เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2086

บทที่ 2086 ความคิดบ้า ๆ

………………..

บทที่ 2086 ความคิดบ้า ๆ

เฉินซีรู้สึกอายอยู่เล็กน้อยที่ถูกเหล่าไป๋ อาเหลียง และเยี่ยเหยียนขัดเช่นนั้น เขาหัวเราะแห้ง ๆ แล้วยิ้มออกมา “ไม่คิดเลยว่ากลับสำนักมาจะมีเรื่องน่าตกใจมากมายเช่นนี้ ทำเอาข้าไม่ทันตั้งตัวเลย”

อาเหลียงเอ่ยเสียงไพเราะด้วยความยินดี “คุณชาย อาเหลียงดีใจที่เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน”

เฉินซีหัวเราะเสียงเบาแล้วมองเจิ้นหลิวชิง จากนั้นมองเหล่าไป๋กับเยี่ยเหยียนก่อนเอ่ยว่า “ในเมื่อในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันหลังจากกันไปนาน ต้องฉลองกันหน่อยไม่ใช่หรือไง?”

เหล่าไป๋บ่นเสียงเย็นในลำคอ “ดูเข้าสิ เจ้าหมอนี่เปลี่ยนเรื่องแล้ว”

ถึงจะบอกแบบนั้น แต่เขาก็กระพือปีกด้วยความยินดี เอ่ยเสียงเครียดว่า “เร็วเข้า! เอ้าเร็ว! คุยกันพอแล้ว! รีบไปเอาเหล้ามา! ข้าไม่ได้ดื่มเหล้ามานานหลายปีแล้ว!”

ทุกคนได้ยินก็ต้องหัวเราะออกมา

เฉินซีรีบเอาเหล้าดีที่เก็บไว้หลายปีออกมาทันที จากนั้นทุกคนก็นั่งลงกับพื้นแล้วเริ่มพูดคุยกันอย่างคึกคักมีความสุข ชนแก้วกันไป

เหล่าไป๋และคนอื่น ๆ สงสัยมากว่าเฉินซีผ่านอะไรมาบ้างในช่วงหลายปีมานี้ เขาเองก็เล่าไปโดยไม่ปิดบัง อธิบายทุกอย่างตั้งแต่ที่เดินทางไปแดนมารดากำเนิดบรรพ์จนกระทั่งกลับเขาเทพพยากรณ์

เขาเล่าสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่พอพวกเหล่าไป๋ได้ยินเรื่องของเขาเข้า ใจก็เต้นแรงไม่อาจสงบลงได้อยู่เป็นเวลานาน

แดนมารดากำเนิดบรรพ์

โลกต้นกำเนิดอันลึกลับ

เหมืองเทวะครามล้ำ

ใครจะไปคิดว่าในเวลาไม่กี่สิบปีมานี้ เฉินซีจะเจอเหตุการณ์มากมายหลายอย่างเช่นนี้ได้? ไม่มีใครคาดถึงเลยว่าเขาต้องเจออันตรายมามากมายขนาดไหน

ไม่นานทุกคนก็เริ่มกรึ่ม ๆ

กระทั่งอาเหลียงยังดวงตาหรี่ลงมองภาพไม่ชัดเจน เอามือกอดหัวเข่าไว้แล้วเปลี่ยนร่างพิงกับไหเหล้าสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่กว่าตัวนาง ใบหน้างามขึ้นสีแดง เป็นภาพที่น่าดูชมไม่น้อย

“เหล่าไป๋ รู้หรือไม่ว่าทำไมเต๋าสวรรค์ถึงได้เปลี่ยนผันไปขนาดนี้?” เฉินซีพลันถามขึ้น ด้วยเหล่าไป๋มีฉายาเป็น ‘สรรพวิญญาจารย์’ มีทั้งความรู้โบราณและความรู้ในปัจจุบัน เฉินซีจึงอยากรู้ว่าเหล่าไป๋คิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันในเต๋าสวรรค์

“ความวิบัติ” เหล่าไป๋เผยความเงียบที่เห็นได้ยาก ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถึงข้าจะรู้มามาก แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ เต๋าสวรรค์เองก็เป็นหนึ่งนั้น”

“อ้อ” เฉินซีชะงักไปเมื่อได้ยินคำเหล่าไป๋ ซึ่งคล้ายกับคำพูดที่หลียางเอ่ยกับเขาก่อนหน้านี้

“แต่ข้าก็พอเดาได้ราง ๆ ว่าความวิบัตินี้ต้องหนักหนาสาหัสกว่าในอดีต คงจะส่งผลกระทบต่อแดนเทพโบราณมากแน่” เหล่าไป๋กล่าวเสริม

“แล้วท่านคิดว่าเราจะหยุดความวิบัตินี้ได้อย่างไร?” เฉินซีถามคำถามนี้ขึ้นมา

“หยุดหรือ?” เหล่าไป๋ส่ายหน้า “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเกินคาดในเต๋าสวรรค์! เต๋าสวรรค์นั้นมีอำนาจสูงกว่าใคร ข้าจะไปรู้มันได้อย่างไร? เว้นเสียแต่ว่า….”

