เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2071

บทที่ 2071 ความลับจากแรกบรรพกาล

………………..

บทที่ 2071 ความลับจากแรกบรรพกาล

เปรี้ยง!

เสียงของราชากู่เยวียนยังไม่ทันสิ้น รัศมีศักดิ์สิทธิ์น้ำเงินเข้มจากพลังต้นกำเนิดพลันปะทุเรืองจากร่างของเฉินซี

มันสาดฟุ้ง พร่ามัว และงดงามไร้ที่ติดุจภาพฝัน!

เมื่อมองจากไกล ๆ เฉินซีก็ดูประหนึ่งเพลิงครามเฉิดฉัน แหวกเวหาทะยานสู่แก่นของโลกต้นกำเนิดอันลอยอยู่กับที่

เป็นเวลาระยะหนึ่งแล้วนับแต่ราชากู่เยวียนถ่ายทอดวิชาหลอมรวมกับแก่นโลกต้นกำเนิดกับเฉินซี ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เฉินซีทะยานไปเบื้องหน้าอย่างไร้ลังเลในขณะนี้

วิ้ง!

ทันทีที่ร่างของเฉินซีเข้าใกล้แก่นโลกต้นกำเนิด เขาก็สัมผัสพลังมหาศาลพุ่งปะทะ ทำให้เขารู้สึกราวถูกขยี้เป็นชิ้นเสี่ยง ร่วงลงในมหาสมุทรพลังต้นกำเนิดอันไร้สิ้นสุด ความคิดว่างโล่งลงทันที!

หลังชั่วกาลเกินรับรู้เคลื่อนผ่าน หรือบางทีอาจเป็นเพียงพริบตา ภาพประหลาดก็เริ่มปรากฏในความคิดอันว่างโล่งของเฉินซี

เขาเห็นรัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดป่วน ก่อเป็นกฎบัญชาสายแล้วสายเล่า ประหนึ่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเริ่มรัดพันต่อเชื่อมกัน สร้างเป็นเต๋าสวรรค์อันแตกต่างกันมากมาย!

ทันทีที่เต๋าสวรรค์เหล่านี้ก่อกำเนิด พวกมันก็เริ่มเข้าปะทะ กลืนกิน และหลอมรวมกันเองอย่างไร้จุดจบ

หลังจากนั้น ภาพก็พลันเปลี่ยนไป เหลือเต๋าสวรรค์เพียงสองสายที่พุ่งปะทะต่อสู้กันราวน้ำกับไฟ แสงสว่างและความมืด ดูเข้มข้นดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง

กฎบัญชานับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์ฟาดเฆี่ยนกัน สร้างประกายไฟระเบิดกระจายทั่วทิศ ขณะที่ปรากฏการณ์สารพัดบังเกิดขึ้น เป็นภาพอันสุดแสนลึกลับ ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ

ขณะนี้ หัวใจของเฉินซีบังเกิดเค้าความเข้าใจ เต๋าสวรรค์ทั้งสองสุดแสนคุ้นเคยสำหรับเขาจนเผลอตัวตัดสินไปว่านี่คือศึกระหว่างนภาผนึกเทพและสวรรค์กำเนิดบรรพ์!

นภาผนึกเทพเป็นตัวตนสูงสุดอันสื่อถึงกฎและบัญชาเต๋าสวรรค์ในสามภพและแดนเทพโบราณ หลังต่อสู้ปะทะหันระยะหนึ่ง มันก็กลืนกินและหลอมรวมกับอีกหนึ่งเต๋าสวรรค์นอกจากสวรรค์กำเนิดบรรพ์เป็นของมัน และเหมือนจะกลายเป็นเต๋าสวรรค์อันแข็งแกร่งสูงสุดนับแต่เบิกความโกลาหล

สวรรค์กำเนิดบรรพ์สื่อถึงกฎบัญชาเต๋าสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของโลกต้นกำเนิด มันดูอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับนภาผนึกเทพ แต่ถึงเช่นนั้น มันก็ยังไม่ยินยอมที่จะถูกนภาผนึกเทพกลืนกินหลอมรวมไปเช่นนั้น และต่อสู้กับนภาผนึกเทพอย่างสุดชีวิตเต็มกำลัง

ทว่าท้ายที่สุดสวรรค์กำเนิดบรรพ์ก็ยังแพ้พ่าย กฎบัญชาของมันเสียหาย ต้องจำศีลสลบไสลไป

ขณะที่นภาผนึกเทพดูเหมือนกำลังจะฉวยโอกาสนี้กลืนกินดูดซับสวรรค์กำเนิดบรรพ์อันไร้ทางสู้นี้อยู่แล้วนั้นเอง หนึ่งสายพลังอันมิเคยปรากฏมาก่อนพลันเผยลักษณ์ ขวางการโจมตีของนภาผนึกเทพไว้

เพียงพริบตา กระทั่งลมหายใจของเฉินซียังเกือบหยุดนิ่ง หัวใจเลื่อนลั่นพลิกตลบ เพราะเขาตกตะลึงเมื่อสังเกตพบว่าสิ่งที่มาขวางนภาผนึกเทพนั้น แท้จริงคือปราณของแผนภาพวารีหลาก!

