บทที่ 2084 เหล่าศิษย์พี่
………………..
บทที่ 2084 เหล่าศิษย์พี่
เอกภพจักรวรรดิ
ดวงดาวนับหมื่นแสนล้านดวงยังคงเคลื่อนคล้อยไปตามวิถีอันเป็นนิรันดร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะเดียวกันพวกมันก็เปล่งแสงเรืองรองอันยิ่งใหญ่และเจิดจรัส
มันลึกลับและกว้างใหญ่เหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่าเอกภพจักรวรรดินั้นไม่เหมือนเดิม
ภายใต้ม่านอันลึกลับและเงียบสงบนั้น มันกลับแฝงด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน และยังเปี่ยมล้นด้วยสัญญาณแห่งความโกลาหล
เฉินซีเป็นจ้าวเอกภพแปดดาราในขณะนี้ และเขายังต้องอาศัยแก่นโลกต้นกำเนิดเพื่อมองผ่านกฎและระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์ที่เป็นของสวรรค์กำเนิดบรรพ์
ดังนั้นจึงทำให้เขาสามารถรับรู้ถึงเจตนาแห่งสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ทั่วเอกภพจักรวรรดิได้อย่างชัดเจน
เจตนาเหล่านั้นกลับคือเจตนาฆ่าฟัน!
“เอกภพจักรวรรดิตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายจริง ๆ….” หัวใจของเฉินซีดิ่งลง เนื่องจากเอกภพจักรวรรดิตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย นั่นหมายความว่าห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกพัดพาเข้าสู่วังวนแห่งความสับสนวุ่นวายได้
“เฉินซี ตอนนี้เรามาถึงเอกภพจักรวรรดิแล้ว ข้า….” เย่เจ๋อลังเลที่จะกล่าว
“ขอบคุณมาก ขอให้เจ้าโชคดี” เฉินซีสังเกตได้ทันทีว่าเย่เจ๋อรู้สึกกระวนกระวายใจที่จะกลับคืนสู่บ้านเต็มแก่
เย่เจ๋อตกตะลึง ดูเหมือนเขาไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะตกลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาก็กล่าวลากับเฉินซี และเคลื่อนย้ายผ่านมิติไปในอวกาศ
“ฝากแสดงความนับถือแก่ลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เย่เฉินด้วย”
“แน่นอน”
หลังจากที่เห็นเย่เจ๋อจากไปแล้ว เฉินซีก็ไม่รอช้าอีกต่อไป และเริ่มเคลื่อนย้ายมิติไปยังทิศทางที่แน่นอน
…
เขาเทพพยากรณ์
โอม!
คลื่นความผันผวนปรากฏขึ้น และจากนั้นร่างสูงใหญ่ของเฉินซีก็ปรากฏกาย
ขณะที่เขาจ้องมองไปที่ภูเขาสูงตระหง่านที่คุ้นเคย ซึ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเก่าแก่และเงียบสงบที่เติมเต็มบริเวณโดยรอบ สภาพจิตใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดก็ได้กลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย ซึ่งนิกายของเขาตั้งอยู่ และมันก็คลับคล้ายกับการหวนคืนจากสรวงสวรรค์ต่างภพที่แยกตัวจากโลก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกกังวลจากเปลวเพลิงแห่งสงครามและความโกลาหลที่กำลังโหมกระหน่ำไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เฉินซีตระหนักดีว่ามันเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากไม่สามารถหยุดความโกลาหลที่ส่งผลกระทบต่อแดนเทพโบราณทั้งหมดได้ สักวันหนึ่งความสงบสุขนี้จะถูกทำลายลงอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ ปรากฏว่าคลื่นความผันผวนบังเกิดขึ้นข้างหลังเขา ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงเล็กน้อย และกำลังจะลงมือ แต่เขาก็ควบคุมตัวเองไว้ได้
ผัวะ!
