บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 208

บทที่ 208 การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงของระเบียนแดนมรณะ

บทที่ 208 การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงของระเบียนแดนมรณะ

“ไขว่คว้าโชคชะตาของฟ้าดิน เปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้เป็นปาฏิหาริย์ เหตุใดการโจมตีเช่นนี้จึงปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้” ที่มุมหนึ่งของซากปรักหักพังห้าธาตุ ชิงซิ่วอี้ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง นางจึงเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน ประกายของสายฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตาที่มืดมัวของนาง ราวกับฉีกผ่านความมืดมิดของอวกาศเพื่อตรวจจับจักรวาลทั้งหมด ในขณะที่นางจ้องมองไปยังสถานที่ที่มีแสงแดดส่องถึงก่อนหน้านี้อย่างแน่วแน่ ในขณะนี้ จิตใจที่เคยสงบนิ่งของนางก็กระเพื่อมไหวขึ้นมา

“หืม? เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดข้าถึงรู้สึกใจสั่นแปลก ๆ”

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร! แม้จะเป็นเพียงปอยผม แต่ก็ทำให้ข้ารู้สึกกระวนกระวายราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!”

“น่าเกรงขาม! เป็นไปได้ไหมว่ามีผู้บ่มเพาะที่ไม่มีใครเทียบได้ซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังห้าธาตุนี้”

ในอีกด้านหนึ่ง สายตาของหลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ หวงฝู่ฉงหมิง และคนอื่น ๆ หรี่ตาลงและแหงนหน้าขึ้นมองไปยังระยะไกลอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่นอกจากฝูงสัตว์อสูรที่ปกคลุมท้องฟ้าแล้ว พวกเขากลับไม่พบถึงสิ่งอื่นใด ทำให้พวกเขาไม่สามารถระงับความรู้สึกกังวลและความสงสัยในใจได้

อันที่จริง ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น คนอื่น ๆ ในซากปรักหักพังห้าธาตุต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่บีบคั้นซึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันไม่มากก็น้อย ซึ่งมันทำให้พวกเขาหวาดกลัวและสับสนเป็นอย่างมาก

แต่น่าเสียดายที่จู่ๆ กลิ่นอายนี้มาถึงอย่างปุบปับและหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนตั้งใจขับเคลื่อนพลังวิญญาณเพื่อค้นหาพวกมันเช่นเดียวกับหลินโม่เซวียนและคนอื่น ๆ แต่พวกเขากลับไม่พบสิ่งใดเลย

สังหารเถิงหัวซวี่ ทำลายเขตแดนเต๋าแห่งแม่น้ำโลหิต ส่องทะลุผ่านร่างของสัตว์ร้ายจำนวนมหาศาลและทะลวงผ่านกำแพงพายุ… ทั้งหมดนี้คือการโจมตีจากพู่กันพิพากษามาร

การโจมตีครั้งนี้ดูเหมือนจะต้องการพิพากษาสวรรค์และโลก และแยกหยินกับหยางออกจากจักรวาล การโจมตีนี้ได้บรรลุถึงระดับของการเชื่อมโยงกับกฎของมหาเต๋าแล้ว และเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้เป็นปาฏิหาริย์ หากเป็นเฉินซีเอง เขาก็ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีเช่นนี้!

โอม!

หลังจากที่พู่กันพิพากษามารทำลายล้างศัตรูของมัน จู่ ๆ มันก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับตั้งใจจะดิ้นรนให้เป็นอิสระจากการควบคุมของเฉินซี แต่เขากลับคว้ามันไว้ได้ และมันก็ถูกเฉินซีที่เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เข้าขัดขวางอย่างฉับพลัน จากนั้นจึงเก็บมันไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ทันทีที่มันหยุดดิ้นรน

พู่กันพิพากษามารนั้นประหลาดมาก มันเหมือนกับเด็กดื้อรั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้เมื่อถูกปล่อยให้เคลื่อนไหว และมันต้องถูกระงับด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เท่านั้น ก่อนที่มันจะเข้าสู่สภาวะเงียบสงบ

เฉินซีได้ลองพยายามมาหลายวิธี แต่กลับไม่สามารถขัดเกลาพู่กันนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ เมื่อเขาจำเป็นต้องใช้พู่กันพิพากษามารเท่านั้น เขาจะปล่อยมันอย่างระมัดระวังเพื่อสังหารศัตรูของเขา และเขายังต้องคอยระวังไม่ให้มันหลบหนีไปหลังจากนั้น

ครืนน! ครืนน! ครืนนน!