ใช่แล้ว มันคือแผนภาพวารีหลากไม่ผิดแน่!

แต่ไม่ว่าเขาจะแสวงหาเช่นไร เฉินซีก็ไม่อาจเห็นที่อยู่ของมัน

เปรี้ยง!

ก่อนเขาจะทันฟื้นจากความตกใจ เสียงปะทะอันเลื่อนลั่นสะเทือนโลกากว่าครั้งใดก็บังเกิดขึ้นกับภาพในใจ

อำนาจของมันยิ่งใหญ่สูงส่งยิ่ง ปกคลุมไปทั่วทิศขาวโพลน เนิ่นนานจากนั้น ในที่สุดเฉินซีจึงได้เห็นเก้าลำแสงลึกลับคลุมเครือพุ่งกระจายหายไปท่ามกลางสีขาวนั้น

หรือลำแสงทั้งเก้านั่นจะเป็น… แผนภาพวารีหลากที่ถูกฟาดระเบิด? หนึ่งความรู้สึกอันแรกกล้าปรากฏในใจของเฉินซีอย่างช่วยไม่ได้ เขาสงสัยว่ายามมันหยุดมิให้นภาผนึกเทพกลืนกินสวรรค์กำเนิดบรรพ์ แผนภาพวารีหลากอันสมบูรณ์ก็เสียหาย กลายเป็นเก้าชิ้นส่วน!

หรือจะเป็นเช่นที่ข้าคิด? นี่คือสาเหตุที่แผนภาพวารีหลากแหลกเป็นเก้าเสี่ยงหรือไม่?

เฉินซีไม่อาจยืนยันความเคลือบแคลงของตนได้ เพราะภาพประหลาดเมื่อครู่สลายหายไปแล้ว ทำให้ห้วงจิตสำนึกของเขาว่างโล่งไปอีกหน

แต่นี่มิได้หมายความว่าเฉินซีจะคิดอะไรไม่ได้เลย เขารู้สึกว่าบางทีเขาอาจเดาถูก นี่คือสาเหตุที่ทำให้นภาผนึกเทพไม่อาจกลืนกินสวรรค์กำเนิดบรรพ์ได้!

กาลก่อนยามอยู่ในตระกูลเฉิน ณ แดนมารดากำเนิดบรรพ์ บิดาเขาเฉินหลิงจวินเคยบอกไว้ว่าแผนภาพวารีหลากแหลกเป็นเสี่ยงเพราะเต๋าสวรรค์!

ขณะนั้น เฉินซีสงสัยว่าเหตุใดเต๋าสวรรค์จึงทำเช่นนี้ แต่ยามนี้เขาได้คำตอบแล้ว เพราะมันไปขวางนภาผนึกเทพมิให้กลืนกินสวรรค์กำเนิดบรรพ์!

แต่ทำไมแผนภาพวารีหลากจึงพยายามหยุดนภาผนึกเทพมิให้ทำเช่นนั้น?

เฉินซีคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ แต่ตระหนักดีว่าสถานการณ์นี้ทำให้เขาค่อย ๆ ปัดเป่าม่านหมอกตรงหน้า เจียนพบสัจธรรมเกี่ยวกับแผนภาพวารีหลากเต็มที

ขณะนั้น เฉินหลิงจวินกล่าวไว้ว่านามจริงของแผนภาพวารีหลากมิอาจสืบสาว แต่มิต้องสงสัยเลยว่ามันก่อเกิดจากแก่นแท้ความโกลาหลแห่งสามภพ เก่าแก่กว่าสิ่งใดในโลกหล้า ประสบและผ่านแปดยุคสมัยมาเหมือนสามภพ

จากคำร่ำลือ มหาวิถีแท้จริงนั้นพบได้จากในแผนภาพวารีหลาก

ยามนี้ เมื่อเขาย้อนคิดถึงเรื่องเหล่านี้ นึกถึงภาพการต่อสู้ระหว่างเต๋าสวรรค์ที่เพิ่งได้ประสบ หวนนึกไปว่าแผนภาพวารีหลากปรากฏขึ้นช่วยเหลือสวรรค์กำเนิดบรรพ์มิให้พินาศ เฉินซีก็เหมือนประจักษ์แจ้งเล็กน้อย