มือที่ประณีตและเรียวเล็กฟาดลงไหล่ของเฉินซี ในขณะที่เสียงที่ชัดเจนและไพเราะก็กล่าวหยอกล้อ “เจ้ากล้าดียังไงมาบุกรุกเขาเทพพยากรณ์ของข้า?”
เสียงที่คุ้นเคยนี้ทำให้เฉินซีความตื่นเต้นและความอบอุ่นที่ไม่ได้รู้สึกมาเป็นเวลานานแล่นพล่านไปทั่วกาย ถึงขั้นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าด้วยซ้ำ
เฉินซีหันขวับไปอย่างรวดเร็ว และเขาเห็นชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่เบื้องหน้า
ชายหนุ่มผู้นี้มีริมฝีปากสีแดง ฟันสะอาดขาว และรูปโฉมงดงาม เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษ แต่ก็ยังเผยความงามและเอกลักษณ์ตามธรรมชาติ
ในขณะนี้ มือของนางไพล่อยู่ด้านหลัง ดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มแต้มอยู่ที่มุมปาก เผยความงามที่มีชีวิตชีวาและดูเหมือนคนละโลก อีกทั้งยังดูพริ้งเพราและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
ชายหนุ่มแสนสวยคนนี้ เป็นศิษย์พี่หญิงของเขาเทพพยากรณ์ หลียาง!
หลังจากหลายปีผ่านไป เมื่อเขาเห็นศิษย์พี่หญิงของเขาปรากฏตัวต่อหน้าพร้อมกับเผยให้เห็นการแสดงออกและการแต่งตัวที่คุ้นเคยเช่นนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะมึนงง ณ จุดนั้น
อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คราครั้งที่เฉินซีมาถึงเขาเทพพยากรณ์ในเอกภพจักรวรรดิเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกครั้ง เนื่องจากหลียางอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ
ดังนั้นเฉินซีจะควบคุมอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในส่วนลึกของหัวใจได้อย่างไร เมื่อเขาหวนคำนึงถึงเหตุการณ์ในอดีต?
ในเวลาเดียวกันกับที่เฉินซีตกตะลึง หลียางก็กำลังพินิจพิเคราะห์ นางมองเขาหัวจรดเท้า ตั้งแต่การแต่งตัวที่เปลี่ยนไปจนถึงลักษณะท่าทาง เหมือนตั้งใจจะทำความรู้จักเฉินซีอีกครั้ง
หรือบางทีนางอาจจะพยายามตามหาชายหนุ่มที่ดื้อรั้นและเงียบขรึมที่คุ้นเคย?
“ศิษย์พี่หญิง….” จู่ ๆ เฉินซีก็กล่าวออกมา และเพียงคำกล่าวเหล่านี้ก็อัดแน่นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่มากมายมหาศาล แม้ว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับเฉินซี แต่บุคคลนั้นก็อาจจะรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้
แม้แต่ชิงซิ่วอี้ ฟ่านอวิ๋นหลาน และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถทำให้เฉินซีรู้สึกเช่นนี้ เขาดูค่อนข้างอึดอัดและพูดไม่ออก
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ศิษย์พี่หลียาง ได้ครองตำแหน่งที่สำคัญยิ่งในใจของเขาอย่างเหนียวแน่น มันไม่ใช่ความรู้สึกชื่นชม แต่เป็นความรู้สึกเสน่ห์หาและความปรารถนาอันซับซ้อน
“คารวะศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่สี่” เฉินซีรีบโค้งคำนับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้เลย เมื่อคลื่นเสียงโห่ร้องดังก้องอีกครั้ง
“ศิษย์น้องเล็กกลับมาแล้วเหรอ?”
“เร็วเข้า! ให้ข้าได้เห็นเขาหน่อย! มันนานแค่ไหนแล้ว? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับศิษย์น้องเล็ก แย่จริง ๆ”
“ข้าก็เหมือนกัน แต่ข้าไม่ได้รู้สึกแย่นะ แต่ข้าโกรธเลยล่ะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนั่นกลับมาเมื่อหลายปีก่อน แล้วทำไมเขาถึงไม่พบเราล่ะ?”