พอพูดถึงตรงนี้ เหล่าไป๋เอ่ยตลกขำขันขึ้นมา “เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะเต๋าสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็จะสามารถหยุดความวิบัติลงได้”

“เอาชนะเต๋าสวรรค์?” เฉินซีรู้สึกใจสะท้าน เหมือนกับถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ เอาชนะนภาผนึกเทพน่ะหรือ? ทำไมข้าถึงคิดไม่ถึงกันนะ?

ตอนแรกที่ความวิบัติแห่งสามภพเพิ่งเริ่มขยาย เต๋าสวรรค์จำนวนมากก็ถือกำเนิดขึ้นมา เกิดศึกระหว่างเต๋าสวรรค์ขึ้น สุดท้ายนภาผนึกเทพก็เอาชนะเต๋าทั้งหมดไปได้แล้วผสานร่างมันกับเต๋าสวรรค์อื่น ๆ และเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย

ตลอดเวลานั้น มีเพียงสวรรค์กำเนิดบรรพ์เท่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือจากแผนภาพวารีหลาก จึงรอดพ้นนภาผนึกเทพไปได้

ตอนนี้พลังของนภาผนึกเทพกระจายไปทั่วสามภพ แดนเทพโบราณ และพื้นที่อื่น ๆ แล้ว อาจกล่าวได้ว่ามันมีอำนาจสูงส่งเหนือจินตนาการ ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่กล้าขัดอำนาจมันได้แม้แต่นิด

ตั้งแต่ที่เขาเริ่มบ่มเพาะพลังมา เฉินซีไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถเอาชนะเต๋าสวรรค์ได้หรือไม่ หรือไม่เขาก็พยายามเลี่ยงที่จะคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด

เพราะอย่างไรเมื่อคิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการ ‘ท้าทายสวรรค์’ เป็นการลบหลู่เกียรติเต๋าสวรรค์ได้ เต๋าสวรรค์มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงส่งในใจทุกผู้คน ดังนั้นเหล่าผู้บ่มเพาะพลังจึงเกรงกลัวที่จะมีความคิดเหล่านั้น เกรงว่าสวรรค์จะพิโรธและลงโทษพวกเขาได้!

แต่ตอนนี้เฉินซีมองออกแล้ว เขารู้ดีว่า ‘อำนาจศักดิ์สิทธิ์’ อะไรนั่นก็เป็นเพียงแค่พลังแห่งกฎและบัญชาที่ไหลเวียนอยู่ภายในเต๋าสวรรค์เท่านั้น

ดังนั้นเขากลัวเต๋าสวรรค์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเคารพมัน

ตอนนี้คำพูดตลกของเหล่าไป๋ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เฉินซีจึงมีความคิดน่าตกใจหนึ่งขึ้นมา ในเมื่อนภาผนึกเทพเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ก่อให้เกิดความวิบัติทั่วแดนเทพโบราณ แล้วทำไมข้าถึงจะกำราบมันแล้วหยุดความวิบัตินั้นไว้ไม่ได้แล้ว?

เอาชนะนภาผนึกเทพ?

กำราบนภาผนึกเทพงั้นหรือ?

กำชัยเหนือ….

ยิ่งเขาคิด ความรู้สึกแปลกประหลาดมากมายก็ผุดขึ้นในใจเฉินซี เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นรู้สึกยินดีมากขึ้น เหมือนกับความรู้สึกโหยหาบางอย่างในใจได้ปะทุขึ้นมา

เฉินซีไม่รู้ว่าจะอธิบายความตื่นเต้นนี้ยังไง ตัวเขาเองยังรู้สึกประหลาดใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนผันอย่างกะทันหันเช่นนี้เลย

เอาชนะนภาผนึกเทพ….

ในใจผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายในใต้หล้านี้ ความคิดเช่นนั้นคือความคิดต้องห้าม นับเป็นการก่อกบฏได้ทีเดียว!

เห็นได้ชัดว่าหากมีใครกล้าทำ ก็เท่ากับว่าต่อต้านบัญชาและกฎสูงสุดทั้งหลายที่ปกครองใต้หล้านี้อยู่

“ข้าไม่เป็นไร” เฉินซีสูดลมหายใจเข้า จากนั้นชำระล้างจิตใจตนให้สะอาด “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่โง่พอจะคิดต่อต้านเต๋าสวรรค์ในตอนนี้หรอก”

คิ้วโก่งของเจิ้นหลิวชิงที่เรียวงามดั่งใบหลิวขมวดเข้าหากัน “เช่นนั้นในอนาคตเล่า?”

