เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2083

บทที่ 2083 สงคราม

………………..

บทที่ 2083 สงคราม

หนึ่งกลุ่มดาวลอยค้างแสนไกล รูปร่างดูคล้ายใบกล้วย เต็มไปด้วยมวลดาราพร่างพราว

จากเส้นทางที่เย่เจ๋อแจ้งเขา กลุ่มดาวนี้มีชื่อว่าวายุทมิฬ เป็นเส้นทางเดียวอันนำสู่เอกภพฤกษ์นิลกาฬ

หากเขาต้องการไปให้ถึงเอกภพจักรวรรดิโดยเร็วที่สุด เขาก็ต้องเข้าสู่เอกภพฤกษ์นิลกาฬ จึงเป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องผ่านกลุ่มดาววายุทมิฬเพื่อไปยังเอกภพฤกษ์นิลกาฬ

ในอดีต กลุ่มดาววายุทมิฬพลุกพล่านรุ่งเรืองยิ่ง มีสรรพชีวิตมากมายรวมตัว ทว่าปัจจุบันมันกลายเป็นสมรภูมิไปแล้ว!

หนึ่งสงครามคุกรุ่นไปทั่วกลุ่มดาววายุทมิฬ!

ครืน!

สมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมายพุ่งชนกันดุจอุกกาบาตดาวตก

สุดยอดวิชาสารพันถูกปล่อยใช้ ดุจตะวันแหลกระเบิดเลื่อนลั่นไปทั่วกลุ่มดาววายุทมิฬ

นอกจากนั้น ผู้บ่มเพาะยังโถมทะยานกู่ก้อง เกิดเป็นกลุ่มเงามืดหนาแน่นเข้าโรมรันกับศัตรู สาดพายุโลหิตดุจพิรุณโปรย

เป็นสงครามอันใหญ่โตเกินธรรมดา!

โหดร้ายละเลงเลือด!

ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นเทพผู้เรืองฤทธาล่มสวรรค์ถล่มแดน!

ดุจสองกองทัพรบพุ่งพัวพัน โลหิตสาดซัด ผู้คนล้มตาย

ทั่วทั้งกลุ่มดาวถูกพวกเขาเปลี่ยนเป็นสมรภูมิ ใช้ฤทธายิ่งใหญ่ก่อพายุโลหิตถมสรวง!

ฆ่า!

สุญตาล่มสลาย หมู่ดาวแหลกกระจาย คลื่นวายุร้ายแรงพัดกระโชกทั่วทิศ ทำให้โลกหล้าหม่นรัศมี

ฆ่า!

ซากศพร่วงโรยจากฟ้าท่ามกลางโลหิตพร่างพรมและเสียงกรีดร้องระงม ชั่วขณะนี้ สรรพชีวิตต่างเหมือนมด ชีวิตมิได้อยู่ในมือตนอีกต่อไป

ฆ่า!

นี่คือสงคราม! สงครามระหว่างทวยเทพ!

หนึ่งกลุ่มดาวกว้างใหญ่กลายเป็นสมรภูมิ ภาพทั่วทิศดุจขุมนรกสีเลือด ชั่วขณะนี้ ชีวิตราวไม่มีค่า!

เฉินซีเคยประสบศึกสารพัดมาในอดีต เผชิญเหตุละเลงเลือดเกินนับหน แต่นี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสบศึกวงกว้างเพียงนี้

ในหนึ่งกลุ่มดาวมีดวงดาวมากมายที่ผู้บ่มเพาะอยู่บ่มเพาะได้ มีสำนักมากมายและสรรพชีวิตเติบโตทุกโลกภูมิ

แต่ยามนี้ กลุ่มดาวที่ว่ากลับกลายเป็นสมรภูมิ ด้วยเหตุนี้ ชีวิตผู้บริสุทธิ์เกินนับถ้วนจึงถูกลากเข้าสู่การต่อสู้ เหลือเพียงสัมภเวสีเหยื่อสงคราม!

ในอดีต สงครามระดับนี้ไม่เคยเกิดในแดนเทพโบราณมาก่อน เพราะหากมันเกิดขึ้น สรรพชีวิตก็จะดับสูญ ไร้ผู้ใดรับอาญาของการสร้างโทสะไม่พอใจจากสาธารณชนได้ไหว

แต่ขณะนี้ มันกลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา!