ทันทีที่พู่กันพิพากษามารหายไป สัตว์อสูรของธาตุทั้งห้าที่อยู่รายล้อมเสมือนกระแสน้ำก็แสดงความดุร้ายออกมา จากนั้นพวกมันก็กลับไปรวมฝูงกันอีกครั้งโดยสัญชาตญาณ ภายใต้การรุมล้อมของสัตว์อสูรเหล่านี้ เฉินซีเป็นเหมือนเศษฟางในมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตและตกอยู่ในชะตากรรมที่จะถูกทะเลกลืนกินได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อสัตว์อสูรเหล่านี้สนใจเนื้อหนัง ปราณปีศาจ และเศษซากของแม่น้ำโลหิตที่เถิงหัวซวี่ทิ้งไว้หลังจากการตายของเขา จากนั้นพวกมันก็ตะเกียกตะกายแย่งชิงและกลืนกินสิ่งที่หลงเหลืออยู่

“เฉินซีจงรีบไปเอาแกนทองคำของเถิงหัวซวี่มาซะ อย่าได้ปล่อยให้สัตว์อสูรเหล่านี้ได้ประโยชน์จากมัน!” หลิงไป๋เตือน

โอม!

ทว่าก่อนที่เฉินซีจะทันได้เคลื่อนไหว ระเบียนแดนมรณะในมือซ้ายของเขาก็ปล่อยพลังดูดกลืนออกมา และทุกที่ที่มันผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ของแม่น้ำโลหิต เนื้อหนัง และโลหิตที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ จะถูกมันกลืนกินอย่างหมดจด แม้แต่แกนทองคำของเถิงหัวซวี่เองก็ถูกระเบียนแดนมรณะกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนเฉินซีไม่มีแม้แต่ช่องในการตอบสนอง

ปัง!

หลังจากที่มันกลืนแกนทองคำของเถิงหัวซวี่แล้ว ความแข็งแกร่งของระเบียนแดนมรณะก็ดูเหมือนจะตื่นขึ้น ทำให้มันระเบิดออกมาด้วยความแข็งแกร่งที่ไร้ขอบเขต จนทำให้แขนของเฉินซีสั่นสะท้าน และเขาก็เกือบจะสูญเสียการควบคุมจากระเบียนแดนมรณะไป

“บัดซบ! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” เฉินซีรู้สึกกระวนกระวายในใจ ในขณะนี้ เขาไม่สามารถสนใจสิ่งอื่นได้ และรีบโคจรปราณจ้าววิญญาณและปราณแท้ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา ก่อนที่จะใช้มันเพื่อสยบระเบียนแดนมรณะ แต่เขาเป็นเหมือนตั๊กแตนตำข้าวที่ยกขาขึ้นเพื่อหยุดรถ และผลของการกระทำของเขานั้นอ่อนแอมาก จึงทำให้ระเบียนแดนมรณะอาละวาดอยู่ในกำมือของเขา และมันก็ค่อย ๆ ดิ้นรนโดยปราศจากการควบคุมของเขา หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เฉินซีคงจะสูญเสียสมบัติลึกลับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคัมภีร์อสูรโบราณชั้นยอดไปในอีกไม่นาน

ปัง!

ระเบียนแดนมรณะราวกับกำลังคำรามด้วยความโกรธและเย้ยหยันเฉินซี ที่ประเมินความสามารถของมันสูงเกินไป จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างกะทันหัน เพื่อพาร่างของเฉินซีทะยานออกไปอย่างรุนแรง

ฟุ้บ! ฟุ้บ! ฟุ้บ!

ระเบียนแดนมรณะไม่ได้คิดหลบหนี แต่มันกลับเริ่มสังหารฝูงสัตว์อสูรแทน ทุกที่ที่มันกวาดผ่าน ทุกสิ่งจะถูกลบล้างด้วยพลังกลืนกินอันไร้ขอบเขตที่มันปล่อยออกมา เลือดเนื้อที่สัตว์อสูรเหล่านี้เหลือทิ้งไว้จะถูกมันกลืนกินเข้าไปโดยตรง และแม้แต่เฉินซีเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัว เมื่อเขาเห็นพลังการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพและไร้เทียมทานกำลังกวาดล้างไปทั้งโลก

สัตว์อสูรแห่งธาตุทั้งห้าเหล่านี้เกิดจากแก่นแท้ของธาตุทั้งห้า เลือดเนื้อและเศษสมบัติวิเศษของอสูรและทวยเทพที่ล้มตาย นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่าระเบียนแดนมรณะกำลังกลืนทุกสิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง… ‘ไม่ได้การแล้ว! ถ้าข้าปล่อยให้มันฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ข้าคงไม่สามารถสยบมันได้!’ มือของเฉินซีจับระเบียนแดนมรณะไว้แน่น และเขาไม่กล้าปล่อยมือออกจากระเบียนแดนมรณะจนร่างกายของเขาปลิวว่อนและอาละวาดไปทั่ว ราวกับใบไม้ที่ติดอยู่ในกระแสลมแรงและปลิวว่อนไปตามกระแสลมเท่านั้น ทำให้สภาพของเขาดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]