เฉินซียิ้มกล่าว “ใครจะไปรู้อนาคตได้?”

เขาไม่อยากบอกความคิดที่อยู่ส่วนลึกในใจออกไปเพราะไม่อยากให้นางเป็นกังวล เพราะอย่างไรความคิดเช่นนั้นคนอื่นก็มองว่าทั้งไร้สาระและแปลกเกินคนยิ่ง

“ข้าเชื่อว่าหากเจ้ายังเตรียมการไม่พร้อม เจ้าจะไม่ลงมือทำอะไรโง่ ๆ หรอก” เจิ้นหลิวชิงยิ้มออก ดวงตาบริสุทธิ์เจือแสงน้อย ๆ เหมือนจะเข้าใจความคิดเฉินซีแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

นางก็เป็นของนางแบบนี้ มีท่าทีให้ความรู้สึกสงบ ทั้งยังมีความฉลาดเฉลียวไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่แสดงมันออกมา ทำให้ดึงดูดคนอื่น ๆ เข้ามาได้

เฉินซีพลันเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าไป ทำไมเจ้ากับอาจารย์ของเจ้า นักพรตเต๋าเซวี่ย ถึงถูกตระกูลกงเหย่จับตัวไว้เมื่อหลายปีก่อนได้เล่า?”

“เจ้าไม่ได้ดูป้ายหยกนั่นหรือ?” เจิ้นหลิวชิงชะงักไป

เฉินซีจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้ป้ายหยกโชกเลือดมาจากเยี่ยเหยียนหลังจากที่นางหลบหนีออกมาจากตระกูลกงเหย่ได้ โดยนางกล่าวว่ามันสร้างมาจากซากร่างนักพรตเต๋าเซวี่ย แล้วก็เป็นป้ายหยกนี้เองที่ตระกูลกงเหย่อยากได้หนักหนา

ในตอนนั้น เฉินซีรู้ดีว่าคงจะเป็นเจ้าป้ายหยกนี่ที่ทำให้นักพรตเต๋าเซวี่ยกับเจิ้นหลิวชิงพบอันตราย แต่เขาก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรมัน

เพราะถือว่าเป็นการให้ความเคารพนางอย่างหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เฉินซีไม่เชื่อว่าเจิ้นหลิวชิงจะตายก็เท่านั้น

ในความคิดเขา ในเมื่อป้ายหยกเปื้อนเลือดเป็นสิ่งที่นักพรตเต๋าเซวี่ยทิ้งไว้ให้ แสดงว่าก็ต้องทิ้งไว้ให้เจิ้นหลิวชิง ฉะนั้นเขาจะไม่มีทางก้าวล่วงความตั้งใจนั้นเด็ดขาด

“ข้าเปล่า” เฉินซีส่ายหน้า

เจิ้นหลิวชิงจึงถามขึ้น “ทำไมล่ะ?”

เฉินซีเอ่ยเสียงสบาย “เพราะข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องตื่นขึ้นมาแน่”

คำพูดของเขาทำให้เจิ้นหลิวชิงเข้าใจความคิดเฉินซีในตอนนั้นขึ้นมา ในใจนางเกิดความรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาดขึ้นมา

ชายหนุ่มตรงหน้านางผ่านลมฝนมามาก แต่ก็ยังสามารถรักษาหัวใจที่มีเมตตาต่อผู้อื่นไว้ได้ ยังไม่เปลี่ยนไปจากคนเดิมที่เคยได้รู้จักกันเมื่อสมัยราชวงศ์ซ่ง

ยามขอบเขตพลังสูงขึ้น อายุขัยก็เปลี่ยนแปลงไป ความฉลาดเฉลียวอาจเปลี่ยนผัน…. แต่จะมีสักกี่คนที่จะสามารถรักษาจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์และมั่นคงไว้จนถึงตอนนี้ได้บ้าง?

นี่กระมังเป็นสิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าเขาน่าสนใจตอนที่พบกันครั้งแรก?

คิดได้ดังนั้นแล้ว มุมปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มจริงใจ

นัยน์ตาเป็นประกายของนางจับจ้องเฉินซีอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นน้ำเสียงอ่อนโยนก็เอ่ยขึ้นว่า “ในป้ายหยกนั้นบันทึกที่ตั้งของสถานที่ลับเอาไว้ อาจารย์บอกไว้ว่ามันเป็นสถานที่ซึ่งผู้บ่มเพาะผู้ใฝ่หามหาวิถีแห่งเต๋าโหยหาทุกห้วงจิต แต่มีเพียงผู้ที่ได้ก้าวเดินบนมหาวิถีแห่งเต๋าแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปที่นั่นได้!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]