แดนเทพโบราณเริ่มตกสู่ความโกลาหลแล้วจริง ๆ… เฉินซีพึมพำในใจขณะรู้สึกทั้งเศร้าหมองและเดือดดาลอย่างบอกไม่ถูก อึดอัดประหนึ่งบางสิ่งค้างจุกในอก

เฉินซีมิใช่ผู้เมตตาสงสารในชะตาสรรพชีวิต แต่เมื่อเขามาเห็นภาพอันไร้เมตตา คิดไปว่าสรรพชีวิตมากมายต้องตกตายท่ามกลางความวิตกสิ้นหวังเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

นี่มันความผิดผู้ใดแน่?

เหตุใดสงครามใหญ่โตเช่นนี้จึงเกิดขึ้น?

“เห็นหรือไม่? นี่แหละสงคราม ความไม่สงบเริ่มปรากฏขึ้นในแดนเทพโบราณตั้งแต่สองสามปีก่อน มิได้สงบเงียบเช่นอดีตกาลแล้ว นอกจากนั้น… ยังไม่มีผู้ใดสามารถพอหยุดเรื่องทั้งหมดนี้ด้วย บางทีอีกไม่นาน ทั่วโลกหล้าก็คงถูกเพลิงสงครามและการทำลายล้างแผดผลาญ นำความทุกข์ทรมานสู่สรรพวิญญาณ!” เย่เจ๋อรำพึงเปี่ยมอารมณ์

เขาหาสังเกตไม่ว่าสีหน้าของเฉินซีเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย นอกจากนั้น ม่านตาอันดูเหมือนหุบเหวทมิฬเรืองรองด้วยประกายเย็นเยียบ

เช้ง!

หนึ่งกระบี่ขับคำรน

ร่างของเย่เจ๋อสะท้าน หันมามองและพบทันทีว่าเฉินซีทะยานสู่เวหาเฉียบพลัน ทั่วร่างเรืองรัศมีศักดิ์สิทธิ์ม่วงทองอันจรัสเรืองสุดขั้ว

เรือนผมยาวของเขาส่ายสะบัด ในมือถือยันต์ศัสตราเรียบง่ายสีดำสนิท ทั่วร่างพลุ่งพล่านด้วยปราณม่วงทอง นอกจากนั้น ร่างสูงใหญ่ยังเปี่ยมบรรยากาศยิ่งใหญ่ทรงพลัง

“เจ้า….” เย่เจ๋อกำลังจะเปิดปาก แต่ก็เห็นปราณกระบี่อันหนาแน่นเกินธรรมดาพลุ่งพล่านออกจากกระบี่ของเฉินซี!

วูบ!

ปราณกระบี่เรืองรองไร้ขอบเขต มันไม่ได้เร็วนัก แต่กลับให้บรรยากาศยิ่งใหญ่ทรงพลัง สรรพสิ่งครั่นคร้ามในหทัย

ฤทธาการโจมตีนี้เปรียบประหนึ่งแสงสว่างอันวูบไหวผ่าความมืด ทะยานผ่านหมู่ดาว ขยี้สุญตาที่ผ่านข้าม เรืองฤทธายิ่งใหญ่ ฟาดฟันลงใส่กลุ่มดาววายุทมิฬจากไกลโพ้น

ครืน!

ฟ้าดินเลื่อนลั่นสนั่นทั่ว ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวทะยานสู่แสนไกล ทำให้ผู้บ่มเพาะทั่วท้องนภาพร่างพราวสะดุ้งโหยง!

ทันใดนั้น ผู้บ่มเพาะมากมายซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดทั่วกลุ่มดาววายุทมิฬก็ขนลุกซู่ หยุดทุกการกระทำแล้วรีบเงยหน้าขึ้น

“ท่านอา ไม่ฆ่าพวกเราได้หรือไม่?” เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยปากเสียงเบาหวิว ใบหน้าน้อยเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“หุบปาก! เจ้าอยากตายหรือไร!?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งลนลาน รีบปิดปากเด็กชายด้วยกลัวยิ่งว่าเฉินซีจะเกิดโทสะ ฆ่าล้างพวกเขาเสีย

“ข้าจะช่วยส่งพวกเจ้าไป” เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ลังเล แล้วอำนาจไร้ลักษณ์สายหนึ่งก็พาเรือเหาะสมบัติข้ามมิติไปแสนไกล หายลับไปทันตา

“เมื่อครู่เจ้าลงมือ เพียงเพื่อจะช่วยชีวิตพวกเขาหรือ?” เย่เจ๋อถามออกมาพลางมองเฉินซีตาค้าง

มิเพียงเขา ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ก็รู้สึกน่าขันเช่นกัน นี่มันสงครามนะ จะไร้ผู้ตกตายได้อย่างไร?