“โอ้ เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของเราเหรอ? เขาหล่อเหลายิ่งกว่าศิษย์พี่ใหญ่เสียอีก ข้าคิดว่ามีเพียงศิษย์พี่ห้า หลี่ฝูเหยาเท่านั้นที่สามารถประชันกับศิษย์น้องเล็กได้”
เสียงโห่ร้องอึกทึกไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็มีร่างมากมายปรากฏขึ้นที่นี่พร้อมกับเสียงเหล่านั้น มีทั้งบุรุษและสตรี สายตาของพวกเขาล้วนจับจ้องไปที่เฉินซีเป็นตาเดียว มิหนำซ้ำ สายตาเหล่านั้นยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความสุขอันเปี่ยมล้น
เฉินซีครุ่นคิดกับตัวเองทันที นี่คงเป็นเหล่าศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงของข้ากระมัง?
เขากวาดสายตามองผ่านทุกคน และเขายังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นคือ ศิษย์พี่ห้า หลี่ฝูเหยา!
“ศิษย์น้องเล็ก มาเถิด! ให้ข้าแนะนำพวกเขาให้เจ้ารู้จัก นี่คือศิษย์พี่คนที่หก ฉางถู เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางสู่เต๋าโดยใช้ลายเส้นธรรมชาติที่ครอบครองโดยทุกสิ่ง เขาได้รวบรวมพืชและศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่หายากมากมาย เจ้าสามารถถามเขาได้เลยหากเจ้าสนใจสิ่งเหล่านั้น” หลียางชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา ซึ่งมีท่าทางใจดีและซื่อตรง
“นี่คือศิษย์พี่หญิงคนที่เจ็ด กู่เหลียงฉิน นางก้าวเข้าสู่เส้นทางสู่เต๋าโดยใช้ท่วงทำนองของฟ้าดิน นางครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้มากมาย ซึ่งอยู่ในรูปแบบของเครื่องดนตรี เช่น พิณและกลอง สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม นางเป็นคนเรียบง่ายและสง่างาม ทั้งยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ดังนั้นนางจึงไม่เคยเข่นฆ่าผู้ใด สมบัติเหล่านั้นสูญเปล่าในมือนางอย่างแท้จริง” ขณะที่นางกล่าว หลียางชี้ไปที่ผู้หญิงที่ละเอียดอ่อน สง่างาม และใจดี ที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาและมีผมสีดำสนิท
เมื่อนางแนะนำศิษย์พี่หญิงคนที่เจ็ดของพวกเขาเสร็จแล้ว หลียางก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทาที่ดูไม่สุภาพและสะลึมสะลือ “นี่คือศิษย์พี่คนที่แปด ชิงฮุ่ย แม้ว่าชื่อของเขาฟังดูไพเราะ แต่เขาเป็นคนเกียจคร้านมาก นอนได้นานนับพันปี”
“นี่คือศิษย์พี่หญิงคนที่เก้า เซวียนชิง…”
“นี่คือศิษย์พี่คนที่สิบ มู่ซินอวี่….”
“นี่คือศิษย์พี่คนที่สิบเอ็ด หลินหยวน…”
“นี่คือศิษย์พี่คนที่สิบสอง อวี่หมิง….”
เฉินซีรีบคำนับบุคคลเหล่านั้นทันทีที่หลียางแนะนำพวกเขา ในอดีต เขาเพียงได้ยินชื่อของพวกเขา แต่ไม่เคยพบกับพวกเขาด้วยตนเอง และการแนะนำเหล่านี้ ทำให้เขาได้ทราบถึงรูปลักษณ์ของศิษย์เอกทุกคนในสายของปรมาจารย์ฝูซี
ศิษย์พี่น้องทั้งหมดมารวมตัวกัน และบรรยากาศที่นี่ดูคึกคักเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...