“เสี่ยวชุ่ย มันก็แค่ความคิด สัจธรรมนั้นยากนักที่เผ่าเราจะบรรลุสร้างวิชาอันเหมาะสมกับเผ่าได้ด้วยปัญญาของปวงเรา” อาปาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอดพูดขึ้นมิได้ว่า “สุดท้ายแล้ว เรื่องเช่นนั้นก็เป็นเรื่องของโอกาส ถือได้เพียงประสบได้โดยโชคช่วย หากยังดึงดันต่อไป เกรงว่าคงธาตุไฟเข้าแทรกเอาได้นะ”

ผู้อาวุโสอื่น ๆ ของเผ่าวิหคสายฟ้าต่างพากันพยักหน้า รู้สึกว่าหลังได้เคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดมา เสี่ยวชุ่ยก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ทำตัวเหมือนคนคลั่ง เอาแต่พูดเหลวไหลเกินจริง

สีหน้าของเสี่ยวชุ่ยอดชะงักค้างไปยามเห็นเช่นนี้มิได้ มันรู้สึกจนปัญญาอย่างลึกล้ำ เจ้าเฒ่าเหล่านี้คิดหดหัวกันอีกนานเพียงไร?

“ก็ได้ ข้าจะบอกพวกเจ้าแค่ว่าข้าตั้งชื่อวิชานี้ว่าวงแหวนอัสนีมรกต และพอมีความคิดคร่าว ๆ….” เสี่ยวชุ่ยถอนหายใจ ไม่อยากเสวนากันต่อไปแล้ว

ทว่าเสี่ยวชุ่ยพูดไม่ทันจบ หนึ่งเสียงเสสรวลก็ดังขึ้นขัด “วงแหวนอัสนีมรกต? เสี่ยวชุ่ย หรือเจ้าตั้งใจนำชื่อเจ้ามาตั้งชื่อวิชา*[1]? วิชาที่เจ้ายังไม่ทันสร้างนี้แข็งแกร่งสักเพียงไรเชียว?”

เสียงนั้นสุดแสนเย้ยเยาะล้อเลียน

เสี่ยวชุ่ยนิ่งไป แล้วสีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนเกินคาดหยั่ง ลังเลอยู่เนิ่นนาน แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากที่ใด หัวใจอดรู้สึกขัดข้องมิได้

ขณะนั้นเอง จู่ ๆ มันก็รู้สึกว่าห้วงจิตสำนึกของตนสั่นสะท้าน ประหนึ่งรู้แจ้งเฉียบพลัน และบังเกิดสารพัดความคิดอันบรรเจิดเป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับวิชานี้ขึ้นมา

เสี่ยวชุ่ยตะลึงทื่อกับที่ทันที

“ฮ่า ๆ ๆ! เสี่ยวชุ่ย ภายหน้าเจ้าอย่าพูดจาใหญ่โตเลย มีแต่จะขายหน้าตัวเองเปล่า ๆ แน่นอน หากเจ้าทำได้จริง ๆ นั่นก็อีกเรื่อง” ผู้อาวุโสเผ่าวิหคสายฟ้าตนหนึ่งอดหัวเราะยามเห็นเสี่ยวชุ่ยดูพูดไม่ออกไปมิได้

“ใครบอกเจ้าว่าข้าทำไม่ได้?” แต่ทันใดนั้น เสี่ยวชุ่ยพลันเงยหน้าขึ้น อัสนีประหลาดสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งแล่นปลาบในดวงตา

ตนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ก็ยิ่งหัวเราะลั่น เจ้านี่ช่างหัวแข็งเสียนี่กระไร

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น เสี่ยวชุ่ยก็กระพือปีก แล้ววงแสงใสสีมรกตกลมเกลี้ยงเจิดจรัสก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ นอกจากนั้น พื้นผิววงแสงนี้ยังปกคลุมด้วยอัสนีสีน้ำเงินเข้มอันวับวาวสุดขั้ว

ทันทีที่มันปรากฏ ทั่วบริเวณก็เริ่มสั่นสะท้าน จิตสังหารและอำนาจทำลายล้างร้ายกาจเกินธรรมดาแผ่ซ่าน….

พริบตานั้น เสียงหัวเราะสนั่นทั่วทิศก็เงียบลงกะทันหัน เหล่าผู้เฒ่าในเผ่าวิหคสายฟ้าตะลึงจังงังราวถูกฟ้าผ่า

[1] ชื่อของเสี่ยวชุ่ยแปลตรงตัวว่ามรกตน้อย

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]