“ไยจะมิได้?” เฉินซีขมวดคิ้ว

เย่เจ๋อยิ้มจืดเจื่อน “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสรรพชีวิตเช่นพวกเขากี่มากน้อยต้องทนทุกข์จากสงครามและความโกลาหล? เป็นล้าน ๆ! เจ้าคนเดียวจะช่วยได้สักกี่คนเชียว?”

“ในเมื่อข้ามาพบพวกเขา ข้าก็ต้องช่วย ช่วยได้หนึ่งคนก็เอา!” เฉินซีกล่าวอย่างสุขุม

“เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าอาจช่วยพวกเขาได้ยามนี้ แต่พวกเขาก็ยังเลี่ยงที่จะถูกสงครามและความโกลาหลพัวพันมิได้อยู่ดียามเจ้าจาก!?” เย่เจ๋อรวบรวมความกล้า “พูดตรง ๆ ทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนไร้ความหมาย เว้นแต่เจ้าจะจบสงครามความโกลาหลทั่วแดนเทพโบราณได้”

ความหมายจากวาทะของเขาชัดเจนมาก ลำพังกำลังเฉินซีมิอาจหยุดเรื่องทั้งหมดนี้ได้ จึงไร้จำเป็นต้องทำเรื่องไร้ความหมายต่อไป

“อ้อ งั้นหรือ?” เฉินซีไม่ทั้งยอมรับหรือคัดค้าน สายตาเย็นเยียบชำเลืองผู้บ่มเพาะมากมายรอบทิศ ท้ายที่สุด เขาก็กล่าววาทะสั้น ๆ แผ่วเบา “ไสหัวไป!”

วาทะไม่กี่คำ แต่กลับเลื่อนลั่นดุจอัสนี กึกก้องไปทั่วกลุ่มดาววายุทมิฬ!

ร่างของผู้บ่มเพาะทั้งมวลในสงครามต่างสะท้านราวถูกอำนาจร้ายกาจบางอย่างโถมขยี้กดดัน แตกตื่นหนีกระเจิงกันทันใด

การโจมตีก่อนหน้านี้ของเฉินซีทำลายจิตต่อสู้ของพวกเขาแหลกเหลว ขวัญผวาอยู่ไม่สุขถึงขีดสุดกันเป็นทุนเดิม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาหรือจะไม่หนีทันทีที่มีโอกาส

เย่เจ๋อรีบเสริมว่า “ขอพูดอะไรไม่เข้าหูสักหน่อย ข้ารับประกันได้ว่าคนเหล่านั้นจะเริ่มสู้กันอีกทันทีที่เราไป ต่อให้ไม่ทำเช่นนั้น ผู้อื่นก็จะทำแทน”

เฉินซีเงียบไปครู่สั้น ๆ ก่อนจะโพล่งขึ้น “เชื่อหรือไม่ว่า ไม่ช้าก็เร็ว ศึกอลหม่านนี้จะจบลง”

เย่เจ๋อนิ่งไป ตะลึงมึนงงเล็กน้อย

“ข้าเชื่อ” เฉินซีตอบตนเองเสียงเรียบ แต่ให้ความรู้สึกเด็ดเดี่ยว

สิ้นคำ เขาก็พาเย่เจ๋อเคลื่อนย้ายมิติต่อไป

ระหว่างการเดินทางของพวกเขา เฉินซีเผชิญศึกวงกว้างมากมาย หนึ่งศึกกระทั่งป่วนรวนทั่วทั้งดาราจักร

ภาพละเลงเลือดทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่าแดนเทพโบราณอยู่ในจลาจลจริงแท้ หนึ่งมรสุมพัดป่วนไปทั่ว

ระหว่างทาง สภาพจิตใจของเฉินซียิ่งทวีความหนักอึ้ง เงียบเชียบนิ่งงันยิ่งขึ้น หาทราบไม่ว่าในใจคิดเช่นไรอยู่

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]