่นิกายอสูรของข้าสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งถูกเรียกว่าคัมภีร์อสูรอนันตกาลหรอกหรือ!?” ร่างกายของเถิงหัวซวี่สั่นสะท้าน และรีบควบคุมพลังงานของแม่น้ำโลหิตอย่างเต็มกำลัง เพื่อทำให้วิญญาณพยาบาทเหล่านั้นไม่สามารถเข้าใกล้เฉินซีได้ ขณะที่เขาจ้องไปที่ระเบียนแดนมรณะในมือของเฉินซี ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมาด้วยความโลภที่ลุกโชนอย่างไร้ขอบเขต และใบหน้าของเขาก็คล้ายกับหลัวซิ่วเมื่อหลายปีก่อนทุกประการ ที่ไม่ปรารถนาสิ่งใด นอกจากกลืนกินระเบียนแดนมรณะเข้าไปในท้อง

“คัมภีร์อสูรอนันตกาล? คัมภีร์อสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนานของนิกายอสูร?” เฉินซีเข้าใจเกี่ยวกับระเบียนแดนมรณะอย่างมากขึ้นในทันที และเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า สมบัติที่เขาได้รับมาจากการฆ่าซูเหลิ่งที่สุสานกระบี่นิพพานเมื่อหลายปีก่อนนั้น กลับมีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!

“เฉินซี ข้าไม่ต้องการเจดีย์บำเพ็ญทุกข์และยันต์สยบวิญญาณเก้าพยางค์แห่งสัจธรรมที่เจ้าครอบครองอยู่ ตราบใดที่เจ้ามอบระเบียนแดนมรณะนี้ให้กับข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปทันที ตกลงไหม?” เถิงหัวซวี่ หายใจเข้าลึก ๆ และพยายามควบคุมความปั่นป่วนในใจ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า

“นั่นพอทีจะตกลงได้ แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อน ว่าความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้ในระเบียนแดนมรณะคืออะไรนี้” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย

“ตกลง ระเบียนแดนมรณะ คือ… ฮ่า ๆ! ไอ้โง่! เจ้าต้องการหลอกถามความลับของระเบียนแดนมรณะจากข้า เจ้าคิดว่าข้าจะบอกจริง ๆ หรือ? เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าจงใจถ่วงเวลา? หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าก็จะได้ระเบียนแดนมรณมาครอบครองอยู่ดี!” เถิงหัวซวี่ยังกล่าวไม่ทันจบ เขาก็หายตัวไปแล้ว เพียงชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ได้มาถึงเบื้องหน้าของเฉินซีและเอื้อมมือเพื่อคว้าระเบียนแดนมรณะที่อยู่ในมือของเฉินซี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]