เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2082

บทที่ 2082 คลื่นใต้น้ำ

………………..

บทที่ 2082 คลื่นใต้น้ำ

ก่อนจะไป เฉินซีค้นหาทั่วทั้งตำหนักก่อนจะพบสมบัติจำนวนมาก

สมบัติเหล่านั้นกองพะเนินราวกับขุนเขา พวกมันแทบทุกชิ้นล้วนเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าหายาก หากนำออกไปสู่โลกภายนอก สมบัติแต่ละชิ้นย่อมสามารถขายได้ในราคาสูงลิ่วอย่างแน่นอน!

พอมาคิดดู หลิ่นตงผู้เป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราดูแลเหมืองเทวะครามล้ำมาหลายปี สมบัติที่เขารวบรวมมาย่อมมีมากมายนับไม่ถ้วน

ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่สมบัติที่คนเช่นเขาพบเจอจะเป็นของธรรมดา

แน่นอนว่าเทียบกับสมบัติเหล่านี้แล้ว สิ่งที่เฉินซีให้ค่ามากที่สุดคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติสามชิ้นที่พบจากศพของหลิ่นตงอย่างไม่ต้องสงสัย

ระฆังทองแดง

แส้เถาวัลย์

ค้อนอัสนีที่มีสายฟ้าไหลออกมา

พวกมันล้วนเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่เหมาะกับการขัดเกลา และพัฒนาคุณภาพของยันต์ศัสตรา

พลังของยันต์ศัสตราตอนนี้แก่กล้ายิ่ง สมบัติวิญญาณธรรมชาติธรรมดาจึงไม่อาจเทียบกับมันได้ แต่สำหรับเฉินซีผู้ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นจ้าวเอกภพแปดดารา พลังของยันต์ศัสตรายังจำเป็นต้องพัฒนา ถึงตอนนั้นจึงจะสามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพการต่อสู้ออกมาได้

“อันนี้คือค่าตอบแทนสำหรับเจ้า”

เมื่อเฉินซีเห็นใบหน้าซีดเผือดและหวาดกลัวของเย่เจ๋อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะจนคำพูดขณะโยนสมบัติบางส่วนให้อีกฝ่าย

“นี่อะไร?” เย่เจ๋อทั้งตกตะลึงและสับสน

“ของปลอบใจ”

เฉินซีตบบ่า “ถึงอย่างไรก็เป็นข้าที่ละเลยจนทำให้เจ้าหวาดกลัวระหว่างทาง”

ใบหน้าของเย่เจ๋อพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกทั้งเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยวอย่างอธิบายไม่ถูก ค่าชดเชยนี้นับว่าน่าอับอายนัก! เขาหวาดกลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หืม?

แม้ในใจจะไม่พอใจ แต่เย่เจ๋อก็ยังเก็บสมบัติไปแต่โดยดี ต่อหน้าเฉินซีผู้เป็นฆาตกรโหดเหี้ยม เขาจึงไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ

“ท่านจะทำอย่างไรต่อหรือ?”

เมื่อเย่เจ๋อเห็นเฉินซียกเขาขึ้นเหมือนไก่อีกครั้ง เขาก็อุทานออกมา

“ก็ไปน่ะสิ”

เฉินซีเอ่ยคำขณะมาถึงใจกลางห้องโถง โดยมีลวดลายเลือนรางอยู่บนพื้น ซึ่งแสดงให้เห็นมันคือค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ

“แต่ท่านช่วยปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่…”

เย่เจ๋อเอ่ยอย่างวิตก เขาเบื่อหน่ายกับความรู้สึกถูกอุ้มหิ้วจนไม่สามารถขัดขืนได้เต็มทนแล้ว

วิ้ง!

แต่ก่อนจะทันได้เอ่ยคำจนจบ เฉินซีก็เปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ สิ้นเสียงแปลกประหลาด พวกเขาทั้งสองก็ถูกเคลื่อนย้ายหายไปในทันที

“แบบนี้อีกแล้ว… ท่านช่วยให้ความเคารพหน่อยไม่ได้หรือ!?”

ในห้องโถงใหญ่ เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความไม่เต็มใจของเย่เจ๋อดังขึ้น ก่อนทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบ

วิ้ง!

ทันใดนั้น ลำแสงโลหิตก็พุ่งออกจากศพของหลิ่นตงตรงสู่ท้องนภา ดูแปลกประหลาดและลึกลับอย่างยิ่ง

ตู้ม!

เพียงพริบตา ทั่วท้องนภาพังทลายอย่างรุนแรง แล้วเต๋าสวรรค์อันน่าสะพรึงก็กลายเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์สีเทาที่ยังคงร่ายรำอยู่ระหว่างฟ้าดินอย่างคลุ้มคลั่ง

ขุนเขาเริ่มทรุดตัว ปฐพีแตกร้าว สุญตาปั่นป่วน ทั่วทุกแห่งหนเริ่มพังทลาย หายนะอันน่าสะพรึง และภัยประหนึ่งพายุหมุนอันเกรี้ยวกราดเริ่มกวาดล้างทั่วเหมืองเทวะครามล้ำ

โชคยังดีที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้ถูกจับไปเป็นแรงงานหลบหนีออกมาทันเวลา หาไม่แล้วหากยังอยู่ต่อ พวกเขาย่อมมีชะตาถูกกวาดล้างโดยภัยอันน่าสะพรึงนี้แน่

ครืนนน!

ในท้ายที่สุด เหมืองเทวะครามล้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลถูกปกคลุมด้วยกฎระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะพังทลายกลายเป็นความว่างเปล่าท่ามกลางเสียงคำรามสะเทือนปฐพี

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าก่อนเหมืองเทวะครามล้ำจะหายไป กลับมีสายตาเย็นชา โหดเหี้ยม และเฉยชาปรากฏบนท้องนภาที่เต็มไปด้วยปรากฏการณ์แปลกประหลาดก่อนจะหายไป

แทบจะในเวลาเดียวกัน คนของนิกายอำนาจเทวะก็มาเยือน

ในท้องนภาไร้ที่สิ้นสุด เสียงที่เต็มไปด้วยความโอ่อ่าสูงสุดก็ดังขึ้น…

“เหมืองเทวะครามล้ำถูกทำลายแล้ว ดูท่าว่าเฉินซีจะได้รับแก่นของโลกต้นกำเนิดจนได้กลับออกมาจากที่นั่น!”

“ถ่ายทอดคำสั่งออกไปว่าอย่าลงมือกับเด็กคนนี้ ข้าอยากให้เขารอดเพื่อจะได้เข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีที่กำลังจัดขึ้นในอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า”

ท้องนภาดาราเจิดจ้า เปล่งประกาย ลึกลับ และงดงาม

เมื่อเห็นทิวทัศน์และบรรยากาศอันคุ้นเคย เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็กลับมาได้แล้ว…

ผ่านไปหลายสิบปีนับตั้งแต่เขาออกจากแดนมารดากำเนิดบรรพ์ ถูกไล่ล่าจนเข้าสู่โลกต้นกำเนิด จากนั้นร่อนเร่อยู่ในเหมืองเทวะครามล้ำก่อนจะได้กลับสู่ท้องนภาดาราอันคุ้นเคยในท้ายที่สุด

เขาเกือบถูกสังหารโดยมหาเทพเต๋าซูถัว ได้เห็นความลับมากมายในโลกต้นกำเนิด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในที่สุดตนเองก็เข้าใจว่าท้องนภาในบริเวณที่เคยฝึกฝนถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่ากฎระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์ของนภาผนึกเทพ!

“ที่นี่ที่ไหน?”

ผ่านไปสักพักเฉินซีก็เอ่ยถาม ตอนนี้เองที่เขาปล่อยมือที่จับเสื้อของเย่เจ๋อ

“ขอข้าดูก่อนนะ”

“เฉินซี!”

“ผู้อาวุโสเป็นศิษย์เอกเลื่องลือของเขาเทพพยากรณ์นี่เอง!”

“แต่ว่า… พลังต่อสู้ของเขาเหลือเชื่อเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คงโหยวหราน สืออวี๋ เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และคนอื่นที่เข้าแดนรวนเรลืมเลือนกับเขาในตอนนั้นมีระดับการบ่มเพาะเพียงขอบเขตจ้าวเอกภพสองดาราเท่านั้น แต่เขา… ถึงกับสังหารหลิ่นตงผู้เป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราด้วยหนึ่งกระบี่ได้! เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

“หากคนผู้นี้ต้องการปกปิดบางสิ่งก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นผู้อื่น หมายความว่าเขาคือเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“แต่โอกาสพิเศษแบบไหนที่ทำให้เขาบรรลุถึงระดับการบ่มเพาะอันน่าสะพรึงได้ในเวลาสั้นเช่นนี้?”

“เฉินซี… เฉินซี… คาดไม่ถึงว่าคนที่ช่วยพวกเราทั้งหมดเอาไว้ถึงกับเป็นศิษย์เอกแห่งเขาเทพพยากรณ์”

ไม่นานหลังจากเฉินซีจากไปพร้อมกับเย่เจ๋อ ร่างทั้งหลายก็ปรากฏในท้องนภาดาราที่พวกเขาเคยอยู่

น่าแปลกที่พวกเขาล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่หลบหนีมาจากเหมืองเทวะครามล้ำ!

เห็นได้ชัดว่าบทสนาก่อนหน้าระหว่างเฉินซีกับเย่เจ๋อมาถึงหูพวกเขา ทำให้เกิดเสียงอุทานขึ้นมา

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็หายไป

ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้เชื่อว่าเมื่อกลับแคว้นหลักของแดนเทพโบราณ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเหมืองเทวะครามล้ำก็เผยแพร่ไปทั่วเช่นกัน

หลังจากนั้น ทุกสิ่งเกี่ยวกับเฉินซีก็ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่ว

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้การนำทางของเย่เจ๋อ เฉินซีได้เดินทางผ่านเอกภพกว้างใหญ่ไร้พรมแดนหลายสิบแห่งกับท้องนภาดาราจักรจำนวนมาก

ระหว่างทาง เฉินซีแทบไม่ได้พักผ่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงอยู่ในสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อม

ทุกสิ่งที่เกิดจากการบ่มเพาะอันลึกล้ำในขอบเขตจ้าวเอกภพแปดดาราเทียบไม่ได้กับจ้าวเอกภพแปดดาราธรรมดา

ถึงอย่างไร ยังมีจ้าวเอกภพแปดดาราในโลกนี้ที่สามารถสังหารจ้าวเอกภพเก้าดาราซึ่งมีชื่อเสียงอย่างยาวนานด้วยหนึ่งกระบี่เหมือนเฉินซีอีกหรือ?

“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าตอนนี้ความโกลาหลกำลังเกิดขึ้นในแดนเทพโบราณพร้อมกับมีสงครามเกิดขึ้นทุกแห่งหน?”

ในวันนี้ เฉินซีพลันขมวดคิ้ว ระหว่างทางเขาได้เห็นการต่อสู้และสงครามเป็นจำนวนมาก แต่พวกมันล้วนมีขนาดเล็กไม่ใหญ่โตแต่อย่างใด

“บางทีสงครามคงยังไม่กระจายมาถึงที่นี่ก็ได้ ถึงอย่างไรพวกเรากำลังกลับจากเอกภพสุดขอบตะวันออกของแดนเทพโบราณ”

เย่เจ๋อครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบอย่างรวดเร็ว

เขาในตอนนี้ยืนยันตัวตนของเฉินซีได้แล้ว ทำให้ไม่ต้องระแวดระวังระหว่างเดินทางอีกต่อไป ตรงกันข้าม เขาให้ความเคารพอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ซึ่งมันไม่ใช่เพียงเพราะเคยช่วยให้รอดจากเหมืองเทวะครามล้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเย่เฉินผู้เป็นญาติของเขายังเป็นสหายคนสนิทกับอีกฝ่ายอีกด้วย

เฉินซีเอ่ยคำว่าอ๋อหนึ่งคำขณะยังคงก้าวไปข้างหน้า

แต่ไม่ช้าเขาก็หยุดนิ่งอีกครั้งขณะสายตาประหนึ่งอัสนีมองท้องนภาดาราอันไกลลิบ ผ่านไปสักพักก็พึมพำ “สิ่งที่เจ้าพูดมาคือหายนะใหญ่โตจริงด้วย